นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดแถลงข่าวถึง มาตราการ การควบคุมร้านเกมส์-อินเตอร์เน็ตว่า ในปัจจุบันมีร้านเกมส์และอินเตอร์เน็ตอยู่มาก ซึ่งถือเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เกิดการกระทำไม่เหมาะสมในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี นอกจากเกมส์แล้วยังมีสื่อที่ยั่วยุเข้ามาทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ดังนั้นกระทรวงมหาดไทย จึงถือเป็นนโยบายที่เร่งด่วน เหมือนเรื่องของการจัดระเบียบสังคม จึงได้กำชับให้จังหวัดต่างๆ ให้ดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยให้มีการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 ให้นายทะเบียนกลางและนายทะเบียนประจำจังหวัดทุกจังหวัด กำชับให้พนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าพนักงานเข้มงวดกวดขันและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม จัดชุดปฏิบัติการออกตรวจสถานประกอบการในพื้นที่ หากพบว่า มีการกระทำผิดหรือฝ่าฝืนนโยบายการจัดชุดระเบียบสังคมของรัฐบาล ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันทีและให้และให้จังหวัดพิจารณานำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาใช้
“กระทรวงมหาดไทยจะนำเอาพระราชบัญญัติเก่าแก่นั้นคือ พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 ในกฎหมายฉบับดังกล่าว มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสามารถแต่งตั้งให้นายทะเบียนกลาง และนายทะเบียนประจำจังหวัด สามารถออกตรวจสถานประกอบการในพื้นที่ หากพบกระทำผิด ฝ่าฝืนนโยบายจัดระเบียบสังคมของรัฐบาลให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
นายพงศ์โพยม กล่าวว่า ทางกระทรวงมหาดไทยจะนำเอากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปใช้กับการควบคุมร้านเกมส์ อินเตอร์เน็ท เช่น พระราชบัญญัติควบคุมเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 ที่มีข้อหาความผิด เกี่ยวกับการฉายหรือให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือฉายหรือให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ปฏิบัติไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
ซึ่งยังมีพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ที่ระบุข้อหาความผิดว่า การกระทำการบังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือน่าจะทำให้เด็กมีความเสียงต่อการกระทำผิดหรือบังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม ยินยอมให้เด็กแสดง หรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารหรือเล่นการพนัน มาใช้บังคับควบคุมกับเหล่าร้านเกมส์และร้านอินเตอร์เน็ต
นอกจากนี้ยังมีมาตราที่ 7 ที่ระบุไว้ว่าจะต้องเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ มีความประพฤติดี และในมาตรา 8 วรรค 3 ของกฎหมายฉบับนี้ ได้ให้อำนาจนายทะเบียนจะกำหนดเงื่อนไขใดๆ ก็ได้ตามที่เห็นสมควร ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้ออกระเบียบมา 2 ตัวในพ.ศ. 2543 ตัวเทปจะต้องไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ไม่แตกความสามัคคี ต้องส่งเสริมศีลธรรมอันดี และใน ปี 2549 ได้ออกระเบียบกระทรวงมหาดไทยในเรื่องอาคารและสถานที่รวมถึงการให้บริการและข้อห้าม
นายพงศ์โพยม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตัวอาคารต้องมีความแข็งแรง และบุคคลภายนอกสามารถมองเห็นได้ และถ้ามี 2 ชั้น ต้องมีวงจรปิด มีอุปกรณ์ดับเพลิง มีห้องน้ำและต้องติดป้ายราคาให้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนเกมส์ที่เล่นนั้นจะต้องไม่เป็นเกมส์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม หากเกมส์ที่นำมาเล่นนั้นมีความรุนแรงก็ถือว่าผิด ไม่ว่าจะเป็นเกมส์ที่มีการฆ่ากันตาย ตัดคอหรือมีการยิงกัน
“กฎหมายได้ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ห้ามเล่นร้านเกมส์ อินเตอร์เน็ต ก่อนเวลา 14.00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ และ ห้ามเล่นเกินเวลา 22.00 น. โดยห้ามเล่นเกมส์ติดต่อกันเกิน 3 ชั่วโมงต่อวัน ยกเว้นวันหยุดราชการ ไม่เช่นนั้นเด็กจะหนีโรงเรียนไปเล่น อย่างไรก็ดีมาตราการนี้จะให้ทุกจังหวัดกวดขันไปตามระเบียบ ขณะนี้มีกฎหมายในการดูแลเรื่องนี้ สำหรับโทษผู้ที่เปิดร้าน ถ้าเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าไม่ทำตามเงือนไขในตามระเบียบ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท”
