ก็เป็นอันว่า..ท่านนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช ยืนยันฟันธงว่าจะจัดรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ตามสไตล์ของท่านแบบที่เห็นและเป็นไป..ตามที่ท่านยืนยันผ่านรายการเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 เม.ย.2551
“..ผมถึงได้ขึ้นต้นบอกว่าถ้ารายการนี้จะเอาแบบนั้น มาถึงก็บอกบัดนี้กระทรวงนี้ทำอย่างนี้ อย่างนั้นก็ต้องเปลี่ยนชื่อรายการเป็น...รายงานการปฏิบัติงานของนายกรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ทำอย่างนั้นน่ะครับแล้วใครที่ไหนจะมาดู...”
ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่คัดค้านทักท้วงสไตล์การ “สนทนาประสาสมัคร” ว่ารังแต่จะทำลายตัวเอง สร้างศัตรู ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชน – ประชาชน ใช้เวลาของสถานีวิทยุโทรทัศน์ (ช่อง11) อันเป็นสมบัติของรัฐสมบัติของชาติไม่คุ้มค่าไม่เคารพประชาชน...
ผมก็จำต้องยอมแพ้ คงไม่ตอแย ฯพณฯ อีก...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณกุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน คอยเบรกคอยแถลงแก้ต่างเวลาท่านนายกฯ พูดหลุดพูดพลาดพูดมากเกินขอบเขต เพราะมีเวทีหลักในการพูดจา-แถลงข่าวถึงสัปดาห์ละ 3 หน...เอาก็แล้วกัน..
รับประกันซ่อมฟรีได้ว่าท่านนายกฯ ของเรายังจะ...จ้อไปด่าไป..เอาน้ำมันไปราดกองไฟได้ทุกสัปดาห์ จนกว่าไฟจะไหม้เก้าอี้ตัวเองโน่นแหละถึงจะรู้สึก...
............
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ออกจากโรงพยาบาล (4 เม.ย.) ท่ามกลางปริศนาว่าเป็นโรคจู๊ด ๆ เพราะพิษปลาร้าหรือโรคไข้หวัดเพราะแอร์มันเย็นกันแน่ ท่านนายกฯ สมัครก็ออกมาร่ายยาวหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ...
เป็นการพูดชี้แจงที่แม้จะใช้สไตล์ลีลาสมัครฟังแล้วค่อนข้างเร้าใจ แต่ผมก็อยากจะกล่าวหาท่านนายกฯ ว่า ช่างเป็นการพูดจาแบบเฉไฉและแก้เกี้ยวสิ้นดี โดยเฉพาะความพยายามเน้นเสียงตอบคำถามอดีตนายกฯ คุณอานันท์ ปันยารชุน ที่บอกว่ารัฐบาลจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า...แก้ทำไม แก้เพื่อใคร..?
นายกฯ สมัครตอบผ่านการแถลงข่าวว่า...แก้เพื่ออนาคตการเมืองไทย ไม่ได้แก้เพื่อตัวเอง เพราะสมัยหน้าท่านไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกแล้ว...ฯลฯ..
ฟังแล้วฟังอีก นายกฯ สมัครไม่ยอมตอบจริงๆ หรือตอบตรงๆ ว่า กรณีความพยายามแก้ไขมาตรา 237 และมาตรา 309 นั้น ใครได้ประโยชน์กันแน่...เบื้องลึกเบื้องหลังมันคืออะไรกันแน่..!?
ระดับ “สมัคร” ที่เล่นการเมืองมาตั้งแต่ปี 2515 เป็นรมว.มหาดไทยมาตั้งแต่วัย 41 ขวบยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว มีหรือจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ที่จำต้องพูดเฉี่ยวไปเฉมาและพยายามร้องเพลงเดียวกับคนในศูนย์อำนาจในพรรคพลังประชาชนก็เพราะต้องเล่นบทประนีประนอม เพื่อประคับประคองอำนาจ –ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตัวเองให้อยู่ยั้งยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้...
