บริดจสโตนเปิดศูนย์บริการดูแลรถยนต์ใหม่ในชื่อ “แอค” ชูประเด็นเรื่องความปลอดภัย หวังเจาะตลาดลูกค้าใหม่ แยกจากคอกพิตอย่างชัดเจน ตั้งเป้าปีแรกเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว เชื่อมั่นเศรษฐกิจไม่กระทบ
นายวินิจ ปรุงพาณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที. (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เปิดให้บริการ ศูนย์บำรุงรักษารถยนต์ครบวงจรภายใต้ชื่อ “แอค(ACT)” อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั้ง 64 สาขาทั่วประเทศในวันที่ 26 เมษายน ศกนี้
ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้เป็นภาพลักษณ์ใหม่หลังจากที่กลุ่มบริดจสโตนได้ซื้อเครือข่ายศูนย์บริการทั้งหมดมาจากกลุ่มเชลล์ โดยปรับปรุงในเรื่องของชื่อศูนย์บริการใหม่ ส่วนระบบการจัดการ, บุคลากร, ฐานลูกค้า และสินค้าต่างๆ จะยังคงดำเนินการเหมือนที่ผ่านมา
“เรายังคงใช้พันธมิตรเดิมในการทำตลาดทั้งหมด ส่วนเรื่องของโปรโมชั่นจะมีอย่างแน่นอนตามความเหมาะสม แต่อาจจะลดความเข้มข้นลงไปบ้าง เราจะหันเน้นเรื่องความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลักสำคัญอันดับหนึ่งในการให้บริการแทน ซึ่งจะแยกกันทำตลาดอย่างชัดเจนกับศูนย์บริการคอกพิตของบริดจสโตน” นายวินิจกล่าว
สำหรับกลุ่มลูกค้า จะเน้นเจาะตลาดลูกค้าที่มีความรักรถแต่ไม่มีความรู้ในด้านการบำรุง ดูแลรักษารถ ขณะที่กลุ่มลูกค้าของคอกพิต จะเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านการดูแลรถมากพอสมควร ส่วนปัจจัยด้านภาวะเศรษฐกิจคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้แต่อย่างใด โดยตั้งเป้าในปีแรกว่าจะสามารถทำรายได้มากกว่าปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท
นายวินิจ กล่าวต่อว่า แม้ว่าบริษัทฯ แม่จะเป็นผู้ผลิตยางเป็นหลัก แต่การทำตลาดสินค้าของบริษัทฯ จะกระจายน้ำหนักไปเท่าๆ กันทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น ยางรถยนต์, น้ำมันเครื่อง, แบตเตอร์รี่, ผ้าเบรค และโช้คอัพ
ทั้งนี้ ศูนย์บริการ “แอค” นั้นคือกลุ่มเครือข่ายศูนย์บริการเดิมของเชลล์ ออโต เซิร์ฟ ที่กลุ่ม บริดจสโตน ในประเทศไทย ซื้อกิจการมาจากกลุ่มเชลล์ ด้วยวงเงินที่ไม่เปิดเผยจำนวนเมื่อช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมา
นายวินิจ ปรุงพาณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตน เอ.ซี.ที. (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เปิดให้บริการ ศูนย์บำรุงรักษารถยนต์ครบวงจรภายใต้ชื่อ “แอค(ACT)” อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั้ง 64 สาขาทั่วประเทศในวันที่ 26 เมษายน ศกนี้
ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้เป็นภาพลักษณ์ใหม่หลังจากที่กลุ่มบริดจสโตนได้ซื้อเครือข่ายศูนย์บริการทั้งหมดมาจากกลุ่มเชลล์ โดยปรับปรุงในเรื่องของชื่อศูนย์บริการใหม่ ส่วนระบบการจัดการ, บุคลากร, ฐานลูกค้า และสินค้าต่างๆ จะยังคงดำเนินการเหมือนที่ผ่านมา
“เรายังคงใช้พันธมิตรเดิมในการทำตลาดทั้งหมด ส่วนเรื่องของโปรโมชั่นจะมีอย่างแน่นอนตามความเหมาะสม แต่อาจจะลดความเข้มข้นลงไปบ้าง เราจะหันเน้นเรื่องความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลักสำคัญอันดับหนึ่งในการให้บริการแทน ซึ่งจะแยกกันทำตลาดอย่างชัดเจนกับศูนย์บริการคอกพิตของบริดจสโตน” นายวินิจกล่าว
สำหรับกลุ่มลูกค้า จะเน้นเจาะตลาดลูกค้าที่มีความรักรถแต่ไม่มีความรู้ในด้านการบำรุง ดูแลรักษารถ ขณะที่กลุ่มลูกค้าของคอกพิต จะเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านการดูแลรถมากพอสมควร ส่วนปัจจัยด้านภาวะเศรษฐกิจคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้แต่อย่างใด โดยตั้งเป้าในปีแรกว่าจะสามารถทำรายได้มากกว่าปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท
นายวินิจ กล่าวต่อว่า แม้ว่าบริษัทฯ แม่จะเป็นผู้ผลิตยางเป็นหลัก แต่การทำตลาดสินค้าของบริษัทฯ จะกระจายน้ำหนักไปเท่าๆ กันทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น ยางรถยนต์, น้ำมันเครื่อง, แบตเตอร์รี่, ผ้าเบรค และโช้คอัพ
ทั้งนี้ ศูนย์บริการ “แอค” นั้นคือกลุ่มเครือข่ายศูนย์บริการเดิมของเชลล์ ออโต เซิร์ฟ ที่กลุ่ม บริดจสโตน ในประเทศไทย ซื้อกิจการมาจากกลุ่มเชลล์ ด้วยวงเงินที่ไม่เปิดเผยจำนวนเมื่อช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมา