ปริมาณการใช้โครงหลังคาสำเร็จรูปเติบโตหลังเหล็กมีแนวโน้มราคาสูงขึ้น ผู้บริหารเฮาส์เฟรนด์ลี่ฯ แบรนด์ อีซี่ทรัส เดินหน้าขยายโรงงานใหม่ ดันกำลังผลิตเพิ่มเป็น 240 ล้านบาทต่อปี แจงสั่งนำเข้าเหล็กกล้าจากเกาหลี-ญี่ปุ่นแก้ปัญหาผู้ประกอบการเหล็กกล้าในประเทศบีบราคาขาย คาดเม.ย.ราคาเหล็กปรับอีกรอบ ส่งผลช่องว่างราคาโครงหลังคาสร้างเองกับโครงหลังคาสำเร็จรูปแคบลง ช่วยดึงลูกค้าเพิ่ม เผยแค่ช่วงต้นปียอดสั่งจองซื้อล่วงหน้า 3เดือนโตจากปี 50 กว่า 30% คาดยอดขายทั้งปีไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท
นายสรพล คงรอด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮาส์ เฟรนด์ลี่ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตโครงหลังคาเหล็กสำเร็จรูป แบรนด์อีซี่ทรัส(EASY TRUSS ) ซึ่งมีสมาชิกในสมาคมรับสร้างบ้านก่อตั้งขึ้นมา เปิดเผยว่ จากสถานการณ์ราคาเหล็กรูปพรรณที่สูงขึ้นในตลาดโลก ส่งผลให้ราคาเหล็กในประเทศปรับตัวสูงขึ้น 60-70% ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการอสังหาฯ รับเหมาก่อสร้าง และผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ขณะที่บริษัทฯมีต้นทุนการผลิตโครงหลังคาสำเร็จรูปจากเหล็กกล้า และยังเป็นผู้จำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศ ทำให้เกิดปัญหาด้านการสั่งซื้อเหล็กกล้า ดังนั้น จึงสั่งนำเข้าเหล็กกล้าจากประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการสั่งซื้อเหล็กกล้าจากต่างประเทศ 35% และในประเทศ65% อนึ่ง แนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การนำเข้าเหล็กกล้า เป็นส่วนหนึ่งของแผนเพื่อรองรับกำลังการผลิต จากที่มีกำลังการผลิตรวมต่อปี 120 ล้านบาท แต่ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตที่ 70% คิดเป็นมูลค่าขายประมาณ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม30% และคาดว่าภายในสิ้นปีกำลังการผลิตจะเต็ม 100% เนื่องจากความต้องการซื้อโครงหลังคาสำเร็จรูปมีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทมีแผนจะขยายกำลังผลิตเพิ่ม คาดใช้งบลงทุนในการขยายโรงงานและซื้อเครื่องจักรใหม่ 5-10 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 240 ล้านบาทต่อปี
" ต้นปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากต้นทุนเหล็กรูปพรรณที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 70% ในขณะที่ บริษัทมีการปรับราคาขายโครงหลังคาเพิ่มขึ้น 5 - 7% ทำให้ส่วนต่างของต้นทุนระหว่างโครงหลังคาก่อสร้างเองจากเหล็กรูปพรรณกับโครงหลังคาสำเร็จรูปมีความแตกน้อยลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน หันมาใช้โครงหลังคาสำเร็จรูปแทนการสร้างหลังคาเองเพิ่มมากขึ้น ยอดสั่งซื้อในช่วงต้นปีล่วงหน้า 3 เดือน เพิ่มขึ้นจากปี 50 มากว่า 30% มูลค่า 17 ล้านบาท ทำให้ ต้องขยายกำลังการผลิตเพิ่มจาก 50% เป็น70% และเตรียมขยายโรงงานเพิ่มกำลังผลิตในอนาคต"กรรมการผู้จัดการกล่าวและคาดว่า
