เผลอเดี๋ยวเดียวคนรุ่นผมก็อายุจะ 65 แล้ว ผมอายุน้อยที่สุดในรุ่นก็ยัง 64 ปี ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์นี้เอง
ตอนผมเด็กๆ ความแก่นั้นวัดกันที่อายุ 60 จะมีงานแซยิด ใครมีหลานๆ ก็จะมารำอวยพร แล้วมีการเชิญคนมา มีการรดน้ำ ผมเองผ่านแซยิดมาแล้วตอนอยู่ที่วชิราวุธวิทยาลัย เพื่อนๆ และลูกศิษย์จัดงานเลี้ยงให้
พอเราแก้ลงอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ คือ ร่างการแข็งแรงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บและมีอารมณ์ดี คนสูงอายุหลายคนต้องการอยู่ถึง 100 ปี มีเรื่องตลกว่าคนคนหนึ่งร่างกายแข็งแรงมาก แต่พอแก่ตัวเข้าก็หลงลืมเป็นอัลไซเมอร์ สิ่งที่ “แข็ง” ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะลืมไปว่ามีไว้เพื่อประโยชน์อันใด
ผมมีอาจารย์ฝรั่ง ท่านอายุมากแล้ว ท่านสอนผมว่าอย่าดื่มวิสกี้ห่วยๆ กินเศษเนื้อ (ที่ใส่ในแฮมเบอร์เกอร์) และต้องสวมรองเท้าดีๆ อย่าทำงานมาก แต่ควรมีงานที่ทำให้ต้องออกนอกบ้านสักสัปดาห์ละครั้งก็พอ และควรเป็นงานที่เป็นกรรมการ หรือที่ปรึกษาซึ่งไม่ค่อยจะมีคนมาขอคำปรึกษา
อาจารย์ผมอยู่บ้านหลังเบ้อเริ่มและอยู่คนเดียว แต่มีคนแวะซื้อของมาส่งให้อาทิตย์ละครั้ง เวลาออกไปนอกบ้านตอนกลางคืนก็จะมีไฟอัตโนมัติเปิดไว้ให้ขโมยนึกว่ามีคนอยู่บ้าน
อาจารย์ผมยังทำอาหารทานเอง วันศุกร์จะปิ้งปลาเวลาทำอาหารก็จะดื่มมอลต์วิสกี้ 2 เป๊ก มีเนยแข็งชั้นดีแกล้ม ท่านจะออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยานบกทุกวัน แล้วนั่งดูโอเปร่า และอ่านหนังสือขนาดแก่ๆ อายุ 92 แล้ว ก็ยังจีบสาวอายุ 60 ได้
พอผมแก่ลง สิ่งแรกที่ทำคือ ลดกิจกรรมทุกอย่างลง แม้การอ่านหนังสือก็อ่านน้อยลง ดูทีวีมากขึ้น งานที่ทำก็เลือกที่ไม่ซีเรียสมาก แม้แต่การเขียนหนังสือก็หันไปเขียนเรื่องสบายๆ มากขึ้น
ผมมีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน แต่ก็มีช็อกโกแลตสำหรับคนเบาหวาน ขนมนานาชนิดสำหรับคนเบาหวานกิน และกินผลไม้ทุกวัน การแก่อย่างมีความสุขคือ แก่โดยไม่เป็นภาระกับคนอื่น และรู้จักหาความสุข
ผมลองคิดดูว่า “แก่อย่างมีความสุข” นั้น ทำอย่างไร
1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเป็นการออกกำลังกายที่ทำได้ง่าย เช่น เดิน และว่ายน้ำ เป็นต้น ผมคิดว่าเมืองเราเป็นเมืองร้อน จึงชอบว่ายน้ำมากกว่าเดิน แต่ว่ายน้ำทำให้สดชื่นแข็งแรงโดยน้ำหนักไม่ลดเท่าไร หากหาสระที่ใส่โอโซนได้ก็จะดี ผมว่ายน้ำวันละ 500 เมตร นอกจากนั้น ถ้าเล่นกอล์ฟได้อาทิตย์ละครั้งก็ดี ผมเองเล่นอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย หากมีวันหยุดยาว 5-6 วันก็เล่นทุกวัน และเล่นคนเดียวก็ได้
2. เลือกกินอาหารที่มีคุณภาพ แม้จะแพงหน่อยก็ควร เช่น ผักสดๆ เนื้อดีๆ ส่วนประกอบของอาหารมีความสำคัญมาก
3. รู้จักนั่ง นอนเฉยๆ บ้างอย่างน้อยวันละ 2-3 ชั่วโมง (ไม่นับเวลานอนหลับ) คือไม่คิดไม่นึกอะไรทั้งสิ้น ทำอย่างนี้ได้ก็ไม่ต้องไปฝึกสมาธิ เวลานั่งนอนก็หายใจยาวๆ อัดกลั้นลมหายใจโดยเอาลิ้นดุนเพดานปากไว้จนทนไม่ไหวแล้วคลายออก
4. อยู่บ้านให้มากๆ ทำบ้านให้น่าอยู่ อย่างผมลงทุนทำโรงหนังขนาดเล็กไว้ในบ้านอยู่ใต้ดิน ฟังเพลงก็ได้ดูหนังก็ได้ การอยู่บ้านทำให้เราแต่งกายตามสบาย
5. เป็นคนลืมง่ายโดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ดี เก็บไว้แต่เรื่องดีๆ
6. รักษาอารมณ์อย่าโกรธง่าย ปล่อยเลยตามเลยเสียบ้าง เวลานี้ผมไม่ค่อยจะโกรธใครแล้ว รถติดก็ไม่รำคาญ ใครจะด่าว่าอย่างไรก็ไม่ถือสา
7. คบคนให้น้อยลง พบคนที่เรารักชอบจริงๆ เท่านั้น เพราะเมื่อแก่ตัวลงผิดกับตอนหนุ่มๆ ที่ต้องพบคนมาก เราเหลือเวลาน้อยแล้ว ควรอยู่กับคนที่เรารักใคร่ชอบพอเท่านั้น
8. หลีกเลี่ยงการรับตำแหน่งหรืองานที่มีคนเชิญไปต้องใจแข็ง อย่างผมเคยตอบรับการไปบรรยายมากมาย เดี๋ยวนี้ปฏิเสธไปจนคนรู้แล้ว
9. ให้มากกว่ารับ พอเราแก่ตัวลง เราควรเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
10. หาเวลาว่างไปอยู่นอกกรุงเทพฯ บ้าง หาที่ที่เราชอบจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ และถ้าไปต่างประเทศก็หาที่อยู่ดีๆ จะแพงหน่อยก็ต้องยอม
11. หาเวลาพบกินอาหารหรือเล่นกีฬากับเพื่อน และลูกๆ บ้าง
12. หากยังอยากให้ชีวิตมีการท้าทายอยู่ ก็ทำอะไรที่เป็นการแข่งขันกับตนเอง ไม่ใช่แข่งกับคนอื่น เช่น ลดแต้มกอล์ฟลง (ซึ่งจะส่งผลให้กินเงินเพื่อนได้ 10-20 บาท)
ผมมีเพื่อนรุ่นพี่บางคนที่แม้จะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังรักษาสุขภาพดี ดูอ่อนกว่าวัย และกินใช้ของที่ดีที่สุดเสมอ คนหนึ่งคือพี่เสถียร เสถียรสุต ซึ่งหน้ามะยงชิดก็จะซื้อเจ้าดีที่สุด ดื่มไวน์ก็เป็นไวน์ชั้นดี ใช้ของก็ของดีที่สุด (มีนักมวยก็เป็นแชมป์โลก มีม้าแข่งก็ชนะเลิศ) พี่เสถียรให้ที่ดิน และสนับสนุนเสถียรธรรมสถานซึ่งเป็นที่พึ่งทางใจของคนจำนวนมาก
การเป็นคนแก่ที่ไม่แก่ได้นั้น จะต้องรู้จักคบหาสมาคมกับคนอายุน้อยๆ บ้าง ถ้ามีหลานก็คุยกับหลานบ่อยๆ จะได้ไม่เป็นคนขวางโลก
