บู๊ทส์ปรับโฉมบู๊ทส์เฮลธ์คลับ หลังทำยอดขายขึ้น 30% เพิ่มพันธมิตรและสิทธิประโยชน์ดึงดูดสมาชิก หวังปีนี้ขยับอีก 3 เท่า เป็น 5.1 หมื่นราย
นายเอียน ฮันเตอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค แต่ตลาดรวมผลิตภัณฑ์เฮลธ์แคร์ ก็ยังเติบโตดี โดยส่วนของตลาดยาเติบโต 19% ส่วนผลิตภัณฑ์เฮลธ์แคร์เติบโต 10% โดย บู๊ทส์ มีส่วนแบ่งประมาณ 3% จากตลาดรวมเฮลธ์แคร์ที่ไม่นับช่องทางโรงพยาบาล
โดยปีนี้บริษัทได้ปรับโฉมบัตร บู๊ทส์ เฮลธ์ คลับใหม่ โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์และพันธมิตรเพิ่มขึ้น หลังจากที่เปิดตัวบัตรนี้เมื่อปีที่แล้วทำให้ยอดขายในส่วนเฮลธ์แคร์เพิ่มกว่า 30% และฐานสมาชิกเพิ่มเป็น 17,000 ราย แต่แอกทีฟประมาณ 15,000 ราย จากเดิมช่วงก่อนเริ่มแคมเปญมีฐานสมาชิกเพียง 2,700 รายเท่านั้น อีกทั้งยังเพิ่มความถี่ในการเข้าร้านบู๊ทส์จากเดิมเฉลี่ย 2 ครั้งต่อคนต่อเดือน ซึ่งการใช้จ่ายของลูกค้ามีประมาณ 300 บาทต่อคนต่อครั้ง โดยคาดหวังจะเพิ่มเป็น 3 เท่าจาก 17,000 ราย ในสิ้นปีนี้ หรือเท่ากับ 51,000 ราย
พันธมิตรปีนี้ร่วมกับ โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาสมิติเวช, โรงพยาบาลบีเอ็นเฮช, อยุธยาอลิอันซ์ซีพีประกันชีวิต, ฟิตเนสเฟิร์สท โดยเมื่อสมาชิกซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพตราบู๊ทส์ใดๆ จะได้รับส่วนลด 5% และ 10% สำหรับสมาชิกที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และทุกครั้งที่รูดบัตรจะมีการบันทึกข้อมูลของสมาชิกในด้านต่างๆ เพื่อการจัดทำแผนกานตลาดที่เหมาะสมสำหรับบุคคลในอนาคตด้วย
สำหรับ บู๊ทส์เฮลธ์คลับ นี้ ลงทุน 20 ล้านบาท ในการวางระบบต่างๆ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่สองที่เริ่มทำต่อจากอังกฤษ และต่อไปจะขยายไปยังประเทศในตะวันออกกลาง บัตรนี้ไม่สามารถใช้ที่อังกฤษได้เพราะที่อังกฤษเป็นไมโครชิป แต่บัตรในไทยเป็นแถบเม่เหล็ก
ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของบู๊ทส์แบ่งเป็น กลุ่มยาและสุขภาพ 40% กลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอาง 38% และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล 22% โดยคาดว่ายอดขายปีนี้จะมีอัตราเติบโตสองหลักเช่นเดียวกับปีที่แล้ว
สำหรับแผนการขยายสาขา จะใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เปิดเพิ่มอีก 20 สาขาจนถึงกลางปีหน้า จากปัจจุบันมี 143 สาขาแล้ว แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 82 สาขา และที่เหลืออยู่ในต่างจังหวัด
นายเอียน ฮันเตอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค แต่ตลาดรวมผลิตภัณฑ์เฮลธ์แคร์ ก็ยังเติบโตดี โดยส่วนของตลาดยาเติบโต 19% ส่วนผลิตภัณฑ์เฮลธ์แคร์เติบโต 10% โดย บู๊ทส์ มีส่วนแบ่งประมาณ 3% จากตลาดรวมเฮลธ์แคร์ที่ไม่นับช่องทางโรงพยาบาล
โดยปีนี้บริษัทได้ปรับโฉมบัตร บู๊ทส์ เฮลธ์ คลับใหม่ โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์และพันธมิตรเพิ่มขึ้น หลังจากที่เปิดตัวบัตรนี้เมื่อปีที่แล้วทำให้ยอดขายในส่วนเฮลธ์แคร์เพิ่มกว่า 30% และฐานสมาชิกเพิ่มเป็น 17,000 ราย แต่แอกทีฟประมาณ 15,000 ราย จากเดิมช่วงก่อนเริ่มแคมเปญมีฐานสมาชิกเพียง 2,700 รายเท่านั้น อีกทั้งยังเพิ่มความถี่ในการเข้าร้านบู๊ทส์จากเดิมเฉลี่ย 2 ครั้งต่อคนต่อเดือน ซึ่งการใช้จ่ายของลูกค้ามีประมาณ 300 บาทต่อคนต่อครั้ง โดยคาดหวังจะเพิ่มเป็น 3 เท่าจาก 17,000 ราย ในสิ้นปีนี้ หรือเท่ากับ 51,000 ราย
พันธมิตรปีนี้ร่วมกับ โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาสมิติเวช, โรงพยาบาลบีเอ็นเฮช, อยุธยาอลิอันซ์ซีพีประกันชีวิต, ฟิตเนสเฟิร์สท โดยเมื่อสมาชิกซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพตราบู๊ทส์ใดๆ จะได้รับส่วนลด 5% และ 10% สำหรับสมาชิกที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และทุกครั้งที่รูดบัตรจะมีการบันทึกข้อมูลของสมาชิกในด้านต่างๆ เพื่อการจัดทำแผนกานตลาดที่เหมาะสมสำหรับบุคคลในอนาคตด้วย
สำหรับ บู๊ทส์เฮลธ์คลับ นี้ ลงทุน 20 ล้านบาท ในการวางระบบต่างๆ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่สองที่เริ่มทำต่อจากอังกฤษ และต่อไปจะขยายไปยังประเทศในตะวันออกกลาง บัตรนี้ไม่สามารถใช้ที่อังกฤษได้เพราะที่อังกฤษเป็นไมโครชิป แต่บัตรในไทยเป็นแถบเม่เหล็ก
ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของบู๊ทส์แบ่งเป็น กลุ่มยาและสุขภาพ 40% กลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอาง 38% และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล 22% โดยคาดว่ายอดขายปีนี้จะมีอัตราเติบโตสองหลักเช่นเดียวกับปีที่แล้ว
สำหรับแผนการขยายสาขา จะใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เปิดเพิ่มอีก 20 สาขาจนถึงกลางปีหน้า จากปัจจุบันมี 143 สาขาแล้ว แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 82 สาขา และที่เหลืออยู่ในต่างจังหวัด