หลังจากที่ราคาเหล็กมีการปรับขึ้นในช่วงเดือนเม.ย.นี้ จะทำให้สามารถเจรจาราคาขายได้ง่ายขึ้น รวมถึงมีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายใหญและรายเล็กอีกหลายบริษัท สนใจเข้ามาสั่งซื้อโครงหลังคาสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าโครงหลังคาสำเร็จรูปในสมาคมฯหลักๆ อยู่8-9 ราย และลูกค้าโครงการจัดสรรมีอยู่ 1 ราย คือ โครงการ แบล็ค เมาท์เท้น วิลล์โฮม ในจ.ประจวบคีรีขันธ์ ยอดสั่งซื้อแล้ว 40 ยูนิต
นายสรพล คงรอด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮาส์ เฟรนด์ลี่ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตโครงหลังคาเหล็กสำเร็จรูป แบรนด์อีซี่ทรัส(EASY TRUSS ) ซึ่งมีสมาชิกในสมาคมรับสร้างบ้านก่อตั้งขึ้นมา เปิดเผยว่ จากสถานการณ์ราคาเหล็กรูปพรรณที่สูงขึ้นในตลาดโลก ส่งผลให้ราคาเหล็กในประเทศปรับตัวสูงขึ้น 60-70% ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการอสังหาฯ รับเหมาก่อสร้าง และผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ขณะที่บริษัทฯมีต้นทุนการผลิตโครงหลังคาสำเร็จรูปจากเหล็กกล้า และยังเป็นผู้จำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศ ทำให้เกิดปัญหาด้านการสั่งซื้อเหล็กกล้า ดังนั้น จึงสั่งนำเข้าเหล็กกล้าจากประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการสั่งซื้อเหล็กกล้าจากต่างประเทศ 35% และในประเทศ65% อนึ่ง แนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การนำเข้าเหล็กกล้า เป็นส่วนหนึ่งของแผนเพื่อรองรับกำลังการผลิต จากที่มีกำลังการผลิตรวมต่อปี 120 ล้านบาท แต่ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตที่ 70% คิดเป็นมูลค่าขายประมาณ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม30% และคาดว่าภายในสิ้นปีกำลังการผลิตจะเต็ม 100% เนื่องจากความต้องการซื้อโครงหลังคาสำเร็จรูปมีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทมีแผนจะขยายกำลังผลิตเพิ่ม คาดใช้งบลงทุนในการขยายโรงงานและซื้อเครื่องจักรใหม่ 5-10 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 240 ล้านบาทต่อปี
" ต้นปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากต้นทุนเหล็กรูปพรรณที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 70% ในขณะที่ บริษัทมีการปรับราคาขายโครงหลังคาเพิ่มขึ้น 5 - 7% ทำให้ส่วนต่างของต้นทุนระหว่างโครงหลังคาก่อสร้างเองจากเหล็กรูปพรรณกับโครงหลังคาสำเร็จรูปมีความแตกน้อยลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน หันมาใช้โครงหลังคาสำเร็จรูปแทนการสร้างหลังคาเองเพิ่มมากขึ้น ยอดสั่งซื้อในช่วงต้นปีล่วงหน้า 3 เดือน เพิ่มขึ้นจากปี 50 มากว่า 30% มูลค่า 17 ล้านบาท ทำให้ ต้องขยายกำลังการผลิตเพิ่มจาก 50% เป็น70% และเตรียมขยายโรงงานเพิ่มกำลังผลิตในอนาคต"กรรมการผู้จัดการกล่าวและคาดว่า
หลังจากที่ราคาเหล็กมีการปรับขึ้นในช่วงเดือนเม.ย.นี้ จะทำให้สามารถเจรจาราคาขายได้ง่ายขึ้น รวมถึงมีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายใหญและรายเล็กอีกหลายบริษัท สนใจเข้ามาสั่งซื้อโครงหลังคาสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าโครงหลังคาสำเร็จรูปในสมาคมฯหลักๆ อยู่8-9 ราย และลูกค้าโครงการจัดสรรมีอยู่ 1 ราย คือ โครงการ แบล็ค เมาท์เท้น วิลล์โฮม ในจ.ประจวบคีรีขันธ์ ยอดสั่งซื้อแล้ว 40 ยูนิต