“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้นโยบายต่างประเทศยุค “แม้ว” ซุกประโยชน์ทับซ้อนเพียบ ปล่อยกู้พม่าแค่ตัวอย่างหนึ่ง เผยรัฐบาล “ทักษิณ” ส่อละเมิดสิทธิมนุษยชนซ้ำละเมิดอำนาจศาล ส่งผู้ต้องหาบุก่านวังเตาเมื่อปี 43 คืนรัฐบาลลาว ฝืนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ชัดชัดเป็นนักโทษการเมืองส่งผู้ร้ายข้ามแดนไมได้ พร้อมชี้ “กุเทพ” จวก “หัวหน้าหมัก” สะท้อนภาพ “นายกฯ หัวตอ” ไร้อำนาจที่แท้จริง
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 1 เม.ย. นายปานเพท พัวพงษ์พันธ์ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีที่ นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีปล่อยเงินกู้ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย(เอ็กซิมแบงก์)ให้รัฐบาลพม่า 4 พันล้านได้ออกมาแก้ต่างให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า การปล่อยกู้ดังกล่าวเป้ฯการช่วยเหลือรัฐบาลพม่าทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ ส่วนการที่พม่าซื้อดาวเทียมชินแซท ถือเป็นความต้องการของพม่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่สามารถไปบังคับให้เขาซื้อได้ ยืนยันได้ว่า โครงการดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้รับผลประโยชน์แต่อย่างใด เนื่องจากไม่ได้ถือหุ้นชินคอร์ปอยู่แล้ว
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่าข้อกล่าวหาในคดีนี้ เกิดขึ้นในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้แสวงหาผลประโยชน์ให้กับครอบครัวชินวัตร และพรรคพวก ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อเอ็กซิมแบงก์ แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ได้รับผลประโยชน์เป็นการส่วนตัวแต่บริษัทชินแซทเทลไลต์นั้นมีคนในตระกูลชินวัตรถือหุ้นอยู่ และยังมีบริษัทชินคอร์ปถือหุ้นใหญ่อยู่ด้วย
การปล่อยกู้ดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณได้อ้างว่าเป็นข้อตกลงตามกรอบความร่วมมือระหว่าประเทศ แต่จริงๆ แล้ว ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำไม่มีเรื่องการเจรจาในการปล่อยเงินกู้เพื่อพัฒนาระบบโทรคมนาคมมาก่อน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณพร้อมด้วยพนักงานชินแซท กลับไปจรากับผู้นำพม่าว่าจะให้เงินกู้จำนวนดังกล่าว จนทางการพม่ามีหนังสือทวงถามผ่านนายสุรเกียรติ์ สเถียรไทย รมว.ต่างประเทศขณะนั้น และ พ.ต.ท.ทักษิณได้สั่งให้เพิ่มวงเงินช้วยเหลือจาก 3 พันล้านเป็น 4 พันล้านบาท หลังจากนั้นเอ็กซิมแบงก์ต้องอนุมัติเงินกู้ให้พม่าจำนวน 4 พันล้านบาท โดยขอให้รัฐบาลช่วยประกันความเสี่ยง และขอเงินชดเชยจากการปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยตำกว่าทุนและมีระยะปลอดดอกเบี้ย ทำให้ บ.ชินแซทได้ประโยชน์การรับจ้างพัฒนาระบบโทรคมนาคมในพม่า 500 กว่าล้านบาท
ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกนั้น การดำเนินนโบยบาบต่างประเทศมักมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของคนใกล้ชิดเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นที่พม่า ออสเตรเลีย หรือประเทศอื่นๆ
ลาวในอเมริกาท้วง “แม้ว” ละเมิดคำสั่งศาล
