ผู้จัดการรายวัน – “โอกิลวี่แอ็คชั่น” พบเทรนด์การแข่งขัน ณ จุดขายมีสูงขึ้น หลังเปิดตัวเพียงปีเดียวยอดโตพรวด 145% ล่าสุดเพิ่มทีมงาน -เครื่องมือ รองรับลูกค้าใหม่ที่จะขยายสู่รีเทลรูปต่างๆทั้งฟาร์มาซี และไอที คาดปี้นี้เตรียมรับการเติบโตอีก 50%
นายมิทช์ เว็บเบอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอกิลวี่แอ็คชั่น จำกัด กล่าวว่า หลังจากปีก่อนที่ได้เปิดตัว “โอกิลวี่แอ็คชั่น” ขึ้นมา เพื่อช่วยให้เจ้าของสินค้าชนะใจผู้ซื้อ ในขณะที่กำลังตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย รวมทั้งเปลี่ยนใจมาซื้อสินค้าของตนให้ได้ ภายใต้ความชำนาญและเครื่องมือรวมถึงกระบวนการทั้ง 3 รูปแบบ คือ 1. ฟาสต์แทค ที่ช่วยให้เจ้าของสินค้าเข้าใจว่าผู้ที่ซื้อสินค้าของตนนั้น จริงๆคือใครและมีพฤติกรรมอย่างไรในการซื้อสินค้า
2.ลาสต์ไมล์ พาธ์ ทู เพอร์เชส ฟันเนล แนวทางให้เราเข้าใจประเด็นต่างๆที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ สามารถแก้ปัญหาเรื่องผู้บริโภครู้จักสินค้าแต่ไม่ซื้อ และเปลี่ยนใจให้ซื้อสินค้าของลูกค้าในที่สุด และ3.ลาสต์ไมล์อะนาลิติกส์ ช็อปเปอร์ เป็นการประเมินและรายงานผลแบบเรียลไทม์ว่าเกิดอะไรขึ้น ณ จุดขาย ซึ่งทั้ง 3 เครื่องมือนี้ ส่งผลให้บริษัทฯมีลูกค้าเข้ามากว่า 25 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าว มี 10 รายที่แอ็คทีฟการทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเติบโตของรายได้ที่วางไว้ว่าน่าจะโตขึ้น 75% จากปี 2549 ที่เริ่มทดลองตลาด ปรากฏว่ามีการเติบโตสูงถึง 145%
“เราพบว่าการแข่งขัน ณ จุดขาย ในโมเดิร์นเทรดจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยจะเป็นในลักษณะของการเลือกใช้วิธีการจัดวางสินค้าให้ผู้บริโภคเลือซื้อให้มากที่สุด รวมถึงต้องอาศัยวิธีการจูงใจต่างๆให้ผู้บริโภคเลือกสินค้าของเรา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ได้ตั้งใจมาซื้อแบรนด์ของเราก็ตาม โดยปัจจัยเหล่านี้จะต้องเจาะลึกลงไปถึงสถานที่ของแต่ละสาขา และกลุ่มเป้าหมายในบริเวณนั้นด้วย โดยการแข่งขัน ณ จุดขายนี้ ส่วนหนึ่งที่มองว่ายังรุนแรง เนื่องจากยังพบอีกว่า แม้ว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี แต่ผู้บริโภคก็ยังนิยมเข้ามาซื้อสินค้าในโมเดิร์นเทรดอยู่”
ในปีนี้บริษัทฯมีแผนขยายทีมงานเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 4 ทีมเป็น 5 ทีมในเดือนมิถุนายนนี้ และเพิ่มเครื่องมือขึ้นมาใหม่อีก 1 ชนิด เรียกว่า ช็อปเปอร์อะนาลิติกส์ ที่จะช่วยให้เจ้าของสินค้าเห็นได้ว่าการจัดวางสินค้าแต่ละประเภท และข้อมูลต่างๆที่ปรากฏบนสื่อส่งเสริม ณ จุดขาย สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมและมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อหรือไม่ พร้อมทั้งเตรียมรุกเข้าไปดูแลรีเทลในลักษณะอื่นๆเพิ่มเติม
สำหรับความเชี่ยวชาญที่เริ่มจากโมเดิร์นเทรดนั้น ปีนี้จะขยายสู่กลุ่มลูกค้ารีเทลด้านอื่นๆด้วยไม่ว่าจะเป็น ไอที ฟาร์มมาซี อย่างบู๊ทส์ และวัตสัน การตลาดในแคมปัส ในมหาวิทยาลัย และร้านค้าปลอดภาษี หรือสินค้าฟุ่มเฟือยอย่าง ดิวตี้ฟรีอีกด้วย มั่นใจว่าปีนี้บริษัทฯน่าจะมีการเติบโตขึ้นจากปีก่อนอีก 50%
