ตำรวจยันมีหลักฐานแน่นหนา เป็นเสียงจากกล้องวิดีโอโต้ตอบของอาจารย์นกเขากับ นศ. พร้อมผุดมาตรการล้อมคอกคดีเด็ก เยาวชน สตรี ถูกกระทำอนาจาร เตรียมหารือมาตรการร่วม “กระทรวงศึกษาธิการ-ทบวงมหาวิทยาลัย” จัดกิจกรรมเสริมความรู้ แนะวิธีการป้องกันตัว หากพบครูอาจารย์มีท่าทีพิรุธ รีบแจ้งตำรวจเข้าระงับเหตุทันที
วันนี้ (24 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 13.30 น.พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และศูนย์สวัสดิภาพเด็กเยาวชนและสตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายกำธร เชิดชูเกียรติ อายุ 33 ปี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ข้อหากระทำอนาจารภายหลังอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงนามคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนว่า การบังคับให้นักศึกษามีเพศสัมพันธ์ และอมนกเขาของตนเองนั้น ถือว่าพฤติกรรมของอาจารย์เข้าข่ายพวกโรคจิต อารมณ์ผิดปกติ เห็นเด็กนักศึกษาแล้วมีอารมณ์ชั่ววูบ โดยไม่มีการคิดไตร่ตรองให้ดีก่อน อีกทั้งเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณของคนที่เป็นครูบาอาจารย์อย่างยิ่ง เพราะมีข้อแลกเปลี่ยนต่อรองกับการปรับเกรดและผลคะแนนสอบ
รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนมีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอที่สามารถจะเอาผิดกับนายกำธร ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคำให้การของผู้เสียหาย เสียงการสนทนาโต้ตอบกันที่บันทึกได้จากกล้องวิดีโอ และพยานแวดล้อมอื่นๆ ที่เห็นนักศึกษาเข้าไปในห้องพักของนายกำธรเพื่อต่อรองการร่วมเพศ ซึ่งส่วนนี้จะเป็นหลักฐานสำคัญในชั้นศาล ขณะเดียวกันยังมีพยานที่เป็นนักศึกษาหญิงซึ่งตกเป็นผู้เสียหายอีกรายที่เคยลูกอาจารย์คนนี้ลวนลามให้การยืนยันชัดเจนในเบื้องต้น ซึ่งจะเรียกมาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพแต่โดยดี คงไม่น่ามีปัญหาอะไร ตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรมสองฝ่ายและดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏไม่มีการกลั่นแกล้งกันแต่อย่างใด
ส่วนมาตรการในการป้องกันเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นในสถาบันการศึกษาต่างๆในพื้นที่ กทม.นั้น รอง ผบช.น.กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลกำลังประสานไปยังทบวงมหาวิทยาลัย กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดกิจกรรมในการให้ความรู้แก่เด็กเยาวชน นิสิต นักศึกษา ในโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ รวมทั้งวิธีการป้องกันตัวเองเมื่อเกิดเหตุเช่นนี้จะต้องดำเนินการอย่างไรในเบื้องต้น จากนั้นให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าไประงับเหตุได้ทันท่วงที