xs
xsm
sm
md
lg

อุเหม่..ชิชะ..ไอ้ยักษ์หมัก - มารเหิมเกริม!

เผยแพร่:   โดย: เชี่ยวชวนะ

“อุเหม่...ชิชะ..ไอ้ยักษ์มาร..”

คำตวาดกำราบ-กระทืบเท้า-ชี้หน้ายักษ์ทศกัณฐ์ผู้ร้ายในโขนเรื่อง“รามเกียรติ์”ของหนุมานนั้นช่างตรงใจผมทีเดียว เพราะวันนี้..ผมอยากกระทืบเท้า-ชี้หน้า-ตวาดว่า...

“อุเหม่..ชิชะ..ไอ้พวกยักษ์หมัก นี่มึงเหิมเกริมขนาดกล้าเอาพรรคการเมืองสั่วๆ มาเทียบกับประเทศไทยกันแล้วหรือนี่?”

โถ..ไอ้พวกสมองกลวง-ปากไม่มีหูรูด วันๆเอาแต่พล่าม..พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย พูดอย่างทำอย่างพูดไม่เป็นโล้เป็นพาย พูดแบบแกว่งเท้าหาเสี้ยน ด่ากราดผู้คนทั่วไปหมดทำให้ความแตกแยกที่ยากจะประสานอยู่แล้วในประเทศนี้ กลับยิ่งร้าวฉานสาหัสสากรรจ์ยิ่งขึ้นไปอีก..

เฮ้อ..ไม่น่าเชื่อว่า นั่นเป็นพฤติกรรมสามัญประจำปากของ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนอมินีของ ทักษิณ ชินวัตร ครับ

ว่าไปแล้ว..ผมขายขี้หน้าจริงๆ ที่คนไทยและประเทศไทย มีนายกรัฐมนตรีพูดจาเลอะเทอะไร้วุฒิภาวะระดับผู้นำชาติ จนชาวบ้านวิจารณ์กันทั่วไปหมดว่า สมัคร-สุนฯ น่ะ “พูดจาหมา (สุนัขไม่รับประทาน) ไม่แดก” ครับ

แถมนายกฯ สมัคร-สุนฯ จมูกชมพู่มะเหมี่ยวคนนี้ ยังเถียงคำไม่ตกฟากกับคนที่เห็นต่างทางการเมือง ใครหน้าไหนจะพูดติงพูดเตือนอะไรคนชื่อสมัคร-สุนฯ น่ะ ต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ไร้ประโยชน์..เปรียบเสมือนสีซอให้ควายฟัง สมัคร-สุนฯ คนนี้จะไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ในสิ่งที่ตนกระทำผิดพลาดเลยครับ..

โอ้..เหลือเชื่อครับ..พระเจ้าจอร์จ ตอนนี้..สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนอมินีของคนหน้าเหลี่ยม ได้กลายเป็น “เทพเจ้าแห่งความถูกต้อง” แต่เพียงผู้เดียวของประเทศไทยไปแล้วครับ!!!

ผมต้องขอบอกความถึง สมัคร สุนทรเวช และพวกลูกกะโล่ไว้ ณ ที่นี้ว่า

ดินแดนแห่งราชอาณาจักรชาติไทย อันหมายรวมถึงผองชนชาวไทย และสถาบันสำคัญๆของชาตินั้น มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนาน ที่ผ่านการรักษาไว้ได้นับแต่อดีตตราบจนปัจจุบัน ด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของบรรพบุรุษสุดคณานับ

แต่พรรคการเมืองห่วยๆ ของพวกเอ็งน่ะ เป็นแค่หน่วยเล็กๆ หน่วยหนึ่งของประเทศนี้เท่านั้น

แถมพรรคการเมืองของพวกเอ็งก็เส็งเคร็งสิ้นดี เพราะเป็นเพียงแค่ศูนย์รวมของกลุ่มคนไม่กี่คน ที่เข้ามารักษาและหาผลประโยชน์จากธุรกิจการเมือง มิใช่พรรคการเมืองของมวลมหาประชาชนคนไทยแต่ประการใดเลย

ที่สำคัญพรรคการเมืองเฮงซวยของพวกเอ็ง ชอบทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายการเลือกตั้ง มีพฤติกรรมซื้อสิทธิขายเสียง อันเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างร้ายแรง

