แอลจี โหมตลาดจอภาพ ทุ่มอีก 100 ล้าน เพิ่มกำลังการผลิต พร้อมปล่อยหมัดเด็ด ทะลวงตลาดจอภาพ ส่ง “สการ์เลต” แอลซีดีซีรี่ย์ล่าสุด หวังคว้าใจหญิงไทย เพื่อดันแชร์ในตลาดจาก 8% สู่ 15% ให้ได้ในปีนี้ ภายใต้งบการตลาดกว่า 200 ล้านบาท ครึ่งปีหลังเตรียมส่งขุนศึกลงสนามอีก 2 ซีรี่ย์ รองรับฟุตบอลยูโรและโอลิมปิก มั่นใจตลาดยังเติบโตได้อยู่ แม้มีปัจจัยรุมเร้า
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเล็คทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน พบว่ายังมีการเติบโตที่ดีกว่า ซึ่งมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีคาดว่าจะทำให้ในไตรมาสที่2 และ 3 ของปีนี้ แนวโน้มตลาดแอลซีดีทีวีก็น่าจะมีแนวโน้มที่ดีด้วย ล่าสุดบริษัทฯได้เพิ่มเงินลงทุนในส่วนของกำลังการผลิตจอภาพ ที่โรงงานจังหวัดระยอง จากเดิม 1.1 ล้านเครื่องต่อปีเป็น 1.3 ล้านเครื่องต่อปี โดยกว่า 40% จะเป็นการผลิตกลุ่มแอลซีดีทีวี
“บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะจำหน่ายจอภาพในไทย โดยการผลิตในประเทศเป็นหลัก พร้อมกับผลักดันให้ผู้บริโภคหันมาใช้แอลซีดีทีวีกันมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของซีอาร์ทีทีวีนั้น จะเน้นผลิตรุ่นที่เป็นซูเปอร์สลิมแทน เพราะหลังจากที่ผู้บริโภคหันมาใช้ซีอาร์ทีรุ่นนี้แล้ว การเปลี่ยนสู่การใช้แอลซีดีทีวีก็จะไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรก็ตามในแง่การส่งออกนั้น จะเน้นส่งออกเพียง 30% ของกำลังการผลิตทั้งหมด และ 70% เป็นการจำหน่ายในประเทศ”
ล่าสุดทางบริษัทฯได้เปิดตัว แอลซีดี ซีรี่ย์ล่าสุด “สการ์เลต” (ScarLet) ในวันที่ 30 เม.ย. พร้อมกันทั่วโลก ซึ่งเป็นแอลซีดี ภายใต้คอนเซ็ปต์ Stylish & Smart Technology โดยในเมืองไทย ได้ใช้งบประมาณทางแอร์ไทม์ในการโฆษณาไปกว่า 40 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง จากข้อมูลพบว่าผู้บริโภคกว่า 93% ที่ซื้อแอลซีดีทีวีเป็นผู้หญิง
ทั้งนี้ สการ์เลต จะมีด้วยกัน 4 รุ่น คือ 32 นิ้ว ราคา 29,990 บาท, 37 นิ้ว ราคา 39,990 บาท และแบบฟูลเอชดีอีก 2 รุ่น คือ 42 นิ้ว ราคา 74,990 บาท และ 47 นิ้ว ราคา 99,990 บาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการเปิดตัวซีรี่ย์เพิ่มอีก 2 ซีรี่ย์ ทำให้มีไลน์อัฟสินค้าครบมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมเม็ดเงินสำหรับทำตลาดแอลซีดีทีวีสูงถึง 200 ล้านบาท แบ่งเป็นบิโลว์เดอร์ไลน์ 70% และอะโบพเดอะไลน์ 30% คาดว่าน่าจะทำให้แอลจีมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น15% ขึ้นเป็นอันดับ3 จากเดิมอันดับที่ 4 ของตลาดได้ในสิ้นปีนี้ ขณะที่ความต้องการของตลาดในปีนี้
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า จากการที่ปีนี้จะมีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลยูโร และโอลิมปิค คาดว่าจะทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวตลาดหมวดจอภาพจะมีการเติบโตสุงเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติ 20% โดยเฉพาะช่วงการแข่งขันกีฬาฟุตบอลยูโร มองว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ในตลาดจอภาพกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ความต้องการแอลซีดีทีวีในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 800,000 เครื่อง จากปีก่อนที่มีเพียง 500,000 เครื่อง และอีก 2 ปีข้างหน้าคาดเว่าจะอยู่ที่ 1 ล้านเครื่อง
