ข่าวคนไทยในประเทศอังกฤษถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาค้ากามข้ามชาติยังไม่ทันจางหายไปจากพื้นที่ข่าวทางสื่อ ข่าวอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย เรียกนักศึกษาเข้าพบเสนอแลกเปลี่ยนเกรดกับการขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย และได้นักศึกษาสาวร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อนแผนจับกุมพร้อมด้วยพยานหลักฐานมัดแน่นถึงกับทำให้ผู้กระทำผิดยอมรับสารภาพว่าก่อนหน้านี้เคยกระทำกับนักศึกษาอื่นมาแล้ว 2 ราย และนี่เป็นรายที่ 3 พร้อมกับมีการเปิดเผยวิธีการว่า ได้ให้นักศึกษาชายไปเรียกนักศึกษาหญิงที่สอบได้เกรดต่ำเข้าพบ และขอมีเพศสัมพันธ์เพื่อแลกกับการเพิ่มเกรดให้สูงขึ้น และผลปรากฏว่ามีผู้ยอมกระทำตามมาแล้วก่อนหน้านี้ 2 ราย แต่ที่ถูกจับกุมก็เพราะรายที่ 3 ไม่ยอมทำตามและไปแจ้งตำรวจ และได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่วางแผนซ้อนแผนด้วยการซ่อนเทปไว้ในกระเป๋า และทำทีเป็นตกลงปลงใจด้วย จึงทำให้ปรากฏเป็นหลักฐานมัดตัวปฏิเสธไม่ได้ และขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยดังกล่าวได้ปลดอาจารย์ผู้นี้ออกจากการเป็นอาจารย์ประจำไว้ก่อนระหว่างดำเนินคดีความ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
แต่ที่นำเรื่องนี้มาเขียนอีกครั้งก็เพื่อเป็นแนวทางในการวางมาตรการแก้ไข และป้องกันมิให้เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก กับทั้งเพื่อจะได้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นศึกษา และทบทวนสอบสวนพฤติกรรมในทำนองนี้ว่าได้เคยเกิดขึ้นในสถานศึกษาอื่นๆ ก่อนหน้านี้บ้างหรือไม่ และถ้าเกิดขึ้นได้มีการดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ ด้วยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกศาสตร์ดังต่อไปนี้
1. ถ้าดูจากพฤติกรรมทั้งในส่วนของปัจเจกบุคคลเช่นที่เกิดขึ้นนี้ เป็นที่เชื่อได้ว่าเรื่องทำนองนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และไม่น่าจบลงเป็นรายสุดท้าย
แต่คงจะเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และเชื่อว่าคงจะเกิดต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีการแก้ไขป้องกันอย่างรอบคอบ และรัดกุมเพียงพอ
2. การที่ผู้ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์กล้าเรียกร้องจากศิษย์ในเรื่องที่ผิดทั้งศีลธรรมและกฎหมายเช่นนี้ได้ เชื่อว่าคงจะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะมีเหตุจูงใจด้วยแรงผลักดันทางด้านกามารมณ์ที่มีอยู่ในภาวะปกติของคนทั่วไป แต่จะต้องมีอะไรเป็นเหตุจูงใจหรือมีแรงผลักดันเกินกว่าที่มีอยู่ในบุคคลปกติ เป็นต้นว่า มีความผิดปกติทางจิตของผู้กระทำ หรือมีแรงจูงใจมาจากผู้ถูกกระทำ เช่น แสดงท่าทียั่วยวน หรือแสดงเจตจำนงด้วยวิธีการใดๆ เป็นการชี้นำให้เห็นว่าพร้อมที่จะแลกเปลี่ยน เป็นต้น พูดง่ายๆ ก็คือ การกระทำในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีเหตุจูงใจมากพอให้ผู้กระทำผิดเสี่ยงต่อกฎหมายและศีลธรรม ที่สำคัญเสี่ยงต่อการเสียชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของความเป็นคน
3. นอกจากเหตุปัจจัยในข้อ 1 และข้อ 2 แล้ว สิ่งที่น่าจะต้องนำมาศึกษาและทบทวนในการหามาตรการแก้ไขป้องกัน ก็คือ การรับบุคลากรเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้สอนในสถาบันการศึกษาก็ควรอย่างยิ่งที่จะได้มีการคัดเลือกให้ดี ทั้งในส่วนความรู้ความสามารถในด้านวิชาการ และความประพฤติ รวมไปถึงการวางตัวในทางสังคมด้วย เพราะจะต้องไม่ลืมว่าผู้ที่มีความรู้แต่ขาดศีลธรรมกำกับการใช้ความรู้ คนอาจใช้ความรู้เพื่อการแสวงหาประโยชน์ในทางทุจริตได้ และแยบยลกว่าคนที่ไม่มีความรู้
