ก็ต้องออกตัวไว้ก่อนว่าบทความวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช แต่ประการใด เพราะคอลัมน์นี้มีความเป็นมิตรไมตรีกับท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช เป็นพิเศษ หากสังเกตก็จะเห็นได้ชัดว่าไม่เคยผิดจากที่กล่าวนี้เลย
เป็นคนละเรื่องกัน แต่จะเป็นอุทาหรณ์สอนใจใครต่อใครและเป็นเครื่องเตือนสติคนทั้งหลายทั้งปวงให้ระมัดระวังหรือตรวจสอบกันให้จงดี เพื่อป้องกันมิให้ความเสียหายเกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเรา
เรื่องคนบ้าเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นอย่าว่าไม่เคยปรากฏ มันเคยปรากฏมาแล้ว! ยิ่งคนทั้งป่วยทั้งบ้าเป็นนายกรัฐมนตรีก็เคยเกิดขึ้นและทำให้โลกเกิดสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้ว
เคยมีนักเขียนฝรั่งคนหนึ่งได้วิเคราะห์มูลฐานทางความคิดผู้นำระดับนายกรัฐมนตรีของประเทศที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สองทั้งหมด แล้วเขียนเป็นหนังสือออกมาชื่อว่า “เมื่อคนป่วยครองเมือง”
มีเนื้อหาสรุปว่าห้วงเวลานั้นทั้งนายกรัฐมนตรีเชอร์ชิลของอังกฤษ ทั้งนายกรัฐมนตรีอดอฟฮิตเลอร์ของเยอรมนี ทั้งผู้นำมุสโสลินีแห่งอิตาลี ทั้งนายกรัฐมนตรีโตโจของญี่ปุ่น และประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ล้วนเป็นคนป่วยอาการหนักด้วยกันทั้งนั้น
มีการตีแผ่ข้อเท็จจริงจำนวนมากว่าผู้นำเหล่านี้ไม่ได้มีชีวิตที่ปกติสุข จะกินจะนอนก็ไม่เป็นปกติ ต้องพึ่งพาอาศัยยาทั้งยาเม็ด ยาฉีด และการเยียวยาทางจิตเป็นเนืองนิตย์ และหลายคนก็มีอาการทางจิตปรากฏชัดเจน ดังนั้นบรรดาผู้นำเหล่านี้จึงไม่เพียงแต่เป็นคนป่วยทางกายอย่างเดียว หากเป็นคนป่วยทางจิตมากบ้างน้อยบ้างรวมอยู่ด้วย
นึกดูให้ดีเถิดก็จะรู้สึกเสียววาบว่าถ้าผู้มีอำนาจของประเทศต่าง ๆ ของโลกเป็นคนป่วยทั้งทางกายและทางจิตอย่างนี้ โลกจะหาสันติสุขได้ที่ไหน? จะหาความเป็นปกติสุขได้ที่ไหน?
ย่อมมีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวาย มีแต่ความเบียดเบียนและมีแต่เรื่องคาดคิดไม่ถึงเกิดขึ้น ซึ่งเกือบทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงในลักษณะที่ว่า “ทำไมคนพวกนี้จึงบ้ากันถึงขนาดนี้วะ?”