แม้เป็นเรื่องที่ออกจะน่าเห็นใจ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้....
แต่ท่านสมัครก็ได้โปรดฟังเสียงตุ๊กแกอย่างผมทักบ้างเถอะครับว่า....นายกฯ นอมินีมีอายุที่แน่นอนของมัน หมดเวลา หมดความจำเป็นเมื่อไหร่เขาก็เลิกใช้เมื่อนั้น...
ถามว่าเมื่อไหร่...ผมก็ตอบได้เพียงว่าไม่ทราบ แต่ต้องเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้และเป็นไปได้... ที่พูดนี่ไม่เกี่ยวกับคำพยากรณ์ของอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหร คมช.เจ้าสำนักสุขิโต ว่ากลางปีนี้เมืองไทยอาจจะขัดแย้งกันจนนองเลือดแต่อย่างใดนะครับ...
พูดถึงอาจารย์วารินทร์ ก็ต้องบอกว่าแม้ผมจะเคารพ แต่สำหรับเรื่องคำทำนาย คำพยากรณ์ของอาจารย์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง...มิใช่เพราะอาจารย์วารินทร์ฟันธงว่านายกฯ หลังเลือกตั้ง 23 ธ.ค.2550 ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ใช่ สมัคร สุนทรเวช แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้าม หรือมิใช่เพราะล่าสุดอาจารย์วารินทร์ท่านทำนายทายทักว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปอาจเป็นพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ....
หากแต่เรื่องคำทำนายของโหรนี่ต้องฟังหูไว้หู...
แต่กระนั้นก็ตาม ผมไม่ถึงขั้นต้องเยาะเย้ยถากถางหรือตั้งคำถามแรงๆ ว่าทำไมอาจารย์วารินทร์ไม่หุบปากเหมือนโหรคนอื่นๆ รับแผนรับงานใครมาทำนายหรือเปล่า.. เหมือนกับที่นายกฯสมัครท่านปุจฉาไว้ในรายการฯ...
จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ถ้าคนที่เป็นนายกฯ ถือเสียว่าคำทำนายของอาจารย์วารินทร์เป็นเสียงจิ้งจกทักก็ไม่เห็นจะเสียหาย...ไม่เชื่อลองอ่านดู..
“ จะมีการปฏิรูปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะต่างจากครั้งที่แล้ว จะวุ่นวายหนัก อาจจะมีการปะทะเสียเลือดเนื้อ ส่วนจะมากจะน้อยไม่รู้ ต้องดูก่อน แต่ในภาพที่เห็นช่วงต้นปี เห็นว่าจะตายเป็นเบือ..”
“ อำนาจเต็มอยู่ที่นายกฯ สมัคร อย่างน้อยเป็นนายกฯ ก็มีอำนาจยุบสภาได้ และทำได้ก่อนที่จะเกิดเหตุ ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุมีทางเดียวคือยุบสภา ซึ่งโอกาสเป็นไปได้สูง...”
“ ก็เป็นไปได้ที่จะมีการปฏิรูปอีกครั้งแล้วทหารขึ้นมาปกครอง อาจเป็นพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็ได้ แต่ตอนนี้บารมีท่านยังไม่ถึง คือผมจะดูเรื่องบุญและกรรมเสริมกัน ผมเคยบอกว่าท่านอยู่ในเก้าอี้ ผบ.ทบ.ไม่ครบ 3 ปีอาจจะเป็นการพลิกขึ้นหรือย้ายออก ยังแกว่งอยู่ ยังมีบุญค้ำอยู่ ซึ่งไม่เกินปี 2552 ตอนนี้บุญขึ้นมาแล้วแต่ท่านยังไม่ต่อบุญ”
“ขณะนี้ยังมีปัจจัยในการต่อบุญได้อยู่ อิทธิฤทธิ์แพ้บุญ แต่บุญแพ้กรรม กรรมคือตัวกำหนด กรรมจะหมดหรือจะคลายไปต่อเมื่อมีการอโหสิกรรม บ้านเมืองก็เช่นเดียวกัน ผมคงช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่คงไม่ได้ทั้งหมด..”