ต่อมากู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่ นายแสง จิดดาลัย ผู้อำนวยการสถานีลาวทีวี ในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ลาวเทเลวิชั่น ในสหรัฐอเมริกา กล่าวหา รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ละเมิดอำนาจศาล กรณีที่ส่งผู้ต้องหาชาวลาวที่ก่อความไม่สงบที่ด่านวังเตาเมื่อปี 2543 จำนวน 14 คน กลับไปให้รัฐบาลลาว ทั้งที่ศาลไทยมีคำสั่งแล้วว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีการเมือง ไม่สามารถส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนได้
ทั้งนี้นายแสงบอกว่า ถ้าเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือประเทศที่เจริญแล้วจะถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรมสำหรับประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว แต่รัฐบาล รบ.ทักษิณกลับไปจับมือกับรัฐบาลลาว ก็ส่งผู้ต้องหาทั้ง 14 คนไปให้ เท่ากับว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำตนอยู่เหนืออำนาจศาล
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ค.2543 เมื่อลาวฝ่ายขวาบุกโจมตีด่านวังตาตรงข้ามช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี และถูกทหารรัฐบาลลาวไล่ล่าเข้ามาในไทย จนถูกทางการไทยจับกุม ต่อมาในปี 2545 ทางการลาวขอให้ไทยส่งผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้รัฐบาลลาว ครม.ขณะนั้นจึงให้อัยการขอให้ศาลพิจารณา จนถึงเดือน พ.ย.2546 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาว่าไม่สามารถส่งไปให้รัฐบาลลาวได้เพราะเป้ฯคดีทางการเมือง คดีก็หยุดอยู่แค่นั้น แต่ในเดือน ก.ค.2547 รัฐบาลไทยกลับส่งผู้ต้องหาทั้งหมดไปให้รัฐบาลลาว จนถูกตัดสินจำคุกคนละ 2- 8 ปี
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่หลายคนเฝ้าติดตาม โดยเฉพาะนักสิทธิมนุษยชนทั่วโลกจะติดตามเรื่องนี้แน่ ส่วนในประเทศไทยเอง กากรระทำของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณจะถือว่าเป็นการละเมิดคำสั่งศาลหรือไม่ ถ้านายแสดงทำอะไรมากกว่าการให้สัมภาษณ์ เรื่องนี้น่าจะออกไปถึงเวทีโลกให้เอามาพูดกันได้
เลื่อนสั่งคดีเอสซีฯ ส่อแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุดเลื่อนการสั่งคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นเอสซีแอสเสท ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ และคนใกล้ชิดเป็นผู้ต้องหา ออกไป เนื่องจากพยานหลักฐานที่ดีเอสไอรวบรวมมาบางส่วนยังไม่มีความชัดเจน และให้ดีเอสไอไปสอบสวนเพิ่มเติมในส่วนของเอกสารให้ครบถ้วนว่า กรณีนี้จะทำให้การนัดสั่งคดีในวันที่ 3 เม.ย.ต้องเลื่อนออกไปก่อนจนกว่าดีเอสไปจะส่งหลักฐานมาให้ครบถ้วน ซึ่งทำให้เห็นว่า ที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย รวมทั้งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยบุติธรรม บอกว่าเอกสารทุกอย่างส่งไปที่อัยการหมดแล้วนั้น เป็นความจริงหรือไม่
ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า คดีนี้ ในยุคที่นายสุนัย มโนมัยอุดม เป็นอธิบดีกรมดีเอสไอได้ทำไว้นั้น เป็นดคีที่ดิ้นได้ยากมาก การแก้คดีได้ยากมากนี้เป็นเหตุผลให้ต้องมีการย้ายนายสุนัยใช่หรือไม่ เพราะตั้งแต่มีรักษาการอธิบดีดีเอสไอคนใหม่ คดีนี้ช้าลงมาก เปรียบเทียบกับคดีที่มีการร้องเข้าไปใหม่เช่น การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ของ กกต. คดีจัดซื้อรถบีอาร์ที คดีที่ดินสุราษฎร์ธานี จากกรณีเหล่านี้ ที่เคยพูดว่าการย้ายอธิบดีดีเอสไอไม่เกี่ยวกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ปรากฏการณ์ที่เกิดตอนนี้คืออะไร
“โภคิน”แพ้คดีหมิ่น “เทพเทือพ”
