ลำปาง – โรงงาน SMEs เซรามิกเมืองลำปางเจ๊งระนาว ปิดกิจการชั่วคราวแล้วกว่า 10 โรง หลังทนรับสถานการณ์ต้นทุนเพิ่ม-ออเดอร์หายไม่ไหว ขณะที่กลุ่มทุนใหญ่ขาดทุนกำไรกันถ้วนหน้า แถมมีแนวโน้มเดินเข้าสู่ทางตัน หลังลูกค้ายุโรปทยอยหายหน้าหายตาไปมากขึ้นเมื่อค่าเงินบาทแข็ง แถมไม่ยอมเปลี่ยนเป็นใช้เงินยูโร
นางสาวสุปราณี ศิริอาภานนท์ นายกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง กล่าวถึงสถานการณ์ การผลิตเซรามิกของจังหวัดลำปาง ว่า ขณะนี้โรงงานเกือบทุกแห่งได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะโรงงานขนาดเล็กที่ผลิตสินค้าในชุมชน (โอทอป)ปิดตัวแล้วประมาณ 10 กว่าแห่ง เนื่องจากทนรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นไม่ไหว และลูกค้าไม่สั่งซื้อสินค้า ทำให้ต้องหยุดการผลิต บางรายหยุดถาวร บางรายหยุดชั่วคราวเพื่อรอเศรษฐกิจฟื้น
ในส่วนของโรงงานขนาดใหญ่และที่ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ซึ่งมีจำนวนประมาณ 120 กว่าโรงงานที่ขึ้นทะเบียนไว้ ขณะนี้มีจำนวนประมาณ 10-20 % ที่ต้องลดต้นทุนการผลิต คือลดจำนวนลูกจ้าง จากเดิมโรงงานขนาดใหญ่ที่มีพนักงานลูกจ้าง 1,000 คน ขณะนี้ลดลงเหลือ 600-700 คน นอกจากนั้นยังต้องมีการลดต้นทุนอย่างอื่นด้วย เช่น จากเดิมเคยสั่งสีหรือดิน จากตัวแทนในประเทศ ก็ต้องเปลี่ยนไปสั่งซื้อจากต่างประเทศโดยตรง ส่วนต้นทุนอื่นที่ไม่สามารถลดได้ก็คือราคากล่องซึ่งเป็นแพกกิ้ง ราคาขึ้นโดยตลอด เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้น
นอกจากนี้โรงงานใหญ่ที่ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นแถบยุโรปประมาณ 70% ก็ได้รับผลกระทบคือเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นตลอดเวลา ทำให้ต้องมีการยกเลิกออเดอร์ ในบางรายหากต่อรองลูกค้าให้เป็นสกุลเงินจากดอลลาร์ เป็นยูโรไม่ได้ ก็ต้องยกเลิก เพราะถ้ารับไว้ก็ต้องขาดทุน เมื่อยกเลิกออเดอร์ โรงงานก็ไม่ขาดทุนแต่คนงานก็ไม่มีงานทำ นอกจากเรื่องค่าเงินแล้วลูกค้าบางรายที่ยกเลิกการสั่งซื้อ เนื่องจากสินค้าของคู่แข่งโดยเฉพาะจีนเข้ามาตีราคา เมื่อสินค้าของจีนราคาถูก คุณภาพใกล้เคียงกัน ลูกค้าก็ยกเลิก ขณะนี้มีการยกเลิกออเดอร์ แล้วประมาณ 10-20%
นายกสมาคมฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางในการปรับตัวกับสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาคต โรงงานขนาดใหญ่ที่ส่งออกมี 2 ทางเลือกคือ ต้องทนทำต่อไปจนกว่าจะอยู่ไม่ได้ และ ต้องเปลี่ยนกิจการ หากรัฐบาลไม่เข้ามาช่วย โดยเบื้องต้นอยากจะวิงวอนให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ช่วยในการปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม่เฉพาะเซรามิก ในวงเงินที่สูงและดอกเบี้ยในราคาถูก เพื่อจะได้นำมาปรับปรุงคุณภาพและหาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้กับกิจการ เพราะหากรอให้กิจการดีและมีกำไรเพื่อนำกำไรมาขยายงานขยายโรงงานคงไม่มีหวัง และอยากจะวิงวอนให้ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ชะลอการขึ้นราคาแก๊ส ไปจนกว่าจะหาพลังงานทดแทนแก๊ส LPG ได้
ทั้งนี้ หากรัฐบาลไม่ช่วยผู้ประกอบการที่เป็นคนไทย100% ให้อยู่รอดได้ ไปเอาใจแต่ผู้ประกอบการซึ่งเป็นลูกผสมส่วนใหญ่ก็ไม่เดือดร้อนอยู่แล้วในอนาคตผู้ประกอบการที่เป็นคนไทยจริงก็จะอยู่ไม่ได้ และก็จะต้องล้มหายตายจากไป เมื่อผู้ประกอบการขนาดใหญ่ล้มก็จะส่งผลกระทบไปถึงรากหญ้าที่จะต้องตกงาน และจะมีปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย
นางสาวสุปราณี ศิริอาภานนท์ นายกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง กล่าวถึงสถานการณ์ การผลิตเซรามิกของจังหวัดลำปาง ว่า ขณะนี้โรงงานเกือบทุกแห่งได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะโรงงานขนาดเล็กที่ผลิตสินค้าในชุมชน (โอทอป)ปิดตัวแล้วประมาณ 10 กว่าแห่ง เนื่องจากทนรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นไม่ไหว และลูกค้าไม่สั่งซื้อสินค้า ทำให้ต้องหยุดการผลิต บางรายหยุดถาวร บางรายหยุดชั่วคราวเพื่อรอเศรษฐกิจฟื้น
ในส่วนของโรงงานขนาดใหญ่และที่ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ซึ่งมีจำนวนประมาณ 120 กว่าโรงงานที่ขึ้นทะเบียนไว้ ขณะนี้มีจำนวนประมาณ 10-20 % ที่ต้องลดต้นทุนการผลิต คือลดจำนวนลูกจ้าง จากเดิมโรงงานขนาดใหญ่ที่มีพนักงานลูกจ้าง 1,000 คน ขณะนี้ลดลงเหลือ 600-700 คน นอกจากนั้นยังต้องมีการลดต้นทุนอย่างอื่นด้วย เช่น จากเดิมเคยสั่งสีหรือดิน จากตัวแทนในประเทศ ก็ต้องเปลี่ยนไปสั่งซื้อจากต่างประเทศโดยตรง ส่วนต้นทุนอื่นที่ไม่สามารถลดได้ก็คือราคากล่องซึ่งเป็นแพกกิ้ง ราคาขึ้นโดยตลอด เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้น
นอกจากนี้โรงงานใหญ่ที่ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นแถบยุโรปประมาณ 70% ก็ได้รับผลกระทบคือเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นตลอดเวลา ทำให้ต้องมีการยกเลิกออเดอร์ ในบางรายหากต่อรองลูกค้าให้เป็นสกุลเงินจากดอลลาร์ เป็นยูโรไม่ได้ ก็ต้องยกเลิก เพราะถ้ารับไว้ก็ต้องขาดทุน เมื่อยกเลิกออเดอร์ โรงงานก็ไม่ขาดทุนแต่คนงานก็ไม่มีงานทำ นอกจากเรื่องค่าเงินแล้วลูกค้าบางรายที่ยกเลิกการสั่งซื้อ เนื่องจากสินค้าของคู่แข่งโดยเฉพาะจีนเข้ามาตีราคา เมื่อสินค้าของจีนราคาถูก คุณภาพใกล้เคียงกัน ลูกค้าก็ยกเลิก ขณะนี้มีการยกเลิกออเดอร์ แล้วประมาณ 10-20%
นายกสมาคมฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางในการปรับตัวกับสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาคต โรงงานขนาดใหญ่ที่ส่งออกมี 2 ทางเลือกคือ ต้องทนทำต่อไปจนกว่าจะอยู่ไม่ได้ และ ต้องเปลี่ยนกิจการ หากรัฐบาลไม่เข้ามาช่วย โดยเบื้องต้นอยากจะวิงวอนให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ช่วยในการปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไม่เฉพาะเซรามิก ในวงเงินที่สูงและดอกเบี้ยในราคาถูก เพื่อจะได้นำมาปรับปรุงคุณภาพและหาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้กับกิจการ เพราะหากรอให้กิจการดีและมีกำไรเพื่อนำกำไรมาขยายงานขยายโรงงานคงไม่มีหวัง และอยากจะวิงวอนให้ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ชะลอการขึ้นราคาแก๊ส ไปจนกว่าจะหาพลังงานทดแทนแก๊ส LPG ได้
ทั้งนี้ หากรัฐบาลไม่ช่วยผู้ประกอบการที่เป็นคนไทย100% ให้อยู่รอดได้ ไปเอาใจแต่ผู้ประกอบการซึ่งเป็นลูกผสมส่วนใหญ่ก็ไม่เดือดร้อนอยู่แล้วในอนาคตผู้ประกอบการที่เป็นคนไทยจริงก็จะอยู่ไม่ได้ และก็จะต้องล้มหายตายจากไป เมื่อผู้ประกอบการขนาดใหญ่ล้มก็จะส่งผลกระทบไปถึงรากหญ้าที่จะต้องตกงาน และจะมีปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย
