xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ปัดยุติคดีส.ส.ถ่อยเดินหน้าแจ้งความการุณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และ นายวิรัช กัลยาศิริ ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทนายความ แถลงข่าวเตรียมดำเนินคดีกับนายการุณ โหสกุล ส.ส. กทม. พรรคพลังประชาชน ในความผิดฐานหมิ่นประมาท และใส่ความผู้อื่นทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ตาม มาตรา 326 และ 328 ของประมวลกฎหมายอาญา
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ในวันที่ 21 เม.ย. พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้นายวิรัช ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายการุณ ข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากหลังที่นายการุณ ได้ทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติ ได้ไปให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีวิทยุคลื่น 90.5 เอฟเอ็ม และ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในรายการ สยามเช้านี้ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา ในทำนองใส่ร้าย และพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ที่ว่า แหล่งที่มาของนายสมเกียรติมาจากการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร และก็ได้รางวัลจากพรรคประชาธิปัตย์ให้มาลงในบัญชีรายชื่อ ในการเข้ามาทำงานในสภา ทำให้นายสมเกียรติได้รับความเสียหาย ตนจึงได้หารือกับคณะทำงานและมีมติว่าจะปกป้องสิทธิ์ของนายสมเกียรติ และทำความจริงให้เป็น ที่ประจักษ์ ทั้งนี้ยืนยันด้วยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นการทะเลาะ แต่เป็นการทำโดยเจตนาและตั้งใจ
ด้านนายสมเกียรติ กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรมีอันธพาลมากเกินไป นับจากที่มีการทำร้ายตน ส.ส.พรรคพลังประชาชนก็มาพูดในทำนองเยาะเย้ยถากถาง ซึ่งตนได้นำ นายบำรุง คะโยธา แกนนำสมัชชาประชาชนมาด้วย เพื่อที่จะบอกว่า ตนก็มีกำลังจากประชาชนสนับสนุนด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่อันธพาลเท่านั้นที่มีพวก
ส่วนที่มีข่าวว่ามีความพยายามจากนายการุณเพื่อขอโทษตนนั้น ตนให้สิทธิ์ แกนนำของพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนตัดสินใจ และตนก็พร้อมที่จะยอมรับมติ อย่างไรก็ตามตนไม่ได้มีความโกรธเคืองอะไรกับนายการุณ ทั้งนี้ตนยอมรับว่า มีผู้ใหญ่ระดับสูงในสภาฯ มาพูดว่าให้เลิกแล้วกันไป และพยายามโทรศัพท์มายังตน 1-2 ครั้ง ซึ่งตนเข้าใจว่าน่าจะเป็นการเจรจาเพื่อให้มีการเลิกแล้วต่อกัน ทั้งนี้เบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวตนได้ทำการบันทึกไว้แล้ว เป็นหมายเลขขึ้นต้นด้วย 083 และลงท้ายด้วยหมายเลข 00
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากไม่ได้โกรธเคืองกันถ้ามีการขอโทษจริง พร้อมที่จะให้อภัยและถอนการดำเนินคดีหรือไม่ นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนไม่อยากจะเป็นอันธพาล หมายเลข 2 อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวตนได้ให้แกนนำพรรคเป็นผู้ตัดสินใจ
ขณะที่นายสาทิตย์ กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่อง ที่จะทำแล้ว ขอโทษ เรื่องก็จบ เพราะเป็นการกระทำที่ตั้งใจ และมีการเตรียมการ อาฆาตมาดร้ายกัน ทั้งนี้ยอมรับว่ามีการติดต่อเข้ามา เพื่อเจรจาเรื่องให้เบาลง ซึ่งตนเห็นว่าเราควรที่จะปกป้องสิทธิ์ของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ดังนั้น ขอปฏิเสธที่จะพูดเรื่องขอโทษ และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า บุคคลระดับสูงในสภาที่พยายามติดต่อเพื่อเจรจาทำเรื่องระหว่างนายการุณ และ นายสมเกียรติ ให้ยุติ ไม่เอาความนั้น คือ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ คนที่2 อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)
วันเดียวกัน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการทะเลาะวิวาทระหว่าง นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน กับนายสมเกรียติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัย์ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯ
หลังการประชุม พ.อ.อภิวันท์ แถลงว่า จะประชุมกัน 6 นัด ทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี โดยจะไปสิ้นสุดในวันที่ 8 ม.ย. ทั้งนี้การประชุมนัดแรกจะเชิญนายสมเกียรติ และพยานของนายสมเกียรติอีก 3 คนที่เห็นเหตุการณ์มาชี้แจงต่อที่ประชุม จากนั้นจะเชิญ นายการุณและพยานของนายการุณมาชี้แจงในนัดถัดไป หลังจากนั้นจะเชิญพยาน ที่รู้เห็นเหตุการณ์ที่ไม่ใช่สมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชาชน มาให้ข้อมูล โดยจะเลือกบุคคลที่มีความเป็นกลางและน่าเชื่อถือตามลำดับ
นอกจากนี้จะเชิญเจ้าหน้าที่ รปภ. และเจ้าหน้าที่ห้องอาหารที่เห็นเหตุการณ์ รวมถึงจะนำภาพบันทึกทั้งจากกล้องวงจรปิดและจากการบันทึกภาพของผู้เห็น เหตุการณ์มาตรวจสอบด้วย จากนั้นจะเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายอ่านผลการสอบสวนของคณะกรรมการก่อนที่จะมีการสรุป
ผู้สื่อข่าวถามว่าควรจะมีการเจรจาไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายหรือไม่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า เป็นแนวทางหนึ่งที่คิดไว้ เพื่อการให้อภัยซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ผลการสอบสวนจะต้องสรุปไปตามข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่หากมีการอภัยให้กันตนก็คิดว่าจะเป็นภาพลักษณ์ที่ดี เพราะการกระทบกระทั่งกันแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรมากมาย
ส่วนผลที่ออกมาจะทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยดีหรือไม่ พ.อ.อภิวันท์กล่าวว่า เชื่อว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร บรรยากาศก็ต้องดี ทั้งนี้ตนอยากจะเห็น สภาผู้แทนฯ พัฒนาไปในทางที่ดี สิ่งสำคัญคือภาพลักษณ์ของสภาที่ทุกคนควรจะช่วยรักษาเอาไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น