xs
xsm
sm
md
lg

รอบรู้เรื่องตลาดทุน:บทเรียนจากภาพยนตร์ในเทศกาลวันครอบครัว (2) เรื่อง " หนึ่งต่อหนึ่ง..ใหญ่ฟัดใหญ่ "

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในโอกาสเทศกาล "วันครอบครัว" ผมนึกถึงภาพยนตร์ ดีๆ อีกหลายเรื่อง แต่ผมจะเก็บไว้นำเสนอต่อท่านผู้อ่านในสัปดาห์ต่อๆไป วันนี้ ผมขอเสนอภาพยนตร์ดีๆ ที่ทุกท่านยังสามารถชมได้ในโรงภาพยนตร์ คือเรื่อง "หนึ่งต่อหนึ่ง...ใหญ่ฟัดใหญ่"

เป็นภาพยนตร์จีน (แต่ทำโดยทีมฝรั่ง) ซึ่งในความจริงต้องถือว่า เนื้อหาไม่ใช่เรื่องส่งเสริมครอบครัวนัก แต่เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ครอบครัวเรา คือ คุณแม่ พี่น้องเราและสะใภ้ (ไม่มีเขยเพราะพี่น้องผมมีแต่ผู้ชาย) และลูกหลานๆจนครบมากที่สุดเลยในรอบปีเป็นภาพยนตร์ ที่บ้านผมถือว่า น่าดูมาก เพราะเราเป็นแฟนทั้ง เฉินหลง (แจ็คกี้ ชาน) และ หลี่เหลียงเจี๋ย (เจ็ท ลี) เรื่องย่อจาก http://mihk2002.wordpress.com/2008/04/20/forbiden-city-2008/ มีอยู่ว่า

เจสัน (ไมเคิล แองการาโน) เด็กหนุ่มอเมริกันบ้ากังฟู ผู้หมั่นเพียรฝึกฝนในโลกของตน แต่กลับเป็นไอ้ขี้แพ้ในโลกแห่งความจริง วันหนึ่งโชคชะตาดันเล่นตลกให้เขาย้อนเวลาข้ามภพไปยังประเทศจีนโบราณ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของกระบองวิเศษในโรงรับจำนำที่เขาไปบ่อย ๆ ที่นั่นเจสันได้พบกับจอมยุทธ์ฝีมือฉกาจฉกรรจ์สามคน ได้แก่ ลู่หยาน (เฉินหลง) ปรมาจารย์มวยหมัดเมาหัวกระเซิง นางแอ่นทองคำ (หลิวอี้เฟย) จอมยุทธ์สาว ผู้สุมไปด้วยไฟแค้น และหลวงจีนใบ้ (หลี่เหลียนเจี๋ย) นักบวชผู้เคร่งขรึมทั้งสี่ออกเดินทางร่วมกันเพื่อไปปลดปล่อยพญาวานร ซุนหงอคง จากการถูกจองจำโดยขุนศึกหยกผู้ชั่วร้าย (โจวเจ้าหลง) โดยระหว่างทาง พวกเขาต้องต่อกรกับ นางพญาผมขาว (หลี่ปิงปิง) และเหล่าสมุนต่าง ๆ จนในที่สุด เจสันต้องเอาชนะตนเอง ด้วยการดึงพลังความกล้าหาญของเขา ออกมาเพื่อปฏิบัติภารกิจ ที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเพื่อพิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่า เขาก็ ‘ยิ่งใหญ่’ ไม่แพ้ใครเหมือนกันผมได้บทเรียนน่าสนใจหลายด้าน ดังนี้

1. ในบรรยากาศแบบจีนๆถึง 85% ผมเพิ่งได้ทราบชัดเจนว่า เป็นภาพยนตร์ที่ทำโดยบริษัทฝรั่ง ใช้ฝรั่งหลายๆคนทำงานหลักๆ ตั้งแต่เจ้าของโครงการนี้ คือ จอห์น ฟัสโก (Hidalgo, The Babe) ในตำแหน่งคนเขียนบท ร็อบ มินคอฟ (The Lion King, Stuart Little) ผู้กำกับ ภายใต้การร่วมสร้างของ Lionsgate Company และ Weinstein Company สองบริษัทสร้างหนังชื่อ (ไม่ค่อย) ดังของฮอลลีวู้ด ผมถือว่าเป็นความคิดที่เข้าท่า การเปิดเรื่องด้วย ซึงหงอคง หรือ "เห้งเจีย" ควงกระบองอย่างมันส์หยด ต่อด้วยฝรั่งวัยรุ่นรูปหล่อ ทำให้เห็นว่า ภาพยนตร์นี้คงขายได้ทั้ง 2 ตลาดคือ ตะวันตก และเอเซีย เป็นการสร้างสินค้าที่มีการเอาใจใส่ลูกค้าระดับนานาชาติได้ดีมาก ผมคิดว่า เป็นกลยุทธการตลาดระดับธุรกิจนานาชาติ ที่เราน่าศึกษาเรียนรู้

นอกจากนี้ The Forbidden Kingdom ยังแอบโปรโมตเมืองจีน (หลังจากได้รับการสนับสนุน และอำนวยความสะดวกเต็มที่ของรัฐบาลจีน) ด้วยการยกกองถ่ายไปถ่ายทำกันถึงสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองจีนด้วย ไม่ว่าจะเป็นทะเลทรายโกบี สวนดอกเหมยเมืองฟางเยี่ยน น้ำตกเมืองเซียนจวี หรือป่าไผ่เมืองอังจวี (สถานที่ที่เคยใช้ถ่ายทำ พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก (Crouching Tiger, Hidden Dragon) มาก่อน) แสดงภาพวิวทิวทัศน์ที่ออกมาดูสวยงาม ตระการตาและได้อารมณ์แบบหนังจีนร่วมสมัยดีจริง ๆ

ผมว่าเป็นการทำงานที่เป็นประโยชน์ร่วมอย่างลงตัว รัฐบาลจีนก็ได้โปรโมตการท่องเที่ยว และผลไม้ (ลูกท้อทอง) ภาพยนตร์ก็ได้ภาพทิวทัศน์ที่คัดแล้วของเอเซียที่งดงามน่าชม บรรยากาศจีนก็เชื่อว่าน่าจะทำให้ได้ลูกค้าชาวจีนทั้งในแผ่นดินจีน และในประเทศต่างๆ (รวมทั้งในไทย) ได้อย่างดี

2. วิธีคิดในภาพยนตร์ก็ต่างจากหนังจีนกำลังภายในเดิมๆ โดยต่อต้านความคิดประเภท "ความแค้น 10 ปี ค่อยชำระก็ยังไม่สาย" กลับสะท้อนหลักธรรมที่ดีว่า "เราไม่ใช่พระเจ้า เราไม่ควรพิพากษาเขา" หากเราเองก็ตั้งใจประหัตประหารเขาด้วยความโกรธของเรา เราเองก็พาตัวเข้าไปในความบาป ปล่อยเรื่องการพิพากษาเป็นของพระเจ้าเบื้องบนผู้ดูแลความถูกต้อง หากเราริไปทำหน้าที่นั้น ก็จะเข้าหลัก "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ซึ่งก็ทำให้ตาบอดฟันหักกันไปเท่านั้นเอง โดยแนวทางธรรมเช่นนี้ ก็น่าจะทำให้ขายดีในตลาดตะวันตกที่มีหลักธรรมที่ไม่ส่งเสริมหลัก "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ด้วยเช่นเดียวกัน

3. ขุนศึกหยกเป็นผู้ร้ายของเรื่อง สิ่งที่น่าสนใจคือ อะไรคือความเลวร้าย ? ขุนศึกหยกได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิ์ให้เป็นผู้มีอำนาจไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่ความเลวร้ายคือ การใช้อำนาจเกินตัว กดขี่ข่มเหงผู้บริสุทธิ์ตามใจตนเอง ข่มเหงสตรีผู้ด้อยกำลัง ใช้กำลังรักษาอำนาจของตน โดยไม่ใยดีกับคนดีๆที่มีเจตนาบริสุทธิ์เพื่อส่วนรวม

หากจะเทียบกับสถานการณ์บ้านเมือง การเลือกตั้งได้อำนาจมาก็ไม่ผิด การมีนโยบายเอาใจประชาชนก็ไม่ผิด แม้บางคนอาจเป็นห่วงเรื่องวินัยของรัฐ หรือผลกระทบระยะยาว ต้องถือได้ว่า นักการเมืองใช้เงินงบประมาณของแผ่นดินให้เป็นประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่จากเงินส่วนตัว ใครจากพรรคใดเป็นผู้มาคุมงบประมาณเหล่านี้ ก็ทำหน้าที่ แต่ไม่ใช่ผู้มีพระคุณเพราะ "ไม่ใช่เงินของนักการเมืองเอง" จะคิดแบบสั้นๆตื้นๆ หรือจะบริหารเพื่อประโยชน์ระยะยาวที่ยั่งยืน ก็ยังพอถกกันได้ ยังผสมผสานความคิดได้ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอยู่ดี

แต่ถ้าใครเข้ามาเอาอำนาจ เพื่อ "เอื้อประโยชน์ส่วนตัว" ก็ต้องว่ากันตามผิด ขณะนี้ บ้านเมืองไม่ได้วุ่นวายด้วยผลเลือกตั้งไม่ได้อย่างใจ เพราะเป็นไปตามเสียงอย่างถูกต้องอยู่แล้ว แต่อย่าพยายามทำเรื่องผิดให้เป็นเรื่องถูก เมื่อกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญดีพอที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความชั่ว ก็อย่าไปแก้ให้ความเลวร้ายยังลอยนวล เพราะเมื่อใดที่มนุษย์ละทิ้งความถูกต้องชอบธรรม ผู้มีอำนาจใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเอง จากการเบียดบังผลประโยชน์ของภาครัฐหรือเอาเปรียบประชาชน บ้านเมืองก็จะเดือดร้อน และวุ่นวายไม่สิ้นสุด

หากใครจะว่ามีบางคนไม่อยากให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า ผมว่าก็คือพวกที่อยากท้าทายความถูกต้อง ทุจริตคดโกงบ้านเมือง และใช้อำนาจทำเรื่องผิดให้เป็นเรื่องถูกนั่นแหละครับ ขอให้คนไทยเราเลือกเดินทางสว่างต่อไปนะครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น