ผมไม่ขออยู่ถึงร้อยปี แค่ 80 ปีก็พอแล้ว แต่ถ้าอายุ 80 ยังตีกอล์ฟได้ และฟันฟางยังดีอยู่ก็พอใจแล้ว
ตอนผมเด็กๆ ความแก่นั้นวัดกันที่อายุ 60 จะมีงานแซยิด ใครมีหลานๆ ก็จะมารำอวยพร แล้วมีการเชิญคนมา มีการรดน้ำ ผมเองผ่านแซยิดมาแล้วตอนอยู่ที่วชิราวุธวิทยาลัย เพื่อนๆ และลูกศิษย์จัดงานเลี้ยงให้
พอเราแก้ลงอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ คือ ร่างการแข็งแรงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บและมีอารมณ์ดี คนสูงอายุหลายคนต้องการอยู่ถึง 100 ปี มีเรื่องตลกว่าคนคนหนึ่งร่างกายแข็งแรงมาก แต่พอแก่ตัวเข้าก็หลงลืมเป็นอัลไซเมอร์ สิ่งที่ “แข็ง” ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะลืมไปว่ามีไว้เพื่อประโยชน์อันใด
ผมมีอาจารย์ฝรั่ง ท่านอายุมากแล้ว ท่านสอนผมว่าอย่าดื่มวิสกี้ห่วยๆ กินเศษเนื้อ (ที่ใส่ในแฮมเบอร์เกอร์) และต้องสวมรองเท้าดีๆ อย่าทำงานมาก แต่ควรมีงานที่ทำให้ต้องออกนอกบ้านสักสัปดาห์ละครั้งก็พอ และควรเป็นงานที่เป็นกรรมการ หรือที่ปรึกษาซึ่งไม่ค่อยจะมีคนมาขอคำปรึกษา
อาจารย์ผมอยู่บ้านหลังเบ้อเริ่มและอยู่คนเดียว แต่มีคนแวะซื้อของมาส่งให้อาทิตย์ละครั้ง เวลาออกไปนอกบ้านตอนกลางคืนก็จะมีไฟอัตโนมัติเปิดไว้ให้ขโมยนึกว่ามีคนอยู่บ้าน
อาจารย์ผมยังทำอาหารทานเอง วันศุกร์จะปิ้งปลาเวลาทำอาหารก็จะดื่มมอลต์วิสกี้ 2 เป๊ก มีเนยแข็งชั้นดีแกล้ม ท่านจะออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยานบกทุกวัน แล้วนั่งดูโอเปร่า และอ่านหนังสือขนาดแก่ๆ อายุ 92 แล้ว ก็ยังจีบสาวอายุ 60 ได้
พอผมแก่ลง สิ่งแรกที่ทำคือ ลดกิจกรรมทุกอย่างลง แม้การอ่านหนังสือก็อ่านน้อยลง ดูทีวีมากขึ้น งานที่ทำก็เลือกที่ไม่ซีเรียสมาก แม้แต่การเขียนหนังสือก็หันไปเขียนเรื่องสบายๆ มากขึ้น
ผมมีโรคประจำตัวคือ เบาหวาน แต่ก็มีช็อกโกแลตสำหรับคนเบาหวาน ขนมนานาชนิดสำหรับคนเบาหวานกิน และกินผลไม้ทุกวัน การแก่อย่างมีความสุขคือ แก่โดยไม่เป็นภาระกับคนอื่น และรู้จักหาความสุข
ผมลองคิดดูว่า “แก่อย่างมีความสุข” นั้น ทำอย่างไร
1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเป็นการออกกำลังกายที่ทำได้ง่าย เช่น เดิน และว่ายน้ำ เป็นต้น ผมคิดว่าเมืองเราเป็นเมืองร้อน จึงชอบว่ายน้ำมากกว่าเดิน แต่ว่ายน้ำทำให้สดชื่นแข็งแรงโดยน้ำหนักไม่ลดเท่าไร หากหาสระที่ใส่โอโซนได้ก็จะดี ผมว่ายน้ำวันละ 500 เมตร นอกจากนั้น ถ้าเล่นกอล์ฟได้อาทิตย์ละครั้งก็ดี ผมเองเล่นอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย หากมีวันหยุดยาว 5-6 วันก็เล่นทุกวัน และเล่นคนเดียวก็ได้