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเล็คทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน พบว่ายังมีการเติบโตที่ดีกว่า ซึ่งมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีคาดว่าจะทำให้ในไตรมาสที่2 และ 3 ของปีนี้ แนวโน้มตลาดแอลซีดีทีวีก็น่าจะมีแนวโน้มที่ดีด้วย ล่าสุดบริษัทฯได้เพิ่มเงินลงทุนในส่วนของกำลังการผลิตจอภาพ ที่โรงงานจังหวัดระยอง จากเดิม 1.1 ล้านเครื่องต่อปีเป็น 1.3 ล้านเครื่องต่อปี โดยกว่า 40% จะเป็นการผลิตกลุ่มแอลซีดีทีวี
“บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะจำหน่ายจอภาพในไทย โดยการผลิตในประเทศเป็นหลัก พร้อมกับผลักดันให้ผู้บริโภคหันมาใช้แอลซีดีทีวีกันมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของซีอาร์ทีทีวีนั้น จะเน้นผลิตรุ่นที่เป็นซูเปอร์สลิมแทน เพราะหลังจากที่ผู้บริโภคหันมาใช้ซีอาร์ทีรุ่นนี้แล้ว การเปลี่ยนสู่การใช้แอลซีดีทีวีก็จะไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรก็ตามในแง่การส่งออกนั้น จะเน้นส่งออกเพียง 30% ของกำลังการผลิตทั้งหมด และ 70% เป็นการจำหน่ายในประเทศ”
ล่าสุดทางบริษัทฯได้เปิดตัว แอลซีดี ซีรี่ย์ล่าสุด “สการ์เลต” (ScarLet) ในวันที่ 30 เม.ย. พร้อมกันทั่วโลก ซึ่งเป็นแอลซีดี ภายใต้คอนเซ็ปต์ Stylish & Smart Technology โดยในเมืองไทย ได้ใช้งบประมาณทางแอร์ไทม์ในการโฆษณาไปกว่า 40 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิง จากข้อมูลพบว่าผู้บริโภคกว่า 93% ที่ซื้อแอลซีดีทีวีเป็นผู้หญิง
ทั้งนี้ สการ์เลต จะมีด้วยกัน 4 รุ่น คือ 32 นิ้ว ราคา 29,990 บาท, 37 นิ้ว ราคา 39,990 บาท และแบบฟูลเอชดีอีก 2 รุ่น คือ 42 นิ้ว ราคา 74,990 บาท และ 47 นิ้ว ราคา 99,990 บาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการเปิดตัวซีรี่ย์เพิ่มอีก 2 ซีรี่ย์ ทำให้มีไลน์อัฟสินค้าครบมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯได้เตรียมเม็ดเงินสำหรับทำตลาดแอลซีดีทีวีสูงถึง 200 ล้านบาท แบ่งเป็นบิโลว์เดอร์ไลน์ 70% และอะโบพเดอะไลน์ 30% คาดว่าน่าจะทำให้แอลจีมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น15% ขึ้นเป็นอันดับ3 จากเดิมอันดับที่ 4 ของตลาดได้ในสิ้นปีนี้ ขณะที่ความต้องการของตลาดในปีนี้
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า จากการที่ปีนี้จะมีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลยูโร และโอลิมปิค คาดว่าจะทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวตลาดหมวดจอภาพจะมีการเติบโตสุงเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติ 20% โดยเฉพาะช่วงการแข่งขันกีฬาฟุตบอลยูโร มองว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ในตลาดจอภาพกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ความต้องการแอลซีดีทีวีในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 800,000 เครื่อง จากปีก่อนที่มีเพียง 500,000 เครื่อง และอีก 2 ปีข้างหน้าคาดเว่าจะอยู่ที่ 1 ล้านเครื่อง