ก็มันเป็นทั้งคนป่วยและคนบ้าจริง ๆ ดังนั้นจึงอย่าได้แปลกใจเลยว่าเมื่อผู้นำชาติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่างเป็นคนป่วย คนบ้าเช่นนี้แล้ว โลกก็ไม่อาจหนีพ้นไปจากสงครามได้
และเพราะเหตุที่ขอบเขตของเรื่องราวใหญ่โตนัก สงครามที่ว่านั้นจึงถูกเรียกว่าเป็นสงครามโลกครั้งที่สอง
เป็นสงครามที่สร้างความวิบัติฉิบหายวายวอดให้แก่มวลมนุษยชาติมากมายสุดคณานับ ชีวิตผู้คนนับล้านได้สูญเสียไปในท่ามกลางสงคราม ทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน ไร่นาสาโทพังพินาศไปเกือบครึ่งโลก ผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อดอยากปากแห้ง พลัดที่นาคาที่อยู่กว่าร้อยล้านคน
นั่นเป็นเรื่องของคนป่วยและคนบ้าที่มีอำนาจเป็นผู้นำบ้านเมือง แล้วสร้างความวิบัติฉิบหายให้กับมวลมนุษย์ให้เห็นกันมาแล้ว
ยิ่งโลกทุกวันนี้มีความสับสนวุ่นวายมากขึ้น มีความตึงเครียดมากขึ้น มีความโลภโมโทสันและกิเลสประเภทความโกรธความหลงหนักหนาสาหัสมากขึ้น ความป่วยทั้งทางกายและทางจิตของผู้คนก็ยิ่งมีมากขึ้นเป็นธรรมดา คนธรรมดาป่วยหรือบ้าอย่างมากก็เป็นปัญหาเฉพาะในครอบครัวหรือสังคมเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แต่ถ้าคนป่วยหรือคนบ้านั้นเป็นข้าราชการที่มีอำนาจบาตรใหญ่ขึ้นมา ปวงประชาราษฎรและการงานราชการทั้งหลายก็ย่อมได้รับผลกระทบกระเทือนเพิ่มขึ้น
ถ้าคนป่วยหรือคนบ้านั้นเป็นรัฐมนตรีก็ยิ่งเกิดผลกระทบมากขึ้นไปอีก
และในที่สุดถ้าหากคนป่วยหรือคนบ้านั้นเป็นนายกรัฐมนตรีผลกระทบก็ยิ่งหนักหน่วงรุนแรงมากที่สุด
คนป่วยและคนบ้าในระดับนายกรัฐมนตรี หรือแม้ไม่ถึงกับมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้ามีขีดความสามารถในระดับนายกรัฐมนตรี หรือคนระดับนายกรัฐมนตรีเป็นหุ่นเชิดให้ด้วยแล้ว ความวิบัติพินาศฉิบหายวายวอดก็จะหนักหนาสาหัสแก่อาณาประชาราษฎรและบ้านเมืองจนสุดที่จะหยั่งคาด
ดังนั้นไม่ว่าใครเป็นพลเมืองของชุมชนไหน ตำบล อำเภอ จังหวัดใด หรือประเทศไหนๆ ก็ตาม จะต้องหมั่นตรวจตราและตรวจสอบอยู่เสมอ ๆ ว่ามีคนป่วยหรือคนบ้ามีอำนาจในบ้านเมืองหรือไม่ และมีอยู่ในระดับไหนบ้าง
เพื่อจะได้รู้ถึงระดับและขอบเขตความเสียหายตลอดจนผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้น แล้วจะได้หาทางป้องกันแก้ไขได้ทันท่วงที
เพราะว่าตามรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้พูดถึงการตรวจสอบอาการป่วยหรืออาการบ้าเอาไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประจำหรือข้าราชการการเมืองหรือข้าราชการส่วนท้องถิ่นไม่ว่าระดับไหน ๆ ก็ตาม
ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงที่สูงยิ่งว่าอาจมีคนป่วยหรือคนบ้ามีอำนาจวาสนาขึ้นในระดับต่าง ๆ ดังนั้นใครที่คิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ควรจะปลูกฝังความคิดเสียด้วยว่าขณะนี้บ้านเมืองมีความเสี่ยงที่จะมีคนป่วยหรือคนบ้าเข้ามามีอำนาจในบ้านเมือง ควรจะมีบทบัญญัติหรือแก้ไขหรือป้องกันไว้อย่างไรบ้าง
อาการป่วยทางกายนั้นบางทีก็เห็นง่าย บางทีก็เห็นยาก ทั้ง ๆ ที่อาจมีอิทธิพลและส่งผลต่อความคิดจิตใจและการปฏิบัติหน้าที่หรือการทำการงานของคนเป็นอย่างมาก
คนเป็นโรคเบาหวานหาได้มีความอ่อนหวานเหมือนกับน้ำตาลแต่ประการใดไม่ แต่มักจะเป็นดุดันเหมือนกับหมาบ้า ไล่ฟัด ไล่กัดใครต่อใครไม่เลือกหน้า ขอเพียงแต่มีอะไรมากระทบตาหูจมูกในทางที่ไม่ชอบอกชอบใจเท่านั้น ก็จะระบายอารมณ์แบบระเบิดเถิดเทิง
ในทางโลกเรียกว่าระบายอารมณ์แบบหมาบ้า แต่ในทางธรรมนั้นอารมณ์แบบนี้เป็นอารมณ์ของเดรัจฉาน ถึงเป็นมนุษย์ทางธรรมก็ถือว่าเป็นมนุษย์จำพวกเดรัจฉานเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
คนเป็นโรคความดันโลหิตสูงมักจะเป็นคนผูกคิด ผูกแค้น ผูกเจ็บ ผูกจำ บางทีก็สลับสับสนเรื่องราวจนผิดชอบชั่วดีไขว้เขวปนเปกันไปหมด และในที่สุดก็เหมือนกับคนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเช่นเดียวกัน
บางทีมีคนมากราบไหว้อยู่ดีๆ ก็เกิดสับสนไขว้เขวในทางความคิดขึ้นมาว่าเขาปองร้าย กลับดุด่าว่าร้ายจนเสียหายเสียผู้เสียคน ทั้ง ๆ ที่คนที่เสียผู้เสียคนจริง ๆ ก็คือคนที่ด่าว่านั่นแหละ
หรือบางคนมีอาการทางจิตที่เกิดมาจากความมีปมด้อย เห็นอะไรก็อยากได้ใคร่ยึดถือเอาไปหมด แอบซุกแอบซ่อนทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งแอบซุกขนมไว้กินคนเดียว โดยไม่ให้ลูกเมียกินเลยก็ยังมี
คนพวกนี้จะมีความโลภโมโทสันไม่มีที่สิ้นสุด ถึงเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ถูกทางธรรมจัดว่าเป็นมนุษย์จำพวกสเปโต หรือเป็นเปรต เพราะเปรตนั้นพุงใหญ่ ปากเล็กเท่ารูเข็ม หิวไม่รู้จักหยุดจักหย่อน กินไม่เลือกไม่เป็นเวลา อะไรขวางหน้าเป็นกินหมด
คนป่วยหรือคนบ้าบางจำพวกก็เห็นได้ยาก จับอาการได้ยาก ดูปกติผิวเผินก็เหมือนคนดี ๆ นี่เอง แต่แท้จริงป่วยหนักและบ้าหนัก ถึงขนาดที่ทางธรรมเรียกว่าเป็นคนจำพวกอสูรกายไปเลย
คนพวกนี้มีพื้นฐานทางจิตที่เป็นปมด้อยเหมือนกัน คือมีความไม่เป็นปกติทางกาย ทางใจ และในทางครอบครัวมาแต่อ้อนแต่ออก จึงมีความมักมากและบ้าในอำนาจเป็นพิเศษ
คนพวกนี้แหละที่คำพังเพยไทยเรียกว่าเป็นคนจำพวกคางคกขึ้นวอ แต่เมื่อกล่าวกันถึงที่สุดแล้วเป็นคางคกขึ้นวอก็ยังดีกว่าคนจำพวกนี้
เพราะตำนานแห่งพังเพยคางคกขึ้นวอนั้นเป็นทำนองเดียวกันกับนิทานเรื่องกิ้งก่าได้ทอง คือมีความดีความชอบมาแต่ก่อนอยู่บ้าง ครั้นได้อานิสงส์จากความดีความชอบนั้นเป็นลาภ ยศ สุข สรรเสริญขึ้นมาก็กร่างและบ้าบอคอแตกขึ้นมา ยกหัวชูคอบ้าอำนาจในขนาดและระดับต่างๆ กัน จนถูกถอดถูกเตะก็มีให้เห็นอยู่ถมไป
คางคกขึ้นวอไม่ได้เบียดเบียนใคร ไม่ทำร้ายใคร แค่เห็นแล้วหมั่นไส้เท่านั้น แต่คนป่วยและบ้าจำพวกนี้ยิ่งกว่าคางคกขึ้นวอ เพราะคิดก็บ้า พูดก็บ้า ทำก็บ้า หาสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นความเจริญหรือความเป็นสิริมงคลไม่ได้เลย เรียกว่าบ้าตลอดสาย บ้าทั้งเรื่อง
บ้านเมืองของเราวันนี้ดูไปแล้วก็น่าห่วง เพราะแม้จะไม่มีการตรวจสอบว่าใครป่วยหรือบ้าดังที่ว่ามานี้หรือไม่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้มีบทบัญญัติให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเอาไว้
แต่พฤติกรรมและปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองทุกเมื่อเชื่อวันนั้นล้วนเป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนและปราศจากความสงสัยใด ๆ ว่าบ้านเมืองของเราในวันนี้มีทั้งคนป่วยและคนบ้ามีอำนาจอยู่ในบ้านเมืองของเราเป็นแน่
มิฉะนั้นเรื่องแย่ ๆ วิปริตวิปลาสชนิดที่บางครั้งก็คาดคิดไม่ถึงมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
กลิ่นขี้หมาโชยมาตามสายลมเมื่อใด แม้ยังไม่เห็นขี้หมาก็ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าเหนือลมขึ้นไปนั้นย่อมมีขี้หมาอยู่แน่ และย่อมมีหมาไปขี้ทิ้งไว้เป็นแน่ หาไม่แล้วไหนเลยจะมีขี้หมาและไหนเลยจะมีกลิ่นขี้หมาลอยมาตามลมได้
หากบ้านเมืองของเรามีคนป่วย คนบ้า ครองอำนาจ ความพินาศย่อยยับดับสูญก็ย่อมเกิดขึ้นแก่อาณาประชาราษฎรและสมณะชีพราหมณ์โดยไม่ต้องสงสัยใด ๆ
เพราะคนป่วยและคนบ้านั้นไม่มีทางคิดดี พูดดี ทำดีได้เลย มีแต่คิดแบบป่วยหรือบ้า พูดแบบป่วยหรือบ้า และทำแบบป่วยหรือบ้าทั้งนั้น
ที่สำคัญที่สุด ยากที่จะหยั่งความคิดจิตใจของคนป่วยคนบ้าได้โดยถูกต้องแม่นยำหรือแม้แต่ใกล้เคียงก็ยากยิ่ง
เพราะคนป่วยและคนบ้าย่อมมีวิธีคิด วิธีพูด และวิธีทำแบบคนป่วยและคนบ้า จะใช้วิธีคิด วิธีพูด และวิธีทำของคนปกติไปถกเถียงโต้แย้งค้นคว้าหาเหตุหาผลหรือหาข้อยุติ หรือแม้แค่คิดว่าทำไมจึงต้องทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ก็ไม่มีทางที่จะถูกต้องได้เลย
ก็มันเป็นคนป่วย คนบ้า แล้วจะเอาความคิดคนปกติไปคิด ไปหยั่ง ไปวัดได้อย่างไรกัน
ก็ต้องบอกว่าที่ความสับสนวุ่นวายและความเดือดร้อนเสียหายเกิดขึ้นในบ้านเมืองไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักหย่อนในขณะนี้ก็เพราะคนจำนวนมากหลงเข้าใจว่าบางคนเป็นคนปกติ มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ มีร่างกายสมบูรณ์ดีอยู่ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเป็นคนป่วยและเป็นคนบ้า
จึงหลงเชื่อคนบ้า ทำตามคนบ้า แล้วความบ้า ๆ บอ ๆ ความวิบัติพินาศฉิบหายจึงเกิดขึ้นกับบ้านเมืองดังที่เห็น ๆ กันอยู่นี้แหละ.
เป็นคนละเรื่องกัน แต่จะเป็นอุทาหรณ์สอนใจใครต่อใครและเป็นเครื่องเตือนสติคนทั้งหลายทั้งปวงให้ระมัดระวังหรือตรวจสอบกันให้จงดี เพื่อป้องกันมิให้ความเสียหายเกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเรา
เรื่องคนบ้าเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นอย่าว่าไม่เคยปรากฏ มันเคยปรากฏมาแล้ว! ยิ่งคนทั้งป่วยทั้งบ้าเป็นนายกรัฐมนตรีก็เคยเกิดขึ้นและทำให้โลกเกิดสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้ว
เคยมีนักเขียนฝรั่งคนหนึ่งได้วิเคราะห์มูลฐานทางความคิดผู้นำระดับนายกรัฐมนตรีของประเทศที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สองทั้งหมด แล้วเขียนเป็นหนังสือออกมาชื่อว่า “เมื่อคนป่วยครองเมือง”
มีเนื้อหาสรุปว่าห้วงเวลานั้นทั้งนายกรัฐมนตรีเชอร์ชิลของอังกฤษ ทั้งนายกรัฐมนตรีอดอฟฮิตเลอร์ของเยอรมนี ทั้งผู้นำมุสโสลินีแห่งอิตาลี ทั้งนายกรัฐมนตรีโตโจของญี่ปุ่น และประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ล้วนเป็นคนป่วยอาการหนักด้วยกันทั้งนั้น
มีการตีแผ่ข้อเท็จจริงจำนวนมากว่าผู้นำเหล่านี้ไม่ได้มีชีวิตที่ปกติสุข จะกินจะนอนก็ไม่เป็นปกติ ต้องพึ่งพาอาศัยยาทั้งยาเม็ด ยาฉีด และการเยียวยาทางจิตเป็นเนืองนิตย์ และหลายคนก็มีอาการทางจิตปรากฏชัดเจน ดังนั้นบรรดาผู้นำเหล่านี้จึงไม่เพียงแต่เป็นคนป่วยทางกายอย่างเดียว หากเป็นคนป่วยทางจิตมากบ้างน้อยบ้างรวมอยู่ด้วย
นึกดูให้ดีเถิดก็จะรู้สึกเสียววาบว่าถ้าผู้มีอำนาจของประเทศต่าง ๆ ของโลกเป็นคนป่วยทั้งทางกายและทางจิตอย่างนี้ โลกจะหาสันติสุขได้ที่ไหน? จะหาความเป็นปกติสุขได้ที่ไหน?
ย่อมมีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวาย มีแต่ความเบียดเบียนและมีแต่เรื่องคาดคิดไม่ถึงเกิดขึ้น ซึ่งเกือบทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงในลักษณะที่ว่า “ทำไมคนพวกนี้จึงบ้ากันถึงขนาดนี้วะ?”