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ยกฟ้องคดีที่นายโภคิน พลกุล อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ฟ้องหมิ่นประมาทนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่ได้อภิปรายในสภาว่า นายโภคิน เข้าไปอยู่ในที่ประชุมเพื่อพิจารณาลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2540 ทั้งที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และนำเรื่องดังกล่าวไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ พ.ต.ท.ได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว โดย พล.อ.ชวลิตได้ปฏิเสธว่านายโภคินไม่ได้อยู่ในที่ประชุมด้วย ทำให้นายโภคินฟ้องนายสุเทพ เรียกค่าเสียหาย 4,000 ล้านบาท ก่อนลดลงมาเหลือ 2,500 ล้านบาท
คดีนี้ใช้เวลาถึง 10 กว่าจะยุติ โดยศาลได้ชี้ว่านายสุเทพเป็น ส.ส.มีหน้าที่อภิปรายตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้ พยานของนายโภคินเอง คือนายเริงชัย มระกานนท์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนางทะนง พิทยะ อดีต รมว.คลังให้การยืนยันว่านายโภคินอยู่ในที่ประชุมพิจารณาลอยตัวค่าเงินบาทด้วย
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อปี 2540 นั้นถือได้ว่าเป็นโสกนาฏกรรมทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่มีบางคนร่ำรวยอย่างมหาศาล ขณะที่ไฟแนนซ์ 56 แห่งถูกปิด พนักงานตกงาน นักธุรกิจจำนวนมากล้มละลาย หรือสูญเสียธุรกิจของตัวเองไป เพราะเขาไม่รู้ข้อมูลภายใน คนที่ร่ำรวยในสภาพอย่างนั้น ถือเป็นอาชญากรทางเศรษฐกิจ และเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิและพระสยามเทวาธิราชมีจริง สภาพของของ พ.ต.ท.ทักษิณตอนนี้เป็นอย่างไรก็พอรู้กันอยู่ และต้องติดตามดูกันต่อไป
“กุเทพ”จวก “หมัก” ตอกย้ำสภาพนายกฯ หัวตอ
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชนออกมาตำหนิการให้สัมภาษณ์ของนายสมัครว่าทำให้เกิดปัยหา พร้อมบอกให้ทำมากกว่าพูดโดยเปรียบเทียบกับรัฐบาลทักษิณ 1 เข้ามาเพียง 2 เดือนก็มีผลงานมากมาย แต่รัฐบาลนี้ผ่านมา 2 เดือนยังไม่มีอะไรเลย ว่า การพูดของ ร.ท.กุเทพ คงเข้าตา พ.ต.ท.ทักษิณ และสะท้อนว่า นายสมัครเป็นนายกหัวตอจริงๆ บอกว่าจะไม่แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 309 แต่พรรคก็ให้แก้ บอกอย่าจัดม็อบไปก่อกวนพันธมิตรฯ ก็ยังมีม็อบไป อยู่ในพรรคก็ถูกตำหนิ ไม่มีนายกฯ คนไหนที่ถูกถล่มขนาดนี้ เรียกว่ามีแต่ข้ามหัวกัน เพราะนายสมัครไม่มีอำนาจริงๆ ในพรรคพลังประชาชน
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวในตอนท้ายว่า วันที่ 2 เม.ย.นี้ พันธมิตรฯ จะประชุมแกนนำเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง เพราะไม่น่าเชื่อว่าเพียงเดือนเศษก็มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายในกระบวนการยุติธรรมของชาติ การแก้ไข รัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ 14 ล้านคน เป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะแก้มาตราที่ตัวเองทำผิด ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป นักการเมืองเมื่อมีอำนาจในมือ ก็แก้กฎหมายไม่ต้องให้ตัวเองผิดได้
ทั้งนี้ ผู้ดำเนินรายการ ได้แนะนำให้คนที่กำลังจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อ่านหน้าแรกของรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ดี เพราะมีความหมายมาก ไม่ใช่คิดจะจะแก้อย่างไรก็แก้ได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญแม้ว่าจะทำได้แต่ก็ควรจะแก้ไขให้ดีขึ้น ไม่ใช่แก้เพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมโนสำนึกของนักการเมืองว่าจะให้เกียรติยศของตัวเองและวงศ์ตระกูลทำเพื่อประโยชน์ของคนบางคนบางครอบครัวหรือ ทำเพื่อคน 63 ล้านคน
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 1 เม.ย. นายปานเพท พัวพงษ์พันธ์ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีที่ นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีปล่อยเงินกู้ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย(เอ็กซิมแบงก์)ให้รัฐบาลพม่า 4 พันล้านได้ออกมาแก้ต่างให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า การปล่อยกู้ดังกล่าวเป้ฯการช่วยเหลือรัฐบาลพม่าทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ ส่วนการที่พม่าซื้อดาวเทียมชินแซท ถือเป็นความต้องการของพม่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่สามารถไปบังคับให้เขาซื้อได้ ยืนยันได้ว่า โครงการดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้รับผลประโยชน์แต่อย่างใด เนื่องจากไม่ได้ถือหุ้นชินคอร์ปอยู่แล้ว
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่าข้อกล่าวหาในคดีนี้ เกิดขึ้นในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้แสวงหาผลประโยชน์ให้กับครอบครัวชินวัตร และพรรคพวก ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อเอ็กซิมแบงก์ แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ได้รับผลประโยชน์เป็นการส่วนตัวแต่บริษัทชินแซทเทลไลต์นั้นมีคนในตระกูลชินวัตรถือหุ้นอยู่ และยังมีบริษัทชินคอร์ปถือหุ้นใหญ่อยู่ด้วย
การปล่อยกู้ดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณได้อ้างว่าเป็นข้อตกลงตามกรอบความร่วมมือระหว่าประเทศ แต่จริงๆ แล้ว ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำไม่มีเรื่องการเจรจาในการปล่อยเงินกู้เพื่อพัฒนาระบบโทรคมนาคมมาก่อน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณพร้อมด้วยพนักงานชินแซท กลับไปจรากับผู้นำพม่าว่าจะให้เงินกู้จำนวนดังกล่าว จนทางการพม่ามีหนังสือทวงถามผ่านนายสุรเกียรติ์ สเถียรไทย รมว.ต่างประเทศขณะนั้น และ พ.ต.ท.ทักษิณได้สั่งให้เพิ่มวงเงินช้วยเหลือจาก 3 พันล้านเป็น 4 พันล้านบาท หลังจากนั้นเอ็กซิมแบงก์ต้องอนุมัติเงินกู้ให้พม่าจำนวน 4 พันล้านบาท โดยขอให้รัฐบาลช่วยประกันความเสี่ยง และขอเงินชดเชยจากการปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยตำกว่าทุนและมีระยะปลอดดอกเบี้ย ทำให้ บ.ชินแซทได้ประโยชน์การรับจ้างพัฒนาระบบโทรคมนาคมในพม่า 500 กว่าล้านบาท
ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกนั้น การดำเนินนโบยบาบต่างประเทศมักมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของคนใกล้ชิดเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นที่พม่า ออสเตรเลีย หรือประเทศอื่นๆ
ลาวในอเมริกาท้วง “แม้ว” ละเมิดคำสั่งศาล
ต่อมากู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่ นายแสง จิดดาลัย ผู้อำนวยการสถานีลาวทีวี ในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ลาวเทเลวิชั่น ในสหรัฐอเมริกา กล่าวหา รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ละเมิดอำนาจศาล กรณีที่ส่งผู้ต้องหาชาวลาวที่ก่อความไม่สงบที่ด่านวังเตาเมื่อปี 2543 จำนวน 14 คน กลับไปให้รัฐบาลลาว ทั้งที่ศาลไทยมีคำสั่งแล้วว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีการเมือง ไม่สามารถส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนได้