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ดังนั้นกระทรวงมหาดไทย จึงถือเป็นนโยบายที่เร่งด่วน เหมือนเรื่องของการจัดระเบียบสังคม จึงได้กำชับให้จังหวัดต่างๆ ให้ดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยให้มีการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 ให้นายทะเบียนกลางและนายทะเบียนประจำจังหวัดทุกจังหวัด กำชับให้พนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าพนักงานเข้มงวดกวดขันและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม จัดชุดปฏิบัติการออกตรวจสถานประกอบการในพื้นที่ หากพบว่า มีการกระทำผิดหรือฝ่าฝืนนโยบายการจัดชุดระเบียบสังคมของรัฐบาล ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันทีและให้และให้จังหวัดพิจารณานำกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาใช้
“กระทรวงมหาดไทยจะนำเอาพระราชบัญญัติเก่าแก่นั้นคือ พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 ในกฎหมายฉบับดังกล่าว มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสามารถแต่งตั้งให้นายทะเบียนกลาง และนายทะเบียนประจำจังหวัด สามารถออกตรวจสถานประกอบการในพื้นที่ หากพบกระทำผิด ฝ่าฝืนนโยบายจัดระเบียบสังคมของรัฐบาลให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
นายพงศ์โพยม กล่าวว่า ทางกระทรวงมหาดไทยจะนำเอากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปใช้กับการควบคุมร้านเกมส์ อินเตอร์เน็ท เช่น พระราชบัญญัติควบคุมเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 ที่มีข้อหาความผิด เกี่ยวกับการฉายหรือให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือฉายหรือให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ปฏิบัติไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต
ซึ่งยังมีพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ที่ระบุข้อหาความผิดว่า การกระทำการบังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือน่าจะทำให้เด็กมีความเสียงต่อการกระทำผิดหรือบังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม ยินยอมให้เด็กแสดง หรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารหรือเล่นการพนัน มาใช้บังคับควบคุมกับเหล่าร้านเกมส์และร้านอินเตอร์เน็ต
นอกจากนี้ยังมีมาตราที่ 7 ที่ระบุไว้ว่าจะต้องเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ มีความประพฤติดี และในมาตรา 8 วรรค 3 ของกฎหมายฉบับนี้ ได้ให้อำนาจนายทะเบียนจะกำหนดเงื่อนไขใดๆ ก็ได้ตามที่เห็นสมควร ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้ออกระเบียบมา 2 ตัวในพ.ศ. 2543 ตัวเทปจะต้องไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ไม่แตกความสามัคคี ต้องส่งเสริมศีลธรรมอันดี และใน ปี 2549 ได้ออกระเบียบกระทรวงมหาดไทยในเรื่องอาคารและสถานที่รวมถึงการให้บริการและข้อห้าม
นายพงศ์โพยม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตัวอาคารต้องมีความแข็งแรง และบุคคลภายนอกสามารถมองเห็นได้ และถ้ามี 2 ชั้น ต้องมีวงจรปิด มีอุปกรณ์ดับเพลิง มีห้องน้ำและต้องติดป้ายราคาให้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนเกมส์ที่เล่นนั้นจะต้องไม่เป็นเกมส์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม หากเกมส์ที่นำมาเล่นนั้นมีความรุนแรงก็ถือว่าผิด ไม่ว่าจะเป็นเกมส์ที่มีการฆ่ากันตาย ตัดคอหรือมีการยิงกัน
“กฎหมายได้ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ห้ามเล่นร้านเกมส์ อินเตอร์เน็ต ก่อนเวลา 14.00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ และ ห้ามเล่นเกินเวลา 22.00 น. โดยห้ามเล่นเกมส์ติดต่อกันเกิน 3 ชั่วโมงต่อวัน ยกเว้นวันหยุดราชการ ไม่เช่นนั้นเด็กจะหนีโรงเรียนไปเล่น อย่างไรก็ดีมาตราการนี้จะให้ทุกจังหวัดกวดขันไปตามระเบียบ ขณะนี้มีกฎหมายในการดูแลเรื่องนี้ สำหรับโทษผู้ที่เปิดร้าน ถ้าเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าไม่ทำตามเงือนไขในตามระเบียบ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท”