ก็มันเป็นทั้งคนป่วยและคนบ้าจริง ๆ ดังนั้นจึงอย่าได้แปลกใจเลยว่าเมื่อผู้นำชาติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่างเป็นคนป่วย คนบ้าเช่นนี้แล้ว โลกก็ไม่อาจหนีพ้นไปจากสงครามได้
และเพราะเหตุที่ขอบเขตของเรื่องราวใหญ่โตนัก สงครามที่ว่านั้นจึงถูกเรียกว่าเป็นสงครามโลกครั้งที่สอง
เป็นสงครามที่สร้างความวิบัติฉิบหายวายวอดให้แก่มวลมนุษยชาติมากมายสุดคณานับ ชีวิตผู้คนนับล้านได้สูญเสียไปในท่ามกลางสงคราม ทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน ไร่นาสาโทพังพินาศไปเกือบครึ่งโลก ผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อดอยากปากแห้ง พลัดที่นาคาที่อยู่กว่าร้อยล้านคน
นั่นเป็นเรื่องของคนป่วยและคนบ้าที่มีอำนาจเป็นผู้นำบ้านเมือง แล้วสร้างความวิบัติฉิบหายให้กับมวลมนุษย์ให้เห็นกันมาแล้ว
ยิ่งโลกทุกวันนี้มีความสับสนวุ่นวายมากขึ้น มีความตึงเครียดมากขึ้น มีความโลภโมโทสันและกิเลสประเภทความโกรธความหลงหนักหนาสาหัสมากขึ้น ความป่วยทั้งทางกายและทางจิตของผู้คนก็ยิ่งมีมากขึ้นเป็นธรรมดา คนธรรมดาป่วยหรือบ้าอย่างมากก็เป็นปัญหาเฉพาะในครอบครัวหรือสังคมเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แต่ถ้าคนป่วยหรือคนบ้านั้นเป็นข้าราชการที่มีอำนาจบาตรใหญ่ขึ้นมา ปวงประชาราษฎรและการงานราชการทั้งหลายก็ย่อมได้รับผลกระทบกระเทือนเพิ่มขึ้น
ถ้าคนป่วยหรือคนบ้านั้นเป็นรัฐมนตรีก็ยิ่งเกิดผลกระทบมากขึ้นไปอีก
และในที่สุดถ้าหากคนป่วยหรือคนบ้านั้นเป็นนายกรัฐมนตรีผลกระทบก็ยิ่งหนักหน่วงรุนแรงมากที่สุด
คนป่วยและคนบ้าในระดับนายกรัฐมนตรี หรือแม้ไม่ถึงกับมีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้ามีขีดความสามารถในระดับนายกรัฐมนตรี หรือคนระดับนายกรัฐมนตรีเป็นหุ่นเชิดให้ด้วยแล้ว ความวิบัติพินาศฉิบหายวายวอดก็จะหนักหนาสาหัสแก่อาณาประชาราษฎรและบ้านเมืองจนสุดที่จะหยั่งคาด
ดังนั้นไม่ว่าใครเป็นพลเมืองของชุมชนไหน ตำบล อำเภอ จังหวัดใด หรือประเทศไหนๆ ก็ตาม จะต้องหมั่นตรวจตราและตรวจสอบอยู่เสมอ ๆ ว่ามีคนป่วยหรือคนบ้ามีอำนาจในบ้านเมืองหรือไม่ และมีอยู่ในระดับไหนบ้าง
เพื่อจะได้รู้ถึงระดับและขอบเขตความเสียหายตลอดจนผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้น แล้วจะได้หาทางป้องกันแก้ไขได้ทันท่วงที
เพราะว่าตามรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้พูดถึงการตรวจสอบอาการป่วยหรืออาการบ้าเอาไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประจำหรือข้าราชการการเมืองหรือข้าราชการส่วนท้องถิ่นไม่ว่าระดับไหน ๆ ก็ตาม
ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงที่สูงยิ่งว่าอาจมีคนป่วยหรือคนบ้ามีอำนาจวาสนาขึ้นในระดับต่าง ๆ ดังนั้นใครที่คิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ควรจะปลูกฝังความคิดเสียด้วยว่าขณะนี้บ้านเมืองมีความเสี่ยงที่จะมีคนป่วยหรือคนบ้าเข้ามามีอำนาจในบ้านเมือง ควรจะมีบทบัญญัติหรือแก้ไขหรือป้องกันไว้อย่างไรบ้าง
อาการป่วยทางกายนั้นบางทีก็เห็นง่าย บางทีก็เห็นยาก ทั้ง ๆ ที่อาจมีอิทธิพลและส่งผลต่อความคิดจิตใจและการปฏิบัติหน้าที่หรือการทำการงานของคนเป็นอย่างมาก
คนเป็นโรคเบาหวานหาได้มีความอ่อนหวานเหมือนกับน้ำตาลแต่ประการใดไม่ แต่มักจะเป็นดุดันเหมือนกับหมาบ้า ไล่ฟัด ไล่กัดใครต่อใครไม่เลือกหน้า ขอเพียงแต่มีอะไรมากระทบตาหูจมูกในทางที่ไม่ชอบอกชอบใจเท่านั้น ก็จะระบายอารมณ์แบบระเบิดเถิดเทิง
ในทางโลกเรียกว่าระบายอารมณ์แบบหมาบ้า แต่ในทางธรรมนั้นอารมณ์แบบนี้เป็นอารมณ์ของเดรัจฉาน ถึงเป็นมนุษย์ทางธรรมก็ถือว่าเป็นมนุษย์จำพวกเดรัจฉานเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
คนเป็นโรคความดันโลหิตสูงมักจะเป็นคนผูกคิด ผูกแค้น ผูกเจ็บ ผูกจำ บางทีก็สลับสับสนเรื่องราวจนผิดชอบชั่วดีไขว้เขวปนเปกันไปหมด และในที่สุดก็เหมือนกับคนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเช่นเดียวกัน
บางทีมีคนมากราบไหว้อยู่ดีๆ ก็เกิดสับสนไขว้เขวในทางความคิดขึ้นมาว่าเขาปองร้าย กลับดุด่าว่าร้ายจนเสียหายเสียผู้เสียคน ทั้ง ๆ ที่คนที่เสียผู้เสียคนจริง ๆ ก็คือคนที่ด่าว่านั่นแหละ
หรือบางคนมีอาการทางจิตที่เกิดมาจากความมีปมด้อย เห็นอะไรก็อยากได้ใคร่ยึดถือเอาไปหมด แอบซุกแอบซ่อนทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งแอบซุกขนมไว้กินคนเดียว โดยไม่ให้ลูกเมียกินเลยก็ยังมี
คนพวกนี้จะมีความโลภโมโทสันไม่มีที่สิ้นสุด ถึงเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ถูกทางธรรมจัดว่าเป็นมนุษย์จำพวกสเปโต หรือเป็นเปรต เพราะเปรตนั้นพุงใหญ่ ปากเล็กเท่ารูเข็ม หิวไม่รู้จักหยุดจักหย่อน กินไม่เลือกไม่เป็นเวลา อะไรขวางหน้าเป็นกินหมด
คนป่วยหรือคนบ้าบางจำพวกก็เห็นได้ยาก จับอาการได้ยาก ดูปกติผิวเผินก็เหมือนคนดี ๆ นี่เอง แต่แท้จริงป่วยหนักและบ้าหนัก ถึงขนาดที่ทางธรรมเรียกว่าเป็นคนจำพวกอสูรกายไปเลย
คนพวกนี้มีพื้นฐานทางจิตที่เป็นปมด้อยเหมือนกัน คือมีความไม่เป็นปกติทางกาย ทางใจ และในทางครอบครัวมาแต่อ้อนแต่ออก จึงมีความมักมากและบ้าในอำนาจเป็นพิเศษ
คนพวกนี้แหละที่คำพังเพยไทยเรียกว่าเป็นคนจำพวกคางคกขึ้นวอ แต่เมื่อกล่าวกันถึงที่สุดแล้วเป็นคางคกขึ้นวอก็ยังดีกว่าคนจำพวกนี้
เพราะตำนานแห่งพังเพยคางคกขึ้นวอนั้นเป็นทำนองเดียวกันกับนิทานเรื่องกิ้งก่าได้ทอง คือมีความดีความชอบมาแต่ก่อนอยู่บ้าง ครั้นได้อานิสงส์จากความดีความชอบนั้นเป็นลาภ ยศ สุข สรรเสริญขึ้นมาก็กร่างและบ้าบอคอแตกขึ้นมา ยกหัวชูคอบ้าอำนาจในขนาดและระดับต่างๆ กัน จนถูกถอดถูกเตะก็มีให้เห็นอยู่ถมไป