ทั้งนี้นายแสงบอกว่า ถ้าเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือประเทศที่เจริญแล้วจะถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรมสำหรับประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว แต่รัฐบาล รบ.ทักษิณกลับไปจับมือกับรัฐบาลลาว ก็ส่งผู้ต้องหาทั้ง 14 คนไปให้ เท่ากับว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำตนอยู่เหนืออำนาจศาล
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ค.2543 เมื่อลาวฝ่ายขวาบุกโจมตีด่านวังตาตรงข้ามช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี และถูกทหารรัฐบาลลาวไล่ล่าเข้ามาในไทย จนถูกทางการไทยจับกุม ต่อมาในปี 2545 ทางการลาวขอให้ไทยส่งผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้รัฐบาลลาว ครม.ขณะนั้นจึงให้อัยการขอให้ศาลพิจารณา จนถึงเดือน พ.ย.2546 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาว่าไม่สามารถส่งไปให้รัฐบาลลาวได้เพราะเป้ฯคดีทางการเมือง คดีก็หยุดอยู่แค่นั้น แต่ในเดือน ก.ค.2547 รัฐบาลไทยกลับส่งผู้ต้องหาทั้งหมดไปให้รัฐบาลลาว จนถูกตัดสินจำคุกคนละ 2- 8 ปี
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่หลายคนเฝ้าติดตาม โดยเฉพาะนักสิทธิมนุษยชนทั่วโลกจะติดตามเรื่องนี้แน่ ส่วนในประเทศไทยเอง กากรระทำของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณจะถือว่าเป็นการละเมิดคำสั่งศาลหรือไม่ ถ้านายแสดงทำอะไรมากกว่าการให้สัมภาษณ์ เรื่องนี้น่าจะออกไปถึงเวทีโลกให้เอามาพูดกันได้
เลื่อนสั่งคดีเอสซีฯ ส่อแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุดเลื่อนการสั่งคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นเอสซีแอสเสท ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ และคนใกล้ชิดเป็นผู้ต้องหา ออกไป เนื่องจากพยานหลักฐานที่ดีเอสไอรวบรวมมาบางส่วนยังไม่มีความชัดเจน และให้ดีเอสไอไปสอบสวนเพิ่มเติมในส่วนของเอกสารให้ครบถ้วนว่า กรณีนี้จะทำให้การนัดสั่งคดีในวันที่ 3 เม.ย.ต้องเลื่อนออกไปก่อนจนกว่าดีเอสไปจะส่งหลักฐานมาให้ครบถ้วน ซึ่งทำให้เห็นว่า ที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย รวมทั้งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยบุติธรรม บอกว่าเอกสารทุกอย่างส่งไปที่อัยการหมดแล้วนั้น เป็นความจริงหรือไม่
ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า คดีนี้ ในยุคที่นายสุนัย มโนมัยอุดม เป็นอธิบดีกรมดีเอสไอได้ทำไว้นั้น เป็นดคีที่ดิ้นได้ยากมาก การแก้คดีได้ยากมากนี้เป็นเหตุผลให้ต้องมีการย้ายนายสุนัยใช่หรือไม่ เพราะตั้งแต่มีรักษาการอธิบดีดีเอสไอคนใหม่ คดีนี้ช้าลงมาก เปรียบเทียบกับคดีที่มีการร้องเข้าไปใหม่เช่น การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ของ กกต. คดีจัดซื้อรถบีอาร์ที คดีที่ดินสุราษฎร์ธานี จากกรณีเหล่านี้ ที่เคยพูดว่าการย้ายอธิบดีดีเอสไอไม่เกี่ยวกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ปรากฏการณ์ที่เกิดตอนนี้คืออะไร
“โภคิน”แพ้คดีหมิ่น “เทพเทือพ”
