ฉบับวันที่ 10-3-51
ผู้จัดการรายวัน - ทีแอลเอ็มฟันไม่ขาดเสียที เริ่มนับหนึ่งอีกครั้ง หลังเรื่องตีกลับจาก ค.ร.ม. ให้บอร์ดททท.พิจารณาเรื่องการขายหุ้นทีแอลเอ็มทิ้ง อ้างเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เปลี่ยนโครงสร้างบอร์ดใหม่ จึงต้องพิจารณาใหม่ ททท.เผยชงเรื่องเสนอบอร์ด 19 มีนาคมนี้
นางสาวเพ็ญสุดา ไพรอร่าม รองผู้ว่าการด้านสินค้าท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในฐานะกรรมการในคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด หรือ ทีแอลเอ็ม เปิดเผยว่า ททท.ในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัท ทีแอลเอ็ม สัดส่วน 30% ได้เตรียมเสนอต่อคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ด) ซึ่งจะมีการประชุมกันในวันที่ 19 มีนาคมศกนี้ เพื่อให้พิจารณาว่า ททท. ควรที่จะลงทุนในกิจการของทีแอลเอ็มต่อไปหรือไม่ โดยมติการพิจารณาของบอร์ดในครั้งนี้จะยื่นเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้พิจารณาชี้ขาดเป็นลำดับต่อไป
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ททท.ได้ยื่นเสนอให้ ครม.ในรัฐบาลชุดที่ผ่านมาพิจารณา เรื่องการขายหุ้น ททท.ที่อยู่ในบริษัททีแอลเอ็มออกไปเสีย แต่มติ ครม.ขณะนั้นระบุว่าต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงานเป็นผู้พิจารณาตัดสินและเมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศ เรื่องดังกล่าวได้ถูกส่งกลับมาให้ บอร์ด ททท.เป็นผู้พิจารณาใหม่อีกครั้ง ก่อนนำเข้าที่ประชุม ครม.
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาประธานบอร์ด ททท. นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ซึ่งแต่งตั้งภายใต้ พ.ร.บ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ลาออกก่อนที่จะมีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว จึงทำให้ ต้องรอยื่นต่อบอร์ด ททท.ภายใต้ประธานบอร์ดคนใหม่คือ นายวันชัย ศารทูลทัต อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม
“ครั้งที่ นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ เป็นประธานบอร์ด ททท. ได้อนุมัติแต่งตั้ง อนุกรรมการกลั่นกรอง หรือ บอร์ดเล็ก โดย มีนายศักดิ์ทิพย์ เป็นประธานอนุกรรมการดังกล่าวเอง เพื่อพิจารณากลั่นกรองเรื่องต่างๆ ก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมบอร์ดใหญ่ เพื่อให้การประชุมบอร์ดใหญ่กระชับและรวดเร็วขึ้น แต่นายศักดิ์ทิพย์ก็มาลาออกเสียก่อนมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา ดังนั้นกระบวนการทุกอย่างจึงต้องมารเริ่มใหม่ ซึ่งในวันที่ 19 มีนาคม นี้ที่จะประชุมบอร์ด ก็จะเสนอตั้งอนุกรรมการกลั่นกรอง เช่นกัน เพื่อเป็นไปตามขั้นตอนการดำเนินงาน”
นางสาวเพ็ญสุดา กล่าวว่า การนำเรื่องขายหุ้นทีแอลเอ็ม เข้าพิจารณาในที่ประชุมบอร์ดใหม่ ก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะโครงสร้างบอร์ดใหม่ของ ททท. ที่ตั้งตามพ.ร.บ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะมี ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐบาล นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ มาร่วมเป็นกรรมการ การตัดสินก็จะได้อยู่บนพื้นฐานที่ทุกภาคส่วนเห็นตรงกันซึ่งต่างจากโครงสร้างบอร์ด ภายใต้ พ.ร.บ.ฉบับเก่า ที่ไม่มีภาคเอกชนเข้าร่วม
“ข้อมูลที่จะเสนอต่อบอร์ท ททท.เรามีพร้อมหมดแล้ว ก็เป็นข้อมูลเดิมๆ เช่น ผลการตรวจสอบ และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ พร้อมข้อมูลการดำเนินงานทั้งหมดของ ทีแอลเอ็ม ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงแผนธุรกิจ “ รองผู้ว่าฯ ททท.กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้การตัดสินขายหุ้น ททท.ในบริษัททีแอลเอ็มจะล่าช้า ก็ไม่ได้ส่งผลเสียหายกับภาครัฐเพิ่มขึ้น ก็ยังคงเสียเพียงเงินที่ลงทุนที่เข้าไปถือหุ้น 30% คือ 30 ล้านบาท แต่โดยความเห็นส่วนตัว ยังมองว่า ถ้ารัฐบาลต้องการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวการพำนักระยะยาว หรือ ลองสเตย์ ก็ควรเปิดให้มีการแข่งขันแบบเสรี โดยให้ภาคเอกชนเป็นผู้คิด และ ปรับปรุงแพกเกจทัวร์ แต่หาก ททท.ซึ่งเป็นหน่วยงานของภาครัฐ ไปร่วมดำเนินกิจการด้วย ภาคเอกชนก็ไม่อยากเข้ามาแข่งขัน เพราะ การให้อินเซนทีฟของ สู้ภาครัฐไม่ได้แน่นอน แต่ รัฐบาลควรจะอยู่เป็นผู้กำหนดนโยบายที่จะสนับสนุนให้แก่ธุรกิจ ททท.ก็เป็นผู้ทำการตลาดให้ และเปิดโอกาสให้เอกชนได้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ประเทศที่เป็นตลาดหลักของลองสเตย์คือ ญี่ปุ่น และยุโรป
ผู้จัดการรายวัน - ทีแอลเอ็มฟันไม่ขาดเสียที เริ่มนับหนึ่งอีกครั้ง หลังเรื่องตีกลับจาก ค.ร.ม. ให้บอร์ดททท.พิจารณาเรื่องการขายหุ้นทีแอลเอ็มทิ้ง อ้างเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เปลี่ยนโครงสร้างบอร์ดใหม่ จึงต้องพิจารณาใหม่ ททท.เผยชงเรื่องเสนอบอร์ด 19 มีนาคมนี้
นางสาวเพ็ญสุดา ไพรอร่าม รองผู้ว่าการด้านสินค้าท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในฐานะกรรมการในคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด หรือ ทีแอลเอ็ม เปิดเผยว่า ททท.ในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัท ทีแอลเอ็ม สัดส่วน 30% ได้เตรียมเสนอต่อคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (บอร์ด) ซึ่งจะมีการประชุมกันในวันที่ 19 มีนาคมศกนี้ เพื่อให้พิจารณาว่า ททท. ควรที่จะลงทุนในกิจการของทีแอลเอ็มต่อไปหรือไม่ โดยมติการพิจารณาของบอร์ดในครั้งนี้จะยื่นเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้พิจารณาชี้ขาดเป็นลำดับต่อไป
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ททท.ได้ยื่นเสนอให้ ครม.ในรัฐบาลชุดที่ผ่านมาพิจารณา เรื่องการขายหุ้น ททท.ที่อยู่ในบริษัททีแอลเอ็มออกไปเสีย แต่มติ ครม.ขณะนั้นระบุว่าต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงานเป็นผู้พิจารณาตัดสินและเมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศ เรื่องดังกล่าวได้ถูกส่งกลับมาให้ บอร์ด ททท.เป็นผู้พิจารณาใหม่อีกครั้ง ก่อนนำเข้าที่ประชุม ครม.
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาประธานบอร์ด ททท. นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ซึ่งแต่งตั้งภายใต้ พ.ร.บ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ลาออกก่อนที่จะมีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว จึงทำให้ ต้องรอยื่นต่อบอร์ด ททท.ภายใต้ประธานบอร์ดคนใหม่คือ นายวันชัย ศารทูลทัต อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม
“ครั้งที่ นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ เป็นประธานบอร์ด ททท. ได้อนุมัติแต่งตั้ง อนุกรรมการกลั่นกรอง หรือ บอร์ดเล็ก โดย มีนายศักดิ์ทิพย์ เป็นประธานอนุกรรมการดังกล่าวเอง เพื่อพิจารณากลั่นกรองเรื่องต่างๆ ก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมบอร์ดใหญ่ เพื่อให้การประชุมบอร์ดใหญ่กระชับและรวดเร็วขึ้น แต่นายศักดิ์ทิพย์ก็มาลาออกเสียก่อนมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา ดังนั้นกระบวนการทุกอย่างจึงต้องมารเริ่มใหม่ ซึ่งในวันที่ 19 มีนาคม นี้ที่จะประชุมบอร์ด ก็จะเสนอตั้งอนุกรรมการกลั่นกรอง เช่นกัน เพื่อเป็นไปตามขั้นตอนการดำเนินงาน”
นางสาวเพ็ญสุดา กล่าวว่า การนำเรื่องขายหุ้นทีแอลเอ็ม เข้าพิจารณาในที่ประชุมบอร์ดใหม่ ก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะโครงสร้างบอร์ดใหม่ของ ททท. ที่ตั้งตามพ.ร.บ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะมี ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐบาล นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ มาร่วมเป็นกรรมการ การตัดสินก็จะได้อยู่บนพื้นฐานที่ทุกภาคส่วนเห็นตรงกันซึ่งต่างจากโครงสร้างบอร์ด ภายใต้ พ.ร.บ.ฉบับเก่า ที่ไม่มีภาคเอกชนเข้าร่วม
“ข้อมูลที่จะเสนอต่อบอร์ท ททท.เรามีพร้อมหมดแล้ว ก็เป็นข้อมูลเดิมๆ เช่น ผลการตรวจสอบ และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ พร้อมข้อมูลการดำเนินงานทั้งหมดของ ทีแอลเอ็ม ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงแผนธุรกิจ “ รองผู้ว่าฯ ททท.กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้การตัดสินขายหุ้น ททท.ในบริษัททีแอลเอ็มจะล่าช้า ก็ไม่ได้ส่งผลเสียหายกับภาครัฐเพิ่มขึ้น ก็ยังคงเสียเพียงเงินที่ลงทุนที่เข้าไปถือหุ้น 30% คือ 30 ล้านบาท แต่โดยความเห็นส่วนตัว ยังมองว่า ถ้ารัฐบาลต้องการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวการพำนักระยะยาว หรือ ลองสเตย์ ก็ควรเปิดให้มีการแข่งขันแบบเสรี โดยให้ภาคเอกชนเป็นผู้คิด และ ปรับปรุงแพกเกจทัวร์ แต่หาก ททท.ซึ่งเป็นหน่วยงานของภาครัฐ ไปร่วมดำเนินกิจการด้วย ภาคเอกชนก็ไม่อยากเข้ามาแข่งขัน เพราะ การให้อินเซนทีฟของ สู้ภาครัฐไม่ได้แน่นอน แต่ รัฐบาลควรจะอยู่เป็นผู้กำหนดนโยบายที่จะสนับสนุนให้แก่ธุรกิจ ททท.ก็เป็นผู้ทำการตลาดให้ และเปิดโอกาสให้เอกชนได้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ประเทศที่เป็นตลาดหลักของลองสเตย์คือ ญี่ปุ่น และยุโรป