ด้วยเหตุปัจจัย 3 ประการดังกล่าวข้างต้น ถ้าจะให้สถาบันการศึกษาเป็นแหล่งผลิตบุคลากรที่เพียบพร้อมไปด้วยความรู้ความสามารถ และมีคุณธรรมกำกับการใช้ความรู้แล้ว จะเห็นได้ว่ามีความสำคัญยิ่งที่ผู้ที่ทำหน้าที่บริหารประเทศต้องรีบเข้ามาดูแลแก้ไขเรื่องนี้ เพราะปล่อยไว้จนเรื่องทำนองนี้กลายเป็นเรื่องปกติที่ถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นพฤติกรรมเคยชินไปแล้ว ส่วนหนึ่งสังคมไทยจะมีระบบการแสวงหาความก้าวหน้าทั้งในด้านการทำงานและการศึกษา ด้วยการแลกเปลี่ยนที่สุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย และผิดศีลธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าการใช้เรือนร่างแลกกับความก้าวหน้าในการทำงานระหว่างเจ้านายผู้ชายกับลูกน้องผู้หญิงได้เกิดขึ้นบ้างแล้วในหน่วยงานของรัฐ ที่เจ้านายชอบให้ลูกน้องสาวๆ ทำงานใกล้ชิดและติดตามตนเอง แล้วให้ผลตอบแทนทั้งในรูปของตัวเงิน ตำแหน่ง รวมไปถึงความสำคัญ และผู้ที่ได้ดีด้วยวิธีนี้ก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับในบางหน่วยงานเรียกวิธีนี้ว่า แสวงหาความเจริญก้าวหน้าด้วยการใช้เต้าไต่ก็มีให้ได้ยินได้ฟังกันมาบ้างแล้ว และถ้ารัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมอยากรู้เรื่องทำนองนี้ ลองเปิดโอกาสให้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ รับรองว่ามีคนเขียนมาให้อ่านแน่นอน เพราะถึงแม้จะมีคนที่หาความก้าวหน้าในทำนองนี้อยู่ก็จริง ก็เชื่อว่าน้อยกว่าคนที่รักความเป็นธรรม และแสวงหาความก้าวหน้าด้วยการใช้ความสามารถ และคนพวกนี้เองจะเล่าให้ฟัง ไม่เชื่อลองเปิดโอกาสดู
ส่วนปัญหาเรื่องแลกเกรดด้วยเพศสัมพันธ์ ถ้ากระทรวงศึกษาธิการต้องการจะรู้ก็ลองส่งเจ้าหน้าที่ของรัฐไปสอบถามครูอาจารย์ รวมไปถึงเด็กในสถานที่เรียนต่างๆ และใช้ความเป็นกันเอง ก็คงจะได้เบาะแสว่าคนกลุ่มไหน และในสถาบันใดมีพฤติกรรมแบบนี้บ้าง และถ้าพบแล้วก็หาทางป้องกันด้วยการให้ออกไป หรือเปลี่ยนหน้าที่จากการสอนไปทำหน้าที่อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอน ก็พอจะช่วยให้ปัญหาลดลงได้บ้าง
ยิ่งกว่านี้ ถ้ามีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และแก้ไข รวมไปถึงป้องกันมิให้สถานศึกษาเป็นแหล่งผลิตบุคลากรที่ด้อยคุณธรรมออกมาสู่สังคม ก็เท่ากับช่วยป้องกันมิให้บุคลากรประเภทนี้เข้ามารับใช้สังคม ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนได้น้อยลง หรือถ้าเป็นไปได้ป้องกันมิให้บุคลากรประเภทนี้เข้าสู่ภาครัฐได้โดยสิ้นเชิง ก็เท่ากับช่วยประเทศชาติให้ปราศจากทุจริต คอร์รัปชันได้ค่อนข้างจะร้อยเปอร์เซ็นต์ หรืออย่างน้อยก็อยู่ในระดับที่สังคมรับได้ โดยมีคนดีมากกว่าคนไม่ดี และถ้ายิ่งทำให้คนประเภทนี้เข้าวงการเมืองได้มากเท่าไหร่ ก็เท่ากับช่วยให้คนดีมีโอกาสเข้ามาปกครองคนไม่ดีได้มากขึ้นเท่านั้น
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าการแก้ไข ป้องกันมิให้คนในวงการศึกษาทำผิดกฎหมาย และผิดศีลธรรมเป็นเรื่องจำเป็นและรีบด่วนที่รัฐบาลต้องทำ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากบทบาทและวิสัยทัศน์ของผู้ที่รับผิดชอบในการจัดการบริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้แล้ว ก็ให้รู้สึกท้อใจมองไม่เห็นทางว่ามีโอกาส และแนวทางดูแลแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไร ในเมื่อการบำบัดทุกข์และบำรุงสุข ซึ่งรัฐบาลต้องทำก็ยังไม่ทำเท่าที่ควร แล้วเรื่องเล็กน้อยที่ว่านี้จะมีเวลามาดูได้หรือ?
แต่ที่นำเรื่องนี้มาเขียนอีกครั้งก็เพื่อเป็นแนวทางในการวางมาตรการแก้ไข และป้องกันมิให้เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก กับทั้งเพื่อจะได้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นศึกษา และทบทวนสอบสวนพฤติกรรมในทำนองนี้ว่าได้เคยเกิดขึ้นในสถานศึกษาอื่นๆ ก่อนหน้านี้บ้างหรือไม่ และถ้าเกิดขึ้นได้มีการดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ ด้วยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกศาสตร์ดังต่อไปนี้
1. ถ้าดูจากพฤติกรรมทั้งในส่วนของปัจเจกบุคคลเช่นที่เกิดขึ้นนี้ เป็นที่เชื่อได้ว่าเรื่องทำนองนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และไม่น่าจบลงเป็นรายสุดท้าย
แต่คงจะเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และเชื่อว่าคงจะเกิดต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีการแก้ไขป้องกันอย่างรอบคอบ และรัดกุมเพียงพอ
2. การที่ผู้ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์กล้าเรียกร้องจากศิษย์ในเรื่องที่ผิดทั้งศีลธรรมและกฎหมายเช่นนี้ได้ เชื่อว่าคงจะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะมีเหตุจูงใจด้วยแรงผลักดันทางด้านกามารมณ์ที่มีอยู่ในภาวะปกติของคนทั่วไป แต่จะต้องมีอะไรเป็นเหตุจูงใจหรือมีแรงผลักดันเกินกว่าที่มีอยู่ในบุคคลปกติ เป็นต้นว่า มีความผิดปกติทางจิตของผู้กระทำ หรือมีแรงจูงใจมาจากผู้ถูกกระทำ เช่น แสดงท่าทียั่วยวน หรือแสดงเจตจำนงด้วยวิธีการใดๆ เป็นการชี้นำให้เห็นว่าพร้อมที่จะแลกเปลี่ยน เป็นต้น พูดง่ายๆ ก็คือ การกระทำในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีเหตุจูงใจมากพอให้ผู้กระทำผิดเสี่ยงต่อกฎหมายและศีลธรรม ที่สำคัญเสี่ยงต่อการเสียชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของความเป็นคน
3. นอกจากเหตุปัจจัยในข้อ 1 และข้อ 2 แล้ว สิ่งที่น่าจะต้องนำมาศึกษาและทบทวนในการหามาตรการแก้ไขป้องกัน ก็คือ การรับบุคลากรเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้สอนในสถาบันการศึกษาก็ควรอย่างยิ่งที่จะได้มีการคัดเลือกให้ดี ทั้งในส่วนความรู้ความสามารถในด้านวิชาการ และความประพฤติ รวมไปถึงการวางตัวในทางสังคมด้วย เพราะจะต้องไม่ลืมว่าผู้ที่มีความรู้แต่ขาดศีลธรรมกำกับการใช้ความรู้ คนอาจใช้ความรู้เพื่อการแสวงหาประโยชน์ในทางทุจริตได้ และแยบยลกว่าคนที่ไม่มีความรู้
ด้วยเหตุปัจจัย 3 ประการดังกล่าวข้างต้น ถ้าจะให้สถาบันการศึกษาเป็นแหล่งผลิตบุคลากรที่เพียบพร้อมไปด้วยความรู้ความสามารถ และมีคุณธรรมกำกับการใช้ความรู้แล้ว จะเห็นได้ว่ามีความสำคัญยิ่งที่ผู้ที่ทำหน้าที่บริหารประเทศต้องรีบเข้ามาดูแลแก้ไขเรื่องนี้ เพราะปล่อยไว้จนเรื่องทำนองนี้กลายเป็นเรื่องปกติที่ถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นพฤติกรรมเคยชินไปแล้ว ส่วนหนึ่งสังคมไทยจะมีระบบการแสวงหาความก้าวหน้าทั้งในด้านการทำงานและการศึกษา ด้วยการแลกเปลี่ยนที่สุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย และผิดศีลธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าการใช้เรือนร่างแลกกับความก้าวหน้าในการทำงานระหว่างเจ้านายผู้ชายกับลูกน้องผู้หญิงได้เกิดขึ้นบ้างแล้วในหน่วยงานของรัฐ ที่เจ้านายชอบให้ลูกน้องสาวๆ ทำงานใกล้ชิดและติดตามตนเอง แล้วให้ผลตอบแทนทั้งในรูปของตัวเงิน ตำแหน่ง รวมไปถึงความสำคัญ และผู้ที่ได้ดีด้วยวิธีนี้ก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับในบางหน่วยงานเรียกวิธีนี้ว่า แสวงหาความเจริญก้าวหน้าด้วยการใช้เต้าไต่ก็มีให้ได้ยินได้ฟังกันมาบ้างแล้ว และถ้ารัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมอยากรู้เรื่องทำนองนี้ ลองเปิดโอกาสให้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ รับรองว่ามีคนเขียนมาให้อ่านแน่นอน เพราะถึงแม้จะมีคนที่หาความก้าวหน้าในทำนองนี้อยู่ก็จริง ก็เชื่อว่าน้อยกว่าคนที่รักความเป็นธรรม และแสวงหาความก้าวหน้าด้วยการใช้ความสามารถ และคนพวกนี้เองจะเล่าให้ฟัง ไม่เชื่อลองเปิดโอกาสดู
ส่วนปัญหาเรื่องแลกเกรดด้วยเพศสัมพันธ์ ถ้ากระทรวงศึกษาธิการต้องการจะรู้ก็ลองส่งเจ้าหน้าที่ของรัฐไปสอบถามครูอาจารย์ รวมไปถึงเด็กในสถานที่เรียนต่างๆ และใช้ความเป็นกันเอง ก็คงจะได้เบาะแสว่าคนกลุ่มไหน และในสถาบันใดมีพฤติกรรมแบบนี้บ้าง และถ้าพบแล้วก็หาทางป้องกันด้วยการให้ออกไป หรือเปลี่ยนหน้าที่จากการสอนไปทำหน้าที่อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอน ก็พอจะช่วยให้ปัญหาลดลงได้บ้าง
ยิ่งกว่านี้ ถ้ามีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และแก้ไข รวมไปถึงป้องกันมิให้สถานศึกษาเป็นแหล่งผลิตบุคลากรที่ด้อยคุณธรรมออกมาสู่สังคม ก็เท่ากับช่วยป้องกันมิให้บุคลากรประเภทนี้เข้ามารับใช้สังคม ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนได้น้อยลง หรือถ้าเป็นไปได้ป้องกันมิให้บุคลากรประเภทนี้เข้าสู่ภาครัฐได้โดยสิ้นเชิง ก็เท่ากับช่วยประเทศชาติให้ปราศจากทุจริต คอร์รัปชันได้ค่อนข้างจะร้อยเปอร์เซ็นต์ หรืออย่างน้อยก็อยู่ในระดับที่สังคมรับได้ โดยมีคนดีมากกว่าคนไม่ดี และถ้ายิ่งทำให้คนประเภทนี้เข้าวงการเมืองได้มากเท่าไหร่ ก็เท่ากับช่วยให้คนดีมีโอกาสเข้ามาปกครองคนไม่ดีได้มากขึ้นเท่านั้น
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าการแก้ไข ป้องกันมิให้คนในวงการศึกษาทำผิดกฎหมาย และผิดศีลธรรมเป็นเรื่องจำเป็นและรีบด่วนที่รัฐบาลต้องทำ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากบทบาทและวิสัยทัศน์ของผู้ที่รับผิดชอบในการจัดการบริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้แล้ว ก็ให้รู้สึกท้อใจมองไม่เห็นทางว่ามีโอกาส และแนวทางดูแลแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไร ในเมื่อการบำบัดทุกข์และบำรุงสุข ซึ่งรัฐบาลต้องทำก็ยังไม่ทำเท่าที่ควร แล้วเรื่องเล็กน้อยที่ว่านี้จะมีเวลามาดูได้หรือ?