“สุเมธ” มั่นใจส่งสำนวนคำฟ้องเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง “ทั่นยุทธ” ต่อศาลฎีกาทันสัปดาห์นี้ ส่วนผลสอบ พปช.เป็นนอมินี ทรท.ยังไม่เห็น ขอรอดูอนุฯชี้เข้าข่ายมาตราใด ชี้ย้ายรองผู้การบุรีรัมย์ไม่เป็นธรรม “พลังแม้ว” ต้องตอบสังคมให้ชัด
วันนี้ (10 มี.ค.) นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ได้ส่งร่างสำนวนคำร้องที่กรรมการการเลือกตั้งเตรียมยื่นฟ้องในกรณีสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ กกต.ทั้ง 5 คนแล้ว โดย กกต.แต่ละคนจะใช้เวลาในการอ่านและแก้ไขร่างสำนวนคำร้องภายใน 1-2 วันนี้ ก่อนนำเข้าที่ประชุมเพื่อลงมติว่าสำนวนมีความสมบูรณ์ พร้อมจะส่งศาลฎีกาหรือไม่ ทั้งนี้ คาดว่า กกต.จะส่งสำนวนคำร้องไปที่ศาลได้ไม่เกินภายในสัปดาห์นี้ตามที่กำหนดไว้
สำหรับผลการสอบสวนกรณีพรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยส่วนตัวยังไม่เห็นผลสรุปของอนุกรรมการที่มีนายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ เสนอมา และไม่อยากพูดคำว่านอมินี เนื่องจากคำดังกล่าวไม่มีบัญญัติในกฎหมายและไม่รู้ว่าจะเข้าข่ายมาตราใด ซึ่งต้องดูว่าผลสรุปที่อนุส่งมาจะระบุว่าเข้าข่ายมาตราใด ส่วนกรณีพิจารณายุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมา หากอนุกรรมการชุดที่มีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน สรุปสำนวนส่งมาก็จะนำเข้าที่ประชุมทันที ส่วนที่จะต้องให้เวลาไปศึกษาสำนวนเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องขอพิจารณาในที่ประชุมก่อน
นายสุเมธ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิรตกุล รองผู้บัญชาการภาค จ.บุรีรัมย์ ในฐานะ กกต.บุรีรัมย์ เชื่อว่าการถูกสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่จังหวัดศรีสะเกษ น่าจะเกี่ยวข้องกับการสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งอดีตว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าไม่ทราบว่า กกต.จะมีมาตรการอะไรในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้หรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่า พ.ต.อ.สังวรณ์ เป็นคนขยัน เอาการเอางาน เพราะเป็นคนที่หอบสำนวนมาส่งถึงกกต.และไปชี้แจงต่อกฤษฎีกาเอง ซึ่งที่ถูกย้ายครั้งนี้ส่วนตัวไม่รู้เหตุผล แต่เชื่อว่าคนที่สั่งย้ายน่าจะมีเหตุผลที่อธิบายได้
เมื่อถามว่า เป็นการเช็กบิลหรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่าหากเป็นการเช็กบิลจริงๆ ผลกระทบจะตกอยู่ที่พรรคการเมืองนั้นๆ ซึ่ง กกต.ไม่มีหน้าที่ในการทบทวนคำสั่งโยกย้าย และ กกต.ก็เห็นว่าเรื่องการโยกย้ายเป็นเรื่องปกติ ส่วนการย้ายจะทำให้ข้าราชการเสียขวัญและต่อไปไม่อยากมาช่วยงาน กกต.หรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่า ข้าราชการเหล่านี้ถือว่ามาช่วยราชการ คนที่รับผิดชอบคือรัฐบาล และคนที่เป็นรัฐบาลต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และเชื่อว่ามีเหตุผลในการย้าย
เมื่อถามต่อว่า หากข้าราชการคนอื่นมาช่วยงานกับกกต.และจะถูกสั่งโยกย้ายอีก กกต.จะดูแลอย่างไร นายสุเมธ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ กกต. ประชาชนต้องช่วยกันจับตาดู และอย่ามองรัฐบาลในแง่ร้าย ไม่มีใครอยากทำลายชาติให้แย่ไปกว่านี้ ส่วนตัวเห็นว่าหากโยกย้ายไม่เป็นธรรมก็จะเป็นผลร้ายแก่พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีอำนาจในการบริหารประเทศ
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อสำนวนการสอบสวนในพื้นที่เขต 3 จังหวัดบุรีรัมย์ ที่นาย ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ถูกร้องทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และอยู่ระหว่างการสอบสวนหรือไม่นั้น นายสุเมธ กล่าวว่า ไม่แน่ใจ เพราะต้องรอดูผลสรุปจาก กกต.จังหวัดส่งเรื่องมาที่ กกต.กลางก่อน
วันเดียวกัน นายเทพพนม ศิริวิทยารักษ์ ประธานเครือข่ายประชาชนภาคอีสานพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.เรียกร้องให้ให้เร่งยื่นคำร้องต่อศาลฎีกากรณีที่ กกต.มีมติให้ศาลฎีกาสั่งเลือกตั้งใหม่ เขต 3 สุรินทร์ หลังจาก กกต.มีมติในเรื่องดังกล่าวไปตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าถึงการส่งสำนวนให้ศาล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ กกต.ให้เวลาเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการทำสำนวนภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีแต่ความเคลื่อนไหวกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช จึงเห็นว่า กกต.มี 2 มาตราฐาน มีเจตนาต้องการเร่งรัดให้มีการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลหรือไม่