แกนนำสมัชชาฯ อีสานบุกยื่น ผบช.ภาค 3 กระทุ้งเร่งทบทวนย้ายรองผบก.บุรีรัมย์ไปช่วยราชการที่ศรีสะเกษ พร้อมให้ระงับหากกำลังคิดเด้ง "ผู้การฯสมหมาย" เหยื่อรายต่อไป ให้เวลา 15 วัน มาทวงคำตอบ ด้านกกต.ชื่นชมผงงานรองผู้การบุรีรัมย์ แต่จนปัญญาช่วยเหลือ เชื่อหากสั่งย้ายไม่เป็นธรรม ผลเสียจะตกที่รัฐบาลเอง
วานนี้ (10 มี.ค.) เวลา 14.30 น. ที่ชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายนพสณฑ์ เสฎฐรังสี รองประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด พร้อมแกนนำสมัชชาฯได้เข้ายื่นหนังสือถึง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) ให้ทบทวนการย้าย พ.ต.อ.สังวร ภู่ไพจิตรกุล รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ไปช่วยราชการที่ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ โดยสาระสำคัญของหนังสือดังกล่าว ระบุว่า
การย้ายรอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ครั้งนี้ มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของพ.ต.อ.สังวร โดยตรง และการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกกต.จังหวัดบุรีรัมย์ ฝ่ายสืบสวนสอบสวนนั้น พ.ต.อ.สังวร เคยให้ใบแดงนักการเมืองพรรคพลังประชาชน (พปช.) ของจ.บุรีรัมย์ ถึง 3 คน และกำลังสอบสวนเรื่องร้องเรียนทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง พรรคการเมืองดังกล่าวอีกหลายกรณี ที่อาจจะต้องมีการให้ใบแดง หรือใบเหลืองอีกหลายเขตเลือกตั้ง
นอกจากนี้ งานสืบสวนสอบสวนที่ พ.ต.อ.สังวร รับผิดชอบอยู่ภายในกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ นั้น มีหลายคดีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นนักการเมืองและญาตินักการเมืองระดับชาติ รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งผลการสอบสวนคืนหน้าไปมากแล้ว
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีของชาวบุรีรัมย์ ว่า พ.ต.อ.สังวร เป็นนายตำรวจที่มีจิตสำนึกรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ไม่เกรงกลัวอิทธิพลของนักการเมืองที่เป็นผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งหาก พ.ต.อ.สังวร ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์จนคราวสภาผู้แทนราษฎรปิดสมัยประชุมสภาฯ ที่เป็น ส.ส.จะขาดเอกสิทธิ์คุ้มครองและต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในที่สุด แต่เมื่อดำเนินการย้ายพ.ต.อ.สังวรไปช่วยราชการที่อื่นสำเร็จ พร้อมหาตำรวจที่เป็นพรรคพวกนักการเมืองเข้ามาแทน คดีความที่ดำเนินการไปแล้วจะถูกเปลี่ยนแปลงแทรกแซงได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียแก่ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สมัชชาประชาชนฯ ขอเรียกร้องให้ ผบช.ภาค 3 ทบทวนคำสั่งที่ 198/2551 ลงวันที่ 3 มี.ค.51 เรื่องให้ พ.ต.อ.สังวร ภู่ไพจิตรกุล ไปช่วยราชการที่ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ และให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อทำการสะสางเร่งรัดคดีที่กำลังดำเนินการอยู่ให้เสร็จสิ้น
รวมถึงให้ทบทวนให้ดี หากจะมีการพิจารณาโยกย้าย พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ คนปัจจุบันด้วย
"สมัชชาประชาชนภาคอีสานฯ ให้เวลาในการทบทวนเรื่องดังกล่าว 15 วัน และจะเดินทางมาทวงคำตอบอีกครั้ง" หนังสือเปิดผนึกดังกล่าวระบุในตอนท้าย
ด้าน นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณี พ.ต.อ. สังวรณ์ ในฐานะกกต.บุรีรัมย์ ถูกสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่ จ.ศรีสะเกษ ว่า ไม่ทราบว่ากกต.จะมีมาตรการอะไรในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้หรือไม่
ส่วนตัวเห็นว่า พ.ต.อ. สังวรณ์ เป็นคนขยัน เอาการเอางาน เพราะเป็นคนที่หอบสำนวนมาส่งถึงกกต.และไปชี้แจงต่อกฤษฎีกาเอง ซึ่งที่ถูกย้าย ครั้งนี้ส่วนตัวไม่รู้เหตุผล แต่เชื่อว่าคนที่สั่งย้าย น่าจะมีเหตุผลที่อธิบายได้
เมื่อถามว่า เป็นการเช็คบิลหรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่าหากเป็นการเช็คบิลจริงๆ ผลกระทบจะตกอยู่ที่พรรคการเมืองนั้นๆ ซึ่งกกต.ไม่มีหน้าที่ในการทบทวนคำสั่งโยกย้าย
ส่วนการย้ายจะทำให้ข้าราชการเสียขวัญ และต่อไปไม่อยากมาช่วยงานกกต.หรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่า ข้าราชการเหล่านี้ถือว่ามาช่วยราชการ คนที่รับผิดชอบคือรัฐบาล และคนที่เป็นรัฐบาล ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ
เมื่อถามต่อว่า หากข้าราชการคนอื่นมาช่วยงานกับกกต.และจะถูกสั่งโยกย้ายอีก กกต.จะดูแลอย่างไร นายสุเมธ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ กกต. ประชาชนต้องช่วยกันจับตาดู ส่วนตัวเห็นว่าหากโยกย้ายไม่เป็นธรรม ก็จะเป็นผลร้ายแก่พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีอำนาจในการบริหารประเทศ
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อสำนวนการสอบสวนในพื้นที่เขต 3 จ.บุรีรัมย์ ที่นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ถูกร้องทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และอยู่ระหว่างการสอบสวนหรือไม่นั้น นายสุเมธ กล่าวว่า ไม่แน่ใจ เพราะต้องรอดูผลสรุปจาก กกต.จังหวัด ส่งเรื่องมาที่กกต.กลางก่อน
วานนี้ (10 มี.ค.) เวลา 14.30 น. ที่ชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายนพสณฑ์ เสฎฐรังสี รองประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด พร้อมแกนนำสมัชชาฯได้เข้ายื่นหนังสือถึง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) ให้ทบทวนการย้าย พ.ต.อ.สังวร ภู่ไพจิตรกุล รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ไปช่วยราชการที่ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ โดยสาระสำคัญของหนังสือดังกล่าว ระบุว่า
การย้ายรอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ครั้งนี้ มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของพ.ต.อ.สังวร โดยตรง และการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกกต.จังหวัดบุรีรัมย์ ฝ่ายสืบสวนสอบสวนนั้น พ.ต.อ.สังวร เคยให้ใบแดงนักการเมืองพรรคพลังประชาชน (พปช.) ของจ.บุรีรัมย์ ถึง 3 คน และกำลังสอบสวนเรื่องร้องเรียนทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง พรรคการเมืองดังกล่าวอีกหลายกรณี ที่อาจจะต้องมีการให้ใบแดง หรือใบเหลืองอีกหลายเขตเลือกตั้ง
นอกจากนี้ งานสืบสวนสอบสวนที่ พ.ต.อ.สังวร รับผิดชอบอยู่ภายในกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ นั้น มีหลายคดีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นนักการเมืองและญาตินักการเมืองระดับชาติ รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งผลการสอบสวนคืนหน้าไปมากแล้ว
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีของชาวบุรีรัมย์ ว่า พ.ต.อ.สังวร เป็นนายตำรวจที่มีจิตสำนึกรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ไม่เกรงกลัวอิทธิพลของนักการเมืองที่เป็นผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งหาก พ.ต.อ.สังวร ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์จนคราวสภาผู้แทนราษฎรปิดสมัยประชุมสภาฯ ที่เป็น ส.ส.จะขาดเอกสิทธิ์คุ้มครองและต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในที่สุด แต่เมื่อดำเนินการย้ายพ.ต.อ.สังวรไปช่วยราชการที่อื่นสำเร็จ พร้อมหาตำรวจที่เป็นพรรคพวกนักการเมืองเข้ามาแทน คดีความที่ดำเนินการไปแล้วจะถูกเปลี่ยนแปลงแทรกแซงได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียแก่ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สมัชชาประชาชนฯ ขอเรียกร้องให้ ผบช.ภาค 3 ทบทวนคำสั่งที่ 198/2551 ลงวันที่ 3 มี.ค.51 เรื่องให้ พ.ต.อ.สังวร ภู่ไพจิตรกุล ไปช่วยราชการที่ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ และให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อทำการสะสางเร่งรัดคดีที่กำลังดำเนินการอยู่ให้เสร็จสิ้น
รวมถึงให้ทบทวนให้ดี หากจะมีการพิจารณาโยกย้าย พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ คนปัจจุบันด้วย
"สมัชชาประชาชนภาคอีสานฯ ให้เวลาในการทบทวนเรื่องดังกล่าว 15 วัน และจะเดินทางมาทวงคำตอบอีกครั้ง" หนังสือเปิดผนึกดังกล่าวระบุในตอนท้าย
ด้าน นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณี พ.ต.อ. สังวรณ์ ในฐานะกกต.บุรีรัมย์ ถูกสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่ จ.ศรีสะเกษ ว่า ไม่ทราบว่ากกต.จะมีมาตรการอะไรในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้หรือไม่
ส่วนตัวเห็นว่า พ.ต.อ. สังวรณ์ เป็นคนขยัน เอาการเอางาน เพราะเป็นคนที่หอบสำนวนมาส่งถึงกกต.และไปชี้แจงต่อกฤษฎีกาเอง ซึ่งที่ถูกย้าย ครั้งนี้ส่วนตัวไม่รู้เหตุผล แต่เชื่อว่าคนที่สั่งย้าย น่าจะมีเหตุผลที่อธิบายได้
เมื่อถามว่า เป็นการเช็คบิลหรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่าหากเป็นการเช็คบิลจริงๆ ผลกระทบจะตกอยู่ที่พรรคการเมืองนั้นๆ ซึ่งกกต.ไม่มีหน้าที่ในการทบทวนคำสั่งโยกย้าย
ส่วนการย้ายจะทำให้ข้าราชการเสียขวัญ และต่อไปไม่อยากมาช่วยงานกกต.หรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่า ข้าราชการเหล่านี้ถือว่ามาช่วยราชการ คนที่รับผิดชอบคือรัฐบาล และคนที่เป็นรัฐบาล ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ
เมื่อถามต่อว่า หากข้าราชการคนอื่นมาช่วยงานกับกกต.และจะถูกสั่งโยกย้ายอีก กกต.จะดูแลอย่างไร นายสุเมธ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ กกต. ประชาชนต้องช่วยกันจับตาดู ส่วนตัวเห็นว่าหากโยกย้ายไม่เป็นธรรม ก็จะเป็นผลร้ายแก่พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีอำนาจในการบริหารประเทศ
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อสำนวนการสอบสวนในพื้นที่เขต 3 จ.บุรีรัมย์ ที่นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ถูกร้องทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และอยู่ระหว่างการสอบสวนหรือไม่นั้น นายสุเมธ กล่าวว่า ไม่แน่ใจ เพราะต้องรอดูผลสรุปจาก กกต.จังหวัด ส่งเรื่องมาที่กกต.กลางก่อน