ปลัดกระทรวงยุติธรรม ป้อง มธ.ไม่เสื่อมเสียชื่อเสียง หลังอาจารย์บังคับลูกศิษย์อมนกเขา ระบุตัวผู้ต้องหาทำให้สถาบันแปดเปื้อน แนะทุกมหาวิทยาลัยเข้มงวดระบบรับครูอาจารย์ และจัดสถานที่พบปะศิษย์ให้เหมาะสม
วันนี้ (24 เม.ย.) นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอนาจารนักศึกษาโดยให้ทำออรัลเซ็กซ์แลกกับเกรดการเรียนหรืออัปเกรดว่า กรณีที่เกิดขึ้นชื่อเสียงมหาวิทยาลัยไม่ได้เสื่อมเสีย แต่เป็นคนที่เป็นตัวทำให้สถาบันแปดเปื้อน เพราะมหาวิทยาลัยไหนๆ ก็ไม่เคยส่งเสริมให้มีพฤติกรรมเลวร้ายเกิดขึ้น เพียงแต่ในคนกลุ่มมากก็จะมีคนแปลกปลอมหรืออลัชชีเข้าไปได้ในทุกวงการ ดังนั้น กรณีนี้มหาวิทยาลัยทุกแห่ง ควรดูเป็นแบบอย่างในการเข้มงวดในระบบการรับครู อาจารย์เข้าทำงาน
"เรื่องดังกล่าวไม่กระทบต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะมหาวิทยาลัยไม่มีนโยบายส่งเสริมพฤติกรรมเลวร้ายเช่นนี้ เป็นเรื่องตัวบุคคลที่ทำให้มหาวิทยาลัยแปดเปื้อน โดยเฉพาะในสังคมที่มีคนหมู่มากจะมีพวกอลัชชีเข้าไปแปลกปลอมอยู่ทุกวงการ เรื่องนี้มหาวิทยาลัยต้องกลับไปทบทวนเข้มงวดเรื่องการรับอาจารย์เข้าทำงาน และมีระบบตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมลักษณะดังกล่าว เพื่อกันไม่ให้เกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม จะต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย อย่าเพิ่งตัดสินใจไปตามข่าว นอกจากนี้มหาวิทยาลัยต้องจัดสถานที่พบปะพูดคุยระหว่างนักศึกษาอาจารย์ให้เหมาะสม" นายจรัญกล่าว
ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวอีกว่า ควรมีระบบตรวจสอบคนกลุ่มนี้เพื่อจัดการแก้ปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย แต่ต้องยกเป็นประเด็นให้ผู้บริหารสถาบันการศึกษาเร่งแก้ไข สำหรับแนวทางในการป้องกันปัญหานั้น สถาบันหรือมหาวิทยาลัยทุกแห่งควรจัดห้องพบปะให้อาจารย์ และลูกศิษย์ได้พูดคุยกัน อาจไม่ต้องเคร่งครัดถึงขนาดพระวินัยของสงฆ์ที่ห้ามอยู่ในที่ลับตา
นายจรัญ ยังกล่าวกรณีมูลนิธิเพื่อนหญิง ระบุว่าได้รับการร้องเรียนพฤติกรรมข้าราชการยุติธรรม 3 ราย ชื่อย่อ อ. ป. และ ท.ที่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงในครอบครัวและข่มขืนภรรยาตัวเอง ว่า ข่าวดังกล่าวน่าเป็นการนำเสนอคลาดเคลื่อน ตนทำงานเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมนาน 2 ปี ได้สอดส่องดูแลในเรื่องประเภทนี้มาตลอด มั่นใจว่าไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในกระทรวงยุติธรรม
การตรวจสอบในเบื้องต้นคาดว่า ข้อมูลที่นำเสนอน่าจะหมายถึงข้าราชการในกระบวนการยุติธรรมในอดีตซึ่งกว้างมาก ทั้งนี้ต้องกลับไปสอบถามมูลนิธิเพื่อนหญิงว่า มีการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมจะไม่ตั้งกรรมการขึ้นสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ผมยังไม่เคยได้รับข้อมูลใดๆจากมูลนิธิเพื่อนหญิง ถ้าเป็นเพียงการแจ้งให้ทราบอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมีพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีด้วย”ปลัดยุติธรรมกล่าว
นายจรัญ กล่าวอีกว่า กรณีการกระทำรุนแรงในครอบครัว ควรยกเป็นข้อเตือนใจผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ว่า เวลานี้กฎหมายเปลี่ยนแปลงไปมาก คนที่ตามข้อมูลไม่ทันอาจนึกไม่ถึง ต่อไปนี้เรื่องในครอบครัวจะไม่เป็นเพียงเรื่องในบ้านที่คนภายนอกไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว เพราะกฎหมายเปิดกว้างให้กระบวนการยุติธรรมทางอาญา เข้าไปดำเนินการกับผู้ที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัวได้ ที่สำคัญยังระบุถึง การข่มขืนภรรยา ซึ่งถือเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายใหม่ และยังขยายคำนิยามของการข่มขืน โดยไม่จำกัดว่าจะต้องนำอวัยวะเพศของอีกฝ่ายล่วงล้ำเข้าไป