คางคกขึ้นวอไม่ได้เบียดเบียนใคร ไม่ทำร้ายใคร แค่เห็นแล้วหมั่นไส้เท่านั้น แต่คนป่วยและบ้าจำพวกนี้ยิ่งกว่าคางคกขึ้นวอ เพราะคิดก็บ้า พูดก็บ้า ทำก็บ้า หาสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นความเจริญหรือความเป็นสิริมงคลไม่ได้เลย เรียกว่าบ้าตลอดสาย บ้าทั้งเรื่อง
บ้านเมืองของเราวันนี้ดูไปแล้วก็น่าห่วง เพราะแม้จะไม่มีการตรวจสอบว่าใครป่วยหรือบ้าดังที่ว่ามานี้หรือไม่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้มีบทบัญญัติให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเอาไว้
แต่พฤติกรรมและปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองทุกเมื่อเชื่อวันนั้นล้วนเป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนและปราศจากความสงสัยใด ๆ ว่าบ้านเมืองของเราในวันนี้มีทั้งคนป่วยและคนบ้ามีอำนาจอยู่ในบ้านเมืองของเราเป็นแน่
มิฉะนั้นเรื่องแย่ ๆ วิปริตวิปลาสชนิดที่บางครั้งก็คาดคิดไม่ถึงมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
กลิ่นขี้หมาโชยมาตามสายลมเมื่อใด แม้ยังไม่เห็นขี้หมาก็ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าเหนือลมขึ้นไปนั้นย่อมมีขี้หมาอยู่แน่ และย่อมมีหมาไปขี้ทิ้งไว้เป็นแน่ หาไม่แล้วไหนเลยจะมีขี้หมาและไหนเลยจะมีกลิ่นขี้หมาลอยมาตามลมได้
หากบ้านเมืองของเรามีคนป่วย คนบ้า ครองอำนาจ ความพินาศย่อยยับดับสูญก็ย่อมเกิดขึ้นแก่อาณาประชาราษฎรและสมณะชีพราหมณ์โดยไม่ต้องสงสัยใด ๆ
เพราะคนป่วยและคนบ้านั้นไม่มีทางคิดดี พูดดี ทำดีได้เลย มีแต่คิดแบบป่วยหรือบ้า พูดแบบป่วยหรือบ้า และทำแบบป่วยหรือบ้าทั้งนั้น
ที่สำคัญที่สุด ยากที่จะหยั่งความคิดจิตใจของคนป่วยคนบ้าได้โดยถูกต้องแม่นยำหรือแม้แต่ใกล้เคียงก็ยากยิ่ง
เพราะคนป่วยและคนบ้าย่อมมีวิธีคิด วิธีพูด และวิธีทำแบบคนป่วยและคนบ้า จะใช้วิธีคิด วิธีพูด และวิธีทำของคนปกติไปถกเถียงโต้แย้งค้นคว้าหาเหตุหาผลหรือหาข้อยุติ หรือแม้แค่คิดว่าทำไมจึงต้องทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ก็ไม่มีทางที่จะถูกต้องได้เลย
ก็มันเป็นคนป่วย คนบ้า แล้วจะเอาความคิดคนปกติไปคิด ไปหยั่ง ไปวัดได้อย่างไรกัน
ก็ต้องบอกว่าที่ความสับสนวุ่นวายและความเดือดร้อนเสียหายเกิดขึ้นในบ้านเมืองไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักหย่อนในขณะนี้ก็เพราะคนจำนวนมากหลงเข้าใจว่าบางคนเป็นคนปกติ มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ มีร่างกายสมบูรณ์ดีอยู่ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเป็นคนป่วยและเป็นคนบ้า
จึงหลงเชื่อคนบ้า ทำตามคนบ้า แล้วความบ้า ๆ บอ ๆ ความวิบัติพินาศฉิบหายจึงเกิดขึ้นกับบ้านเมืองดังที่เห็น ๆ กันอยู่นี้แหละ.