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ยกฟ้องคดีที่นายโภคิน พลกุล อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ฟ้องหมิ่นประมาทนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่ได้อภิปรายในสภาว่า นายโภคิน เข้าไปอยู่ในที่ประชุมเพื่อพิจารณาลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2540 ทั้งที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และนำเรื่องดังกล่าวไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ พ.ต.ท.ได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว โดย พล.อ.ชวลิตได้ปฏิเสธว่านายโภคินไม่ได้อยู่ในที่ประชุมด้วย ทำให้นายโภคินฟ้องนายสุเทพ เรียกค่าเสียหาย 4,000 ล้านบาท ก่อนลดลงมาเหลือ 2,500 ล้านบาท
คดีนี้ใช้เวลาถึง 10 กว่าจะยุติ โดยศาลได้ชี้ว่านายสุเทพเป็น ส.ส.มีหน้าที่อภิปรายตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้ พยานของนายโภคินเอง คือนายเริงชัย มระกานนท์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนางทะนง พิทยะ อดีต รมว.คลังให้การยืนยันว่านายโภคินอยู่ในที่ประชุมพิจารณาลอยตัวค่าเงินบาทด้วย
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อปี 2540 นั้นถือได้ว่าเป็นโสกนาฏกรรมทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่มีบางคนร่ำรวยอย่างมหาศาล ขณะที่ไฟแนนซ์ 56 แห่งถูกปิด พนักงานตกงาน นักธุรกิจจำนวนมากล้มละลาย หรือสูญเสียธุรกิจของตัวเองไป เพราะเขาไม่รู้ข้อมูลภายใน คนที่ร่ำรวยในสภาพอย่างนั้น ถือเป็นอาชญากรทางเศรษฐกิจ และเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิและพระสยามเทวาธิราชมีจริง สภาพของของ พ.ต.ท.ทักษิณตอนนี้เป็นอย่างไรก็พอรู้กันอยู่ และต้องติดตามดูกันต่อไป
“กุเทพ”จวก “หมัก” ตอกย้ำสภาพนายกฯ หัวตอ
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชนออกมาตำหนิการให้สัมภาษณ์ของนายสมัครว่าทำให้เกิดปัยหา พร้อมบอกให้ทำมากกว่าพูดโดยเปรียบเทียบกับรัฐบาลทักษิณ 1 เข้ามาเพียง 2 เดือนก็มีผลงานมากมาย แต่รัฐบาลนี้ผ่านมา 2 เดือนยังไม่มีอะไรเลย ว่า การพูดของ ร.ท.กุเทพ คงเข้าตา พ.ต.ท.ทักษิณ และสะท้อนว่า นายสมัครเป็นนายกหัวตอจริงๆ บอกว่าจะไม่แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 309 แต่พรรคก็ให้แก้ บอกอย่าจัดม็อบไปก่อกวนพันธมิตรฯ ก็ยังมีม็อบไป อยู่ในพรรคก็ถูกตำหนิ ไม่มีนายกฯ คนไหนที่ถูกถล่มขนาดนี้ เรียกว่ามีแต่ข้ามหัวกัน เพราะนายสมัครไม่มีอำนาจริงๆ ในพรรคพลังประชาชน
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวในตอนท้ายว่า วันที่ 2 เม.ย.นี้ พันธมิตรฯ จะประชุมแกนนำเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง เพราะไม่น่าเชื่อว่าเพียงเดือนเศษก็มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายในกระบวนการยุติธรรมของชาติ การแก้ไข รัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ 14 ล้านคน เป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะแก้มาตราที่ตัวเองทำผิด ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป นักการเมืองเมื่อมีอำนาจในมือ ก็แก้กฎหมายไม่ต้องให้ตัวเองผิดได้
ทั้งนี้ ผู้ดำเนินรายการ ได้แนะนำให้คนที่กำลังจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อ่านหน้าแรกของรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ดี เพราะมีความหมายมาก ไม่ใช่คิดจะจะแก้อย่างไรก็แก้ได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญแม้ว่าจะทำได้แต่ก็ควรจะแก้ไขให้ดีขึ้น ไม่ใช่แก้เพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมโนสำนึกของนักการเมืองว่าจะให้เกียรติยศของตัวเองและวงศ์ตระกูลทำเพื่อประโยชน์ของคนบางคนบางครอบครัวหรือ ทำเพื่อคน 63 ล้านคน