นายมิทช์ เว็บเบอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอกิลวี่แอ็คชั่น จำกัด กล่าวว่า หลังจากปีก่อนที่ได้เปิดตัว “โอกิลวี่แอ็คชั่น” ขึ้นมา เพื่อช่วยให้เจ้าของสินค้าชนะใจผู้ซื้อ ในขณะที่กำลังตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย รวมทั้งเปลี่ยนใจมาซื้อสินค้าของตนให้ได้ ภายใต้ความชำนาญและเครื่องมือรวมถึงกระบวนการทั้ง 3 รูปแบบ คือ 1. ฟาสต์แทค ที่ช่วยให้เจ้าของสินค้าเข้าใจว่าผู้ที่ซื้อสินค้าของตนนั้น จริงๆคือใครและมีพฤติกรรมอย่างไรในการซื้อสินค้า
2.ลาสต์ไมล์ พาธ์ ทู เพอร์เชส ฟันเนล แนวทางให้เราเข้าใจประเด็นต่างๆที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ สามารถแก้ปัญหาเรื่องผู้บริโภครู้จักสินค้าแต่ไม่ซื้อ และเปลี่ยนใจให้ซื้อสินค้าของลูกค้าในที่สุด และ3.ลาสต์ไมล์อะนาลิติกส์ ช็อปเปอร์ เป็นการประเมินและรายงานผลแบบเรียลไทม์ว่าเกิดอะไรขึ้น ณ จุดขาย ซึ่งทั้ง 3 เครื่องมือนี้ ส่งผลให้บริษัทฯมีลูกค้าเข้ามากว่า 25 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าว มี 10 รายที่แอ็คทีฟการทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเติบโตของรายได้ที่วางไว้ว่าน่าจะโตขึ้น 75% จากปี 2549 ที่เริ่มทดลองตลาด ปรากฏว่ามีการเติบโตสูงถึง 145%
“เราพบว่าการแข่งขัน ณ จุดขาย ในโมเดิร์นเทรดจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยจะเป็นในลักษณะของการเลือกใช้วิธีการจัดวางสินค้าให้ผู้บริโภคเลือซื้อให้มากที่สุด รวมถึงต้องอาศัยวิธีการจูงใจต่างๆให้ผู้บริโภคเลือกสินค้าของเรา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ได้ตั้งใจมาซื้อแบรนด์ของเราก็ตาม โดยปัจจัยเหล่านี้จะต้องเจาะลึกลงไปถึงสถานที่ของแต่ละสาขา และกลุ่มเป้าหมายในบริเวณนั้นด้วย โดยการแข่งขัน ณ จุดขายนี้ ส่วนหนึ่งที่มองว่ายังรุนแรง เนื่องจากยังพบอีกว่า แม้ว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี แต่ผู้บริโภคก็ยังนิยมเข้ามาซื้อสินค้าในโมเดิร์นเทรดอยู่”
ในปีนี้บริษัทฯมีแผนขยายทีมงานเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 4 ทีมเป็น 5 ทีมในเดือนมิถุนายนนี้ และเพิ่มเครื่องมือขึ้นมาใหม่อีก 1 ชนิด เรียกว่า ช็อปเปอร์อะนาลิติกส์ ที่จะช่วยให้เจ้าของสินค้าเห็นได้ว่าการจัดวางสินค้าแต่ละประเภท และข้อมูลต่างๆที่ปรากฏบนสื่อส่งเสริม ณ จุดขาย สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมและมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อหรือไม่ พร้อมทั้งเตรียมรุกเข้าไปดูแลรีเทลในลักษณะอื่นๆเพิ่มเติม
สำหรับความเชี่ยวชาญที่เริ่มจากโมเดิร์นเทรดนั้น ปีนี้จะขยายสู่กลุ่มลูกค้ารีเทลด้านอื่นๆด้วยไม่ว่าจะเป็น ไอที ฟาร์มมาซี อย่างบู๊ทส์ และวัตสัน การตลาดในแคมปัส ในมหาวิทยาลัย และร้านค้าปลอดภาษี หรือสินค้าฟุ่มเฟือยอย่าง ดิวตี้ฟรีอีกด้วย มั่นใจว่าปีนี้บริษัทฯน่าจะมีการเติบโตขึ้นจากปีก่อนอีก 50%
