00 เวลานี้ถ้าใครที่ติดตามความเคลื่อนไหวพรรคพลังประชาชนมาตั้งแต่ต้น นับตั้งแต่เริ่มกลายพันธุ์มาจากพรรคไทยรักไทยจนสามารถกลับมาคุมอำนาจรัฐกันอีกรอบ แล้วดันบรรดา “หุ่นเชิด” หลากหลายประเภทขึ้นมากุมอำนาจจนเต็มพรึบไปหมด ให้บำเหน็จความดีความชอบกันไปจนอิ่มหนำสำราญ
00 แต่ก็อย่างว่าด้วยสถานการณ์และเงื่อนไขเวลาที่ฉุกละหุกต้อง “เร่งเข้าทำ” เพื่อประกันความชัวร์ เนื่องจาก “นายใหญ่” คอกำลังจะพาดเขียงอยู่รอมร่อแล้ว ขืนชักช้าเดี๋ยวไม่ทันการณ์ ที่ลงทุนลงแรงกันไว้ก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า แถมอาจซวยซ้ำหลายต่อ
00 ขณะเดียวกันถ้าย้อนดูแบ็กกราวด์ “หุ่นเชิด” แล้วโฟกัสกันเรียงตัว ต้องยอมรับความจริงกันว่า หลายคนทั้งกึ๋นและบารมียังไม่ถึงขั้น อย่างมากเป็นได้แค่เลขานุการหน้าห้อง หรือคนยกกระเป๋าหอบแฟ้มเอกสารตาม “นาย” เท่านั้น แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่างดังกล่าว ก็ต้องดันหลังมาจาก “ร้อยพ่อพันแม่”
00 แม้บางคนเคยมีพฤติกรรมเป็น “นักแบล็กเมล์” ทำงานโรงน้ำแข็ง “ปั้นน้ำเป็นตัวมาเกือบชั่วชีวิต แถมในอดีตยังเคยเหยียดหยาม “นายใหญ่” สมัยวิ่งขอสัมปทาน แต่เมื่อเข้าตาจนก็จำทนกัดฟันยอมรับเข้ามาเป็นพวก ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า “สุ่มเสี่ยง” เร่งเกมให้พังเร็วขึ้น
00 ดังนั้นด้วยสภาพการณ์มาแบบดาวกระจาย ดาหน้ากันเข้ามาเป็นแผงแบบนี้มันก็ควบคุมยาก เพราะต่างมีที่มาที่ไปต่างกันสุดกู่ ประเภท “เขี้ยวลากดิน” กับเด็กในบ้านปลายแถวแต่ต้องการโชว์ออฟเร่งไต่อันดับให้เข้าตา “นาย” มันก็ป่วน คุมกันไม่ติดแบบนี้แหละโยม
00 ไม่เชื่อลอง ไล่เรียงจับอาการมาล่าสุดเห็นได้ชัดว่าไปกันคนละทาง เริ่มกันตั้งแต่ หัวหน้านอมินีบอกกล่าวกันไปรับรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าต้องการ “รื้อกันทั้งฉบับ” แต่ไม่ทันข้ามวันก็ถูก “เด็กในบ้าน” อย่าง “หมอเลี้ยบ” ออกมาสวนทันควันว่า แค่ความเห็นส่วนตัว พร้อมๆกับมีข้อเสนอให้มีการแก้ไขแบบเร่งด่วนบางมาตรา
00 เนื้อหาสาระก็เน้นเฉพาะประเด็นหลบเลี่ยงคดียุบพรรค(มาตรา 237) กับ ความพยายามในการหนีคดีทุจริตของ “นายใหญ่” โดยการยุบ คตส.(มาตรา 309) ส่วนประเด็นอื่นๆที่พ่วงเข้ามาประกอบจิ๊บๆจ๊อยๆ ก็เป็นแค่น้ำจิ้ม เพื่อหวังกลบเกลื่อนเท่านั้น
00 แต่ถ้าโฟกัสให้ดีจะเห็นว่ามันชักจะมั่วไปกันใหญ่ ก็เมื่อมีความเคลื่อนไหวจากกลุ่ม ส.ส.กลุ่มหนึ่งที่เรียกว่ากลุ่ม “เลือดใหม่” จากภาคอีสานออกมาขวางลำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าน่าจะเร่งแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้านดีกว่า เรียกว่า “ฉีกไปอีกแนว” แถมสำทับอีกว่า ตีตนไปก่อนไข้ หรือเพราะเวลาอีกไกล หรือกล่าวทำนองให้หัวเสียแบบไม่เกรงใจอีกว่าถ้ายุบพรรคก็ไม่สะเทือน เพราะ ส.ส.สามารถวิ่งไปหาพรรคใหม่ได้ ไม่เห็นต้องเดือดร้อน พวกที่ดิ้นรนเหมือนไส้เดือนถูกขี้เถ้า ก็เป็นแค่กรรมการบริหารพรรคไม่กี่คนเท่านั้น
00 นี่แหละสาเหตุอาจเป็นเพราะบรรดา “ขาใหญ่” หลบอยู่หลังฉาก ทำอะไรได้ไม่เต็มที่ มันก็ชักป่วน ไปกันคนละทาง ถ้าคุมเกมไม่ดี ก็มีสิทธิ์นับถอยหลังเร็วกว่ากำหนด ตามที่หลายฝ่ายเริ่มออกปากกันแล้วก็ได้ !!