ครับ...ใกล้สงกรานต์ วันนี้ผมก็บ่นเบื่อไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้ประสีประสาเรื่องดวงบ้านดวงเมืองอะไรกับเขาแม้แต่น้อย....เพียงแต่พักนี้ไปที่ไหนก็มักจะได้ยินได้ฟังเรื่องดวงบ้านดวงเมืองบ่อย...วันก่อนในงานเลี้ยงจัดตั้งชมรม สนช.ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ก็พูดดังๆ กลางโต๊ะว่า ดวงเมืองตั้งแต่ 17 เม.ย.-3 มิ.ย.ปีนี้เดือดพล่าน... วันก่อนโน้นอ.สามารถ มังสัง ผู้ใหญ่ในเครือผู้จัดการก็บอกน้องๆว่า หลังสงกรานต์เป็นต้นไปอย่าได้กะพริบตา...
โดยส่วนตัวผมก็เชื่อว่าในอีกไม่นานนี้จะได้เห็นฝีมือนายกฯ สมัครบริหารประเทศในภาวะขัดแย้ง-วิกฤตทางการเมือง...อันเนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน
ซึ่งถ้า ฯพณฯ ยังเป็นตัวของตัวเองในสิ่งที่ไม่จำเป็น ยังเห็นคนที่พูดต่างคิดต่างเป็นศัตรูไปเสียทั้งหมด โอกาสที่จะต้องลงจากบัลลังก์อำนาจอย่างโดดเดี่ยวก็มีสูงมาก...
ไม่มีเสียงสนับสนุนในพรรคแล้วยังเพาะฟาร์มสร้างศัตรูนอกพรรคได้อย่างไม่มีขีดจำกัด...
แม้หนก่อนจะพยากรณ์ผิด แต่หนนี้โหรวารินทร์อาจจะทำนายถูกก็ได้ว่า...ในที่สุดท่านนายกฯ สมัครอาจต้องยุบสภาลาโรงลิเกภายในปีนี้!!
“..ผมถึงได้ขึ้นต้นบอกว่าถ้ารายการนี้จะเอาแบบนั้น มาถึงก็บอกบัดนี้กระทรวงนี้ทำอย่างนี้ อย่างนั้นก็ต้องเปลี่ยนชื่อรายการเป็น...รายงานการปฏิบัติงานของนายกรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ทำอย่างนั้นน่ะครับแล้วใครที่ไหนจะมาดู...”
ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่คัดค้านทักท้วงสไตล์การ “สนทนาประสาสมัคร” ว่ารังแต่จะทำลายตัวเอง สร้างศัตรู ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชน – ประชาชน ใช้เวลาของสถานีวิทยุโทรทัศน์ (ช่อง11) อันเป็นสมบัติของรัฐสมบัติของชาติไม่คุ้มค่าไม่เคารพประชาชน...
ผมก็จำต้องยอมแพ้ คงไม่ตอแย ฯพณฯ อีก...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณกุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน คอยเบรกคอยแถลงแก้ต่างเวลาท่านนายกฯ พูดหลุดพูดพลาดพูดมากเกินขอบเขต เพราะมีเวทีหลักในการพูดจา-แถลงข่าวถึงสัปดาห์ละ 3 หน...เอาก็แล้วกัน..
รับประกันซ่อมฟรีได้ว่าท่านนายกฯ ของเรายังจะ...จ้อไปด่าไป..เอาน้ำมันไปราดกองไฟได้ทุกสัปดาห์ จนกว่าไฟจะไหม้เก้าอี้ตัวเองโน่นแหละถึงจะรู้สึก...
............
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ออกจากโรงพยาบาล (4 เม.ย.) ท่ามกลางปริศนาว่าเป็นโรคจู๊ด ๆ เพราะพิษปลาร้าหรือโรคไข้หวัดเพราะแอร์มันเย็นกันแน่ ท่านนายกฯ สมัครก็ออกมาร่ายยาวหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ...