2. เลือกกินอาหารที่มีคุณภาพ แม้จะแพงหน่อยก็ควร เช่น ผักสดๆ เนื้อดีๆ ส่วนประกอบของอาหารมีความสำคัญมาก
3. รู้จักนั่ง นอนเฉยๆ บ้างอย่างน้อยวันละ 2-3 ชั่วโมง (ไม่นับเวลานอนหลับ) คือไม่คิดไม่นึกอะไรทั้งสิ้น ทำอย่างนี้ได้ก็ไม่ต้องไปฝึกสมาธิ เวลานั่งนอนก็หายใจยาวๆ อัดกลั้นลมหายใจโดยเอาลิ้นดุนเพดานปากไว้จนทนไม่ไหวแล้วคลายออก
4. อยู่บ้านให้มากๆ ทำบ้านให้น่าอยู่ อย่างผมลงทุนทำโรงหนังขนาดเล็กไว้ในบ้านอยู่ใต้ดิน ฟังเพลงก็ได้ดูหนังก็ได้ การอยู่บ้านทำให้เราแต่งกายตามสบาย
5. เป็นคนลืมง่ายโดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ดี เก็บไว้แต่เรื่องดีๆ
6. รักษาอารมณ์อย่าโกรธง่าย ปล่อยเลยตามเลยเสียบ้าง เวลานี้ผมไม่ค่อยจะโกรธใครแล้ว รถติดก็ไม่รำคาญ ใครจะด่าว่าอย่างไรก็ไม่ถือสา
7. คบคนให้น้อยลง พบคนที่เรารักชอบจริงๆ เท่านั้น เพราะเมื่อแก่ตัวลงผิดกับตอนหนุ่มๆ ที่ต้องพบคนมาก เราเหลือเวลาน้อยแล้ว ควรอยู่กับคนที่เรารักใคร่ชอบพอเท่านั้น
8. หลีกเลี่ยงการรับตำแหน่งหรืองานที่มีคนเชิญไปต้องใจแข็ง อย่างผมเคยตอบรับการไปบรรยายมากมาย เดี๋ยวนี้ปฏิเสธไปจนคนรู้แล้ว
9. ให้มากกว่ารับ พอเราแก่ตัวลง เราควรเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
10. หาเวลาว่างไปอยู่นอกกรุงเทพฯ บ้าง หาที่ที่เราชอบจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ และถ้าไปต่างประเทศก็หาที่อยู่ดีๆ จะแพงหน่อยก็ต้องยอม
11. หาเวลาพบกินอาหารหรือเล่นกีฬากับเพื่อน และลูกๆ บ้าง
12. หากยังอยากให้ชีวิตมีการท้าทายอยู่ ก็ทำอะไรที่เป็นการแข่งขันกับตนเอง ไม่ใช่แข่งกับคนอื่น เช่น ลดแต้มกอล์ฟลง (ซึ่งจะส่งผลให้กินเงินเพื่อนได้ 10-20 บาท)
ผมมีเพื่อนรุ่นพี่บางคนที่แม้จะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังรักษาสุขภาพดี ดูอ่อนกว่าวัย และกินใช้ของที่ดีที่สุดเสมอ คนหนึ่งคือพี่เสถียร เสถียรสุต ซึ่งหน้ามะยงชิดก็จะซื้อเจ้าดีที่สุด ดื่มไวน์ก็เป็นไวน์ชั้นดี ใช้ของก็ของดีที่สุด (มีนักมวยก็เป็นแชมป์โลก มีม้าแข่งก็ชนะเลิศ) พี่เสถียรให้ที่ดิน และสนับสนุนเสถียรธรรมสถานซึ่งเป็นที่พึ่งทางใจของคนจำนวนมาก
การเป็นคนแก่ที่ไม่แก่ได้นั้น จะต้องรู้จักคบหาสมาคมกับคนอายุน้อยๆ บ้าง ถ้ามีหลานก็คุยกับหลานบ่อยๆ จะได้ไม่เป็นคนขวางโลก
ผมไม่ขออยู่ถึงร้อยปี แค่ 80 ปีก็พอแล้ว แต่ถ้าอายุ 80 ยังตีกอล์ฟได้ และฟันฟางยังดีอยู่ก็พอใจแล้ว