00 แต่ก็อย่างว่าด้วยสถานการณ์และเงื่อนไขเวลาที่ฉุกละหุกต้อง “เร่งเข้าทำ” เพื่อประกันความชัวร์ เนื่องจาก “นายใหญ่” คอกำลังจะพาดเขียงอยู่รอมร่อแล้ว ขืนชักช้าเดี๋ยวไม่ทันการณ์ ที่ลงทุนลงแรงกันไว้ก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า แถมอาจซวยซ้ำหลายต่อ
00 ขณะเดียวกันถ้าย้อนดูแบ็กกราวด์ “หุ่นเชิด” แล้วโฟกัสกันเรียงตัว ต้องยอมรับความจริงกันว่า หลายคนทั้งกึ๋นและบารมียังไม่ถึงขั้น อย่างมากเป็นได้แค่เลขานุการหน้าห้อง หรือคนยกกระเป๋าหอบแฟ้มเอกสารตาม “นาย” เท่านั้น แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่างดังกล่าว ก็ต้องดันหลังมาจาก “ร้อยพ่อพันแม่”
00 แม้บางคนเคยมีพฤติกรรมเป็น “นักแบล็กเมล์” ทำงานโรงน้ำแข็ง “ปั้นน้ำเป็นตัวมาเกือบชั่วชีวิต แถมในอดีตยังเคยเหยียดหยาม “นายใหญ่” สมัยวิ่งขอสัมปทาน แต่เมื่อเข้าตาจนก็จำทนกัดฟันยอมรับเข้ามาเป็นพวก ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า “สุ่มเสี่ยง” เร่งเกมให้พังเร็วขึ้น
00 ดังนั้นด้วยสภาพการณ์มาแบบดาวกระจาย ดาหน้ากันเข้ามาเป็นแผงแบบนี้มันก็ควบคุมยาก เพราะต่างมีที่มาที่ไปต่างกันสุดกู่ ประเภท “เขี้ยวลากดิน” กับเด็กในบ้านปลายแถวแต่ต้องการโชว์ออฟเร่งไต่อันดับให้เข้าตา “นาย” มันก็ป่วน คุมกันไม่ติดแบบนี้แหละโยม
00 ไม่เชื่อลอง ไล่เรียงจับอาการมาล่าสุดเห็นได้ชัดว่าไปกันคนละทาง เริ่มกันตั้งแต่ หัวหน้านอมินีบอกกล่าวกันไปรับรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าต้องการ “รื้อกันทั้งฉบับ” แต่ไม่ทันข้ามวันก็ถูก “เด็กในบ้าน” อย่าง “หมอเลี้ยบ” ออกมาสวนทันควันว่า แค่ความเห็นส่วนตัว พร้อมๆกับมีข้อเสนอให้มีการแก้ไขแบบเร่งด่วนบางมาตรา
00 เนื้อหาสาระก็เน้นเฉพาะประเด็นหลบเลี่ยงคดียุบพรรค(มาตรา 237) กับ ความพยายามในการหนีคดีทุจริตของ “นายใหญ่” โดยการยุบ คตส.(มาตรา 309) ส่วนประเด็นอื่นๆที่พ่วงเข้ามาประกอบจิ๊บๆจ๊อยๆ ก็เป็นแค่น้ำจิ้ม เพื่อหวังกลบเกลื่อนเท่านั้น
00 แต่ถ้าโฟกัสให้ดีจะเห็นว่ามันชักจะมั่วไปกันใหญ่ ก็เมื่อมีความเคลื่อนไหวจากกลุ่ม ส.ส.กลุ่มหนึ่งที่เรียกว่ากลุ่ม “เลือดใหม่” จากภาคอีสานออกมาขวางลำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าน่าจะเร่งแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้านดีกว่า เรียกว่า “ฉีกไปอีกแนว” แถมสำทับอีกว่า ตีตนไปก่อนไข้ หรือเพราะเวลาอีกไกล หรือกล่าวทำนองให้หัวเสียแบบไม่เกรงใจอีกว่าถ้ายุบพรรคก็ไม่สะเทือน เพราะ ส.ส.สามารถวิ่งไปหาพรรคใหม่ได้ ไม่เห็นต้องเดือดร้อน พวกที่ดิ้นรนเหมือนไส้เดือนถูกขี้เถ้า ก็เป็นแค่กรรมการบริหารพรรคไม่กี่คนเท่านั้น
00 นี่แหละสาเหตุอาจเป็นเพราะบรรดา “ขาใหญ่” หลบอยู่หลังฉาก ทำอะไรได้ไม่เต็มที่ มันก็ชักป่วน ไปกันคนละทาง ถ้าคุมเกมไม่ดี ก็มีสิทธิ์นับถอยหลังเร็วกว่ากำหนด ตามที่หลายฝ่ายเริ่มออกปากกันแล้วก็ได้ !!