ทั้งๆ ที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ความชั่วจากการซื้อสิทธิขายเสียงนั้น เป็นบ่อเกิดสำคัญที่สุดของการได้มาซึ่งนักการเมืองเลวๆ เข้าสู่รัฐสภาฯ และรัฐบาลเต็มไปหมด พวกนักการเมืองเหล่านั้นจะมัวเมาในอำนาจ ฉ้อราษฎร์บังหลวงในโครงการต่างๆ รวมทั้งเล่นพรรคเล่นพวกในการแต่งตั้งข้าราชการฯลฯ ทำให้ชาติและประชาชนเสียหายอย่างร้ายแรงมาโดยตลอด

วันก่อนและวันนี้..บรรดาพวกนักการเมืองสั่วๆ ทั้งหลาย ได้รวมหัวกันอยู่ในพรรคการเมืองเส็งเคร็งบางพรรค สุมหัวกันกระทำทุกอย่างเพื่อตนและพวกพ้องไม่กี่คน โดยละเลยและไม่แยแสกับการทำดีเพื่อคนไทยทั้งชาติครับ!

พรรคการเมืองแสนเส็งเคร็งเหล่านี้แหละ ที่ทำร้ายจิตใจคนไทยอย่างรุนแรง ด้วยการแต่งตั้งคนเลวๆ ขึ้นเถลิงอำนาจรัฐในตอนนี้ไงล่ะครับ

ฆ่า-พรรคการเมืองเส็งเคร็งแบบนี้น่ะหรือ ที่นายสมัครบอกว่า เท่ากับ ฆ่า-ประเทศไทย!

ทุด..สำหรับผมตรงกันข้ามครับ พรรคการเมืองสั่วๆ และนักการเมืองชั่วๆ แบบนั้นต่างหากที่สร้างกรรมเวรให้กับบ้านเมืองนี้ ทำให้เมืองไทยซวย..หรือโคตรซวยอยู่ในขณะนี้ หากพรรคห่วยๆ เหล่านี้ จะล้มหายตายจากประเทศไทยในวันนี้-พรุ่งนี้-มะรืนนี้ ฯลฯ

บอกตรงๆ เลยว่า..แผ่นดินไทยจะสูงขึ้นอีกพะเรอเกวียนทันที!

ผมขอเตือน สมัคร สุนทรเวช กับพวกด้วยความหวังดีว่า อย่าเหิมเกริมหรือจองหองพองขนให้มันมากนัก โตและแก่จนจวนจะเข้าโลงอยู่แล้ว บันยะบันยังความโอหัง ระมัดระวังอะไรควร-อะไรไม่ควรพูดไว้บ้าง

อย่าคิดว่า..การเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะใหญ่คับฟ้า!

อย่าคิดว่าคนไทยจะกลัวนายกรัฐมนตรีเส็งเคร็งแบบนี้!!


พฤติกรรมไม่งามในอดีต กรณี 6 ตุลาคม 2519 ที่เกิดเหตุไทยฆ่าไทยอย่างหฤโหดกลางกรุงน่ะ คนไทยยังจำคนชื่อ สมัคร สุนทรเวช ได้ว่า..มีส่วนทำให้เกิดกรณีชั่วร้ายนี้ ไม่มากก็น้อย-ไม่ตรงก็อ้อม และคนไทยที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ไม่มีวันให้อภัย...

ที่สำคัญรัฐบาลสมัครและพลพรรค “ไข่แม้ว” จงเลิกทำตัวยอมรับเฉพาะข้อกฎหมาย ที่ให้ประโยชน์และตรงกับความต้องการของตนเท่านั้น ส่วนกฎหมายใดที่ขัดกับผลประโยชน์ของตนและพรรคพวก ก็จะประณามและใช้เสียงมากลากกฎหมาย ไปแก้กันในสภาฯ อย่างเหิมเกริม ดังเช่นกำลังจะแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อคนเพียงไม่กี่คน โดยไม่แยแสต่อความถูกต้องและความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศเด็ดขาด

ผู้คนในประเทศนี้ล้วนรู้ความจริงแล้วว่า พวกนักการเมืองโหลยโท้ยในพรรคการเมืองสั่วๆ ที่ทำการทุจริตการเลือกตั้งจนถูกจับได้ จนถูก กกต.ให้ใบแดงและนำคดีความเข้าสู่ชั้นศาลฯ นั่นต่างหากที่ทำให้บรรดานักการเมืองทั้งหัวหงอกหัวดำ อดรนทนไม่ไหวถึงขนาดออกมาเต้นแร้งเต้นกาประณาม กกต.บางคน ด่าทอกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกอื่นๆ กันอย่างสาดเสียเทเสีย