เป็นการพูดชี้แจงที่แม้จะใช้สไตล์ลีลาสมัครฟังแล้วค่อนข้างเร้าใจ แต่ผมก็อยากจะกล่าวหาท่านนายกฯ ว่า ช่างเป็นการพูดจาแบบเฉไฉและแก้เกี้ยวสิ้นดี โดยเฉพาะความพยายามเน้นเสียงตอบคำถามอดีตนายกฯ คุณอานันท์ ปันยารชุน ที่บอกว่ารัฐบาลจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า...แก้ทำไม แก้เพื่อใคร..?
นายกฯ สมัครตอบผ่านการแถลงข่าวว่า...แก้เพื่ออนาคตการเมืองไทย ไม่ได้แก้เพื่อตัวเอง เพราะสมัยหน้าท่านไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกแล้ว...ฯลฯ..
ฟังแล้วฟังอีก นายกฯ สมัครไม่ยอมตอบจริงๆ หรือตอบตรงๆ ว่า กรณีความพยายามแก้ไขมาตรา 237 และมาตรา 309 นั้น ใครได้ประโยชน์กันแน่...เบื้องลึกเบื้องหลังมันคืออะไรกันแน่..!?
ระดับ “สมัคร” ที่เล่นการเมืองมาตั้งแต่ปี 2515 เป็นรมว.มหาดไทยมาตั้งแต่วัย 41 ขวบยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว มีหรือจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ที่จำต้องพูดเฉี่ยวไปเฉมาและพยายามร้องเพลงเดียวกับคนในศูนย์อำนาจในพรรคพลังประชาชนก็เพราะต้องเล่นบทประนีประนอม เพื่อประคับประคองอำนาจ –ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตัวเองให้อยู่ยั้งยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้...
แม้เป็นเรื่องที่ออกจะน่าเห็นใจ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้....
แต่ท่านสมัครก็ได้โปรดฟังเสียงตุ๊กแกอย่างผมทักบ้างเถอะครับว่า....นายกฯ นอมินีมีอายุที่แน่นอนของมัน หมดเวลา หมดความจำเป็นเมื่อไหร่เขาก็เลิกใช้เมื่อนั้น...
ถามว่าเมื่อไหร่...ผมก็ตอบได้เพียงว่าไม่ทราบ แต่ต้องเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้และเป็นไปได้... ที่พูดนี่ไม่เกี่ยวกับคำพยากรณ์ของอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหร คมช.เจ้าสำนักสุขิโต ว่ากลางปีนี้เมืองไทยอาจจะขัดแย้งกันจนนองเลือดแต่อย่างใดนะครับ...
พูดถึงอาจารย์วารินทร์ ก็ต้องบอกว่าแม้ผมจะเคารพ แต่สำหรับเรื่องคำทำนาย คำพยากรณ์ของอาจารย์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง...มิใช่เพราะอาจารย์วารินทร์ฟันธงว่านายกฯ หลังเลือกตั้ง 23 ธ.ค.2550 ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ใช่ สมัคร สุนทรเวช แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้าม หรือมิใช่เพราะล่าสุดอาจารย์วารินทร์ท่านทำนายทายทักว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปอาจเป็นพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ....
หากแต่เรื่องคำทำนายของโหรนี่ต้องฟังหูไว้หู...
แต่กระนั้นก็ตาม ผมไม่ถึงขั้นต้องเยาะเย้ยถากถางหรือตั้งคำถามแรงๆ ว่าทำไมอาจารย์วารินทร์ไม่หุบปากเหมือนโหรคนอื่นๆ รับแผนรับงานใครมาทำนายหรือเปล่า.. เหมือนกับที่นายกฯสมัครท่านปุจฉาไว้ในรายการฯ...
จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ถ้าคนที่เป็นนายกฯ ถือเสียว่าคำทำนายของอาจารย์วารินทร์เป็นเสียงจิ้งจกทักก็ไม่เห็นจะเสียหาย...ไม่เชื่อลองอ่านดู..
“ จะมีการปฏิรูปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะต่างจากครั้งที่แล้ว จะวุ่นวายหนัก อาจจะมีการปะทะเสียเลือดเนื้อ ส่วนจะมากจะน้อยไม่รู้ ต้องดูก่อน แต่ในภาพที่เห็นช่วงต้นปี เห็นว่าจะตายเป็นเบือ..”
“ อำนาจเต็มอยู่ที่นายกฯ สมัคร อย่างน้อยเป็นนายกฯ ก็มีอำนาจยุบสภาได้ และทำได้ก่อนที่จะเกิดเหตุ ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุมีทางเดียวคือยุบสภา ซึ่งโอกาสเป็นไปได้สูง...”
“ ก็เป็นไปได้ที่จะมีการปฏิรูปอีกครั้งแล้วทหารขึ้นมาปกครอง อาจเป็นพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็ได้ แต่ตอนนี้บารมีท่านยังไม่ถึง คือผมจะดูเรื่องบุญและกรรมเสริมกัน ผมเคยบอกว่าท่านอยู่ในเก้าอี้ ผบ.ทบ.ไม่ครบ 3 ปีอาจจะเป็นการพลิกขึ้นหรือย้ายออก ยังแกว่งอยู่ ยังมีบุญค้ำอยู่ ซึ่งไม่เกินปี 2552 ตอนนี้บุญขึ้นมาแล้วแต่ท่านยังไม่ต่อบุญ”
“ขณะนี้ยังมีปัจจัยในการต่อบุญได้อยู่ อิทธิฤทธิ์แพ้บุญ แต่บุญแพ้กรรม กรรมคือตัวกำหนด กรรมจะหมดหรือจะคลายไปต่อเมื่อมีการอโหสิกรรม บ้านเมืองก็เช่นเดียวกัน ผมคงช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่คงไม่ได้ทั้งหมด..”
ครับ...ใกล้สงกรานต์ วันนี้ผมก็บ่นเบื่อไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้ประสีประสาเรื่องดวงบ้านดวงเมืองอะไรกับเขาแม้แต่น้อย....เพียงแต่พักนี้ไปที่ไหนก็มักจะได้ยินได้ฟังเรื่องดวงบ้านดวงเมืองบ่อย...วันก่อนในงานเลี้ยงจัดตั้งชมรม สนช.ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ก็พูดดังๆ กลางโต๊ะว่า ดวงเมืองตั้งแต่ 17 เม.ย.-3 มิ.ย.ปีนี้เดือดพล่าน... วันก่อนโน้นอ.สามารถ มังสัง ผู้ใหญ่ในเครือผู้จัดการก็บอกน้องๆว่า หลังสงกรานต์เป็นต้นไปอย่าได้กะพริบตา...
โดยส่วนตัวผมก็เชื่อว่าในอีกไม่นานนี้จะได้เห็นฝีมือนายกฯ สมัครบริหารประเทศในภาวะขัดแย้ง-วิกฤตทางการเมือง...อันเนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน
ซึ่งถ้า ฯพณฯ ยังเป็นตัวของตัวเองในสิ่งที่ไม่จำเป็น ยังเห็นคนที่พูดต่างคิดต่างเป็นศัตรูไปเสียทั้งหมด โอกาสที่จะต้องลงจากบัลลังก์อำนาจอย่างโดดเดี่ยวก็มีสูงมาก...
ไม่มีเสียงสนับสนุนในพรรคแล้วยังเพาะฟาร์มสร้างศัตรูนอกพรรคได้อย่างไม่มีขีดจำกัด...
แม้หนก่อนจะพยากรณ์ผิด แต่หนนี้โหรวารินทร์อาจจะทำนายถูกก็ได้ว่า...ในที่สุดท่านนายกฯ สมัครอาจต้องยุบสภาลาโรงลิเกภายในปีนี้!!