แถมยังตีหน้าเซ่อโบ้ยความผิดว่ามี “ไอ้ปื้ด-มือที่มองไม่เห็น” กำลังเดินแผนยุบพรรคการเมืองของพวกตน ทั้งๆ ที่ความผิดนี้ตนและพวกเป็นผู้ก่อ จนกรรมชั่วติดจรวดตามทัน..ทำให้พรรคการเมืองสั่วๆ เหล่านั้น อาจโดนลงโทษยุบพรรคตามกฎหมายได้ในอนาคต

ต้องยอมรับความจริงว่า แม้นรัฐธรรมนูญนี้จะไม่ดีเด่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ให้อำนาจและสิทธิกับประชาชนมากเป็นพิเศษ รวมทั้งควบคุมพรรคการเมืองให้โปร่งใสเป็นหลัก ดังนั้นหากพรรคการเมืองไหนดี-โปร่งใสล่ะก็..ไม่ต้องห่วงอะไรเลย มีแต่พรรคการเมืองที่มีนักการเมืองชั่วๆ ชอบซื้อสิทธิขายเสียงเท่านั้นที่จะเดือดร้อนจนนั่งไม่ติด

รัฐธรรมนูญที่มีเป้าหมายทำให้พรรคการเมืองดี-แข็งแรง และทำให้พรรคการเมืองชั่ว-อ่อนแอ นั่นย่อมเป็นเรื่องดีต่อชาติบ้านเมืองมิใช่หรือ?

แต่แน่นอนครับ..สำหรับพวกนอมินี ทักษิณ ชินวัตร นั้น พวกเขาต้องพยายามอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ที่จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งผ่านการลงมติเป็นครั้งแรกจากคนไทยทั่วประเทศให้ล้มคว่ำคะมำหงายลง เพียงเพื่อคนหน้าเหลี่ยมและพวกจะได้พ้นผิดอย่างมักง่าย และเพื่อบรรดานักการเมืองชั่วๆ จะได้ซื้อเสียงกันอย่างสะดวกดาย โดยกฎหมายเอื้อมมือไปลงโทษไม่ถึงนั่นเอง

พวกนักการเมืองเส็งเคร็งเหล่านี้ นึกหรือว่าคนไทยไม่รู้เท่าทันการทำชั่วครั้งนี้?

ดังนั้น..เพียงแค่พันธมิตรฯจัดให้มีการสัมมนาธรรมดาๆ ตามกรอบสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้ไว้ในวันที่ 28 มีนาคม 2551 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พวกนักการเมืองวัวสันหลังหวะในพรรคพลังประชาชน ก็มีอันอยู่ไม่สุข-นั่งไม่ติด-นอนไม่หลับ จนต้องยกฝูงออกมาด่าทอ-ให้ร้ายป้ายสี-บิดเบน-บิดเบือน-ข่มขู่บรรดาพันธมิตรฯ อย่างสามานย์สารพัด ฯลฯ

เพราะอะไรน่ะหรือ? ตอบตรงๆ ได้เลยว่า เพราะบรรดาฝูงนักการเมืองวัวสันหลังหวะเหล่านี้ กลัวพวกพันธมิตรฯ จะเปิดแผลเหวอะหวะบนสันหลังให้ใหญ่ขึ้น และสุดท้ายแผลจะติดเชื้อเน่าเฟะล้มตายยกฝูงครับ

การให้ความรู้และข้อเท็จจริงกับประชาชนทั้งประเทศ โดยผ่านการสัมมนาของแกนนำพันธมิตรฯ นั้น แน่นอน..ย่อมทำให้พวกนักการเมืองสามานย์เหล่านั้นเสียประโยชน์ เพราะไม่อาจลุแก่อำนาจและฉ้อฉลโกงกินบ้านเมืองได้ตามอำเภอใจ

ดังนั้น..ผมจึงขอกระทืบเท้า-ชี้หน้า-ตวาดสุดเสียงส่งท้ายว่า..

“อุเหม่..ชิชะ..ไอ้ยักษ์หมัก มารจมูกชมพู่มะเหมี่ยวกับพวก เอ็งจงหยุดปากมอม-หยุดเหิมเกริม-หยุดบ้าอำนาจโดยพลัน ไม่งั้น..พวกมึงจะไม่มีแผ่นดินอยู่นะโว้ยเฮ้ย..”
กำลังโหลดความคิดเห็น