นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นมีวิชาก้นถุงอยู่อย่าง คือ ถ้าหากเจอกับคนที่อายุน้อยกว่า ก็จะถามว่า ตอนที่เกิดเหตุอายุเท่าไหร่ เกิดหรือยัง
และถ้าหากถูกนักข่าวซักไซร้ไล่เลียงเอามากๆ ก็จะย้อนถามกลับว่า มีความคิดเท่านั้นแหละหรือ สติปัญญามีแค่นี้ละหรือ
เอาความที่อายุมากข่มอย่างหนึ่ง เอาคำถามที่ย้อนกลับไปยังนักข่าว ว่าสติปัญญาเขามีแค่นั้นแหละหรืออย่างหนึ่ง เอาตัวรอด
แต่วิชาก้นถุงของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่น เมื่อใช้บ่อยเข้าก็เฝือ ใช้ไม่ได้ ไปไม่รอด
นายสมัคร สุนทรเวช จึงกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดูอัปยศอดสูที่สุด นับตั้งแต่มีประเทศไทยเกิดขึ้นมาในโลก
เรื่องอย่างนี้นายสมัครเองก็รู้และยอมรับ เพราะเคยบ่นด้วยความน้อยอกน้อยใจว่า ช่างประชดประชัน ช่างดูถูกกันเหลือเกิน
ก็จะไม่ให้ดูถูกดูแคลนได้อย่างไรเล่า ในเมื่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นทำตัวให้เป็นเช่นนั้นเอง
ก่อนหน้าที่จะได้รับโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ก็พยายามสงบเสงี่ยมเจียมตัว เก็บคำพูดคำจาเอาไว้ เพราะไม่แน่ใจนักว่าพรรคพลังประชาชนซึ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ เลยกับนายสมัคร สุนทรเวช จะยกมือสนับสนุนให้เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่
แต่เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว นายสมัคร สุนทรเวช ก็ยิ่งไม่แน่ใจ เพราะยังไม่ผ่านกระบวนการแถลงนโยบาย
“นี่ดีนะที่การแถลงนโยบายไม่จำเป็นจะต้องลงมติด้วยเสียงข้างมากให้บริหารประเทศหรือไม่ แถลงนโยบายเสร็จแล้วก็บริหารประเทศได้เลย”
รัฐบาลหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช บริหารประเทศมาแล้วเดือนกว่า ประชาชนต่างก็รู้สึกว่า นานแสนนานประหนึ่งเป็นกัปเป็นกัลป์
เขาเข้ามาบริหารประเทศในยามที่ประเทศเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ เขาก็คิดขึ้นได้ว่า น่าจะใช้เศษสตางค์ซื้อข้าวของเครื่องอุปโภคบริโภค จะได้ไม่แพง ขึ้นราคาทีละสลึง ห้าสิบสตางค์
แต่เมื่อความคิดของเขาถูกโต้ว่าเหรียญสลึง เหรียญห้าสิบสตางค์ ไม่มีความหมายแล้ว เขาก็บอกว่าเศษสตางค์ของเขา หมายถึงเหรียญ 5 บาท 10 บาท
เล่นกับเขาซิ!
วันดีคืนดีมีเสียงพูดกันว่า ประเทศเราจะเอาอย่างไรกับกาสิโน เขาก็บอกว่า จะทำกาสิโนให้ถูกกฎหมาย
ครั้นมีคนลุกขึ้นมาต่อต้าน เขาก็บอกว่า ไม่เคยบอกเลยว่า รัฐบาลจะทำเอง
เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเฮละโลไปรับ มีผู้คนพูดถึงนายกรัฐมนตรีตัวจริง ตัวแทน เขาก็ย้อนถามนักข่าวว่า สติปัญญาคิดกันได้แค่นี้ละหรือ
กล่าวคือ งัดวิชาก้นถุงของเขาออกมาใช้
เครื่องอุปโภคบริโภคแพง หมูราคากิโลกรัมละ 120 บาท รองนายกรัฐมนตรี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ พยายามแก้ไขให้เหลือ 98 บาท (ขายบางจุด) แต่นายสมัครบอกว่า หมูแพงก็ให้หันไปกินไก่แทน เพราะถ้าหากไม่มีใครซื้อหมูแล้วราคาหมูก็จะถูกลงเอง
ช่างเป็นความคิดที่แสนจะวิเศษอะไรอย่างนั้น
แต่ชาวบ้านบอกว่า ถ้าหากนายกรัฐมนตรีคิดได้แค่นี้ เอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ เพราะไม่ต้องมีใครบอกเขาหรอกครับว่า สินค้าอย่างใดแพง อย่างใดถูก เขาควรจะบริโภคอย่างไร เป็นต้นว่า มีเงินอยู่ 100 บาท เขารู้ว่าควรจะเก็บเป็นค่ารถเมล์เท่าไหร่ ค่าข้าวแกงเท่าไหร่ ค่ายาสูบเท่าไหร่
นายสมัคร สุนทรเวช ไม่ต้องมาเปลืองสมองคิดแทนเขาหรอกครับ
มีการย้ายข้าราชการ 4 ตำแหน่ง คือ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหนึ่ง เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาหนึ่ง อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์หนึ่ง และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกหนึ่ง
หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างก็เสนอข่าว การเล่นงานข้าราชการประจำระลอกแรก
นายสมัคร ก็บอกว่า แค่ 4 ตำแหน่งก็ทำเป็นโวยวาย ทีเมื่อ 16-17 เดือนที่แล้ว เขาย้ายกันโครมๆ ไม่เห็นมีใครเขาพูด
นายสมัคร สุนทรเวช พูดเอาดีว่า ในยุคสมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี ย้ายกันแค่ 4 คนแล้วมาโวยวาย
ที คมช. ย้ายไม่เห็นมีใครร้อง
ที่ไม่มีใครเขาร้อง นายสมัครเองก็รู้ว่า นั่นเพราะสถานการณ์ปฏิวัติรัฐประหารหนึ่ง และผู้ก่อการปฏิวัติรัฐประหาร เขาจะต้องเอาอำนาจเก่าออกไปหนึ่ง
นายสมัครพูดเหมือนจะบอกใครต่อใครว่า เขาไม่เอากับการปฏิวัติ ไม่เอากับการยึดอำนาจ
ทุเรศ! เพราะประวัติศาสตร์ตรงนี้ไม่มีใครลืมว่า เขาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบหนังสือพิมพ์ และเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยกับการยึดอำนาจ 6 ตุลาคม
และเขา และประชาชนต่างก็รู้ว่า การเอาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษออกไปเพื่อเคลียร์หนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่สำนวนสั่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว
ใครที่มีสติปัญญา และสมองแค่นั้น
อย่างที่นายสมัครพูด คิดว่าประชาชนไม่รู้ละหรือ?
และถ้าหากถูกนักข่าวซักไซร้ไล่เลียงเอามากๆ ก็จะย้อนถามกลับว่า มีความคิดเท่านั้นแหละหรือ สติปัญญามีแค่นี้ละหรือ
เอาความที่อายุมากข่มอย่างหนึ่ง เอาคำถามที่ย้อนกลับไปยังนักข่าว ว่าสติปัญญาเขามีแค่นั้นแหละหรืออย่างหนึ่ง เอาตัวรอด
แต่วิชาก้นถุงของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่น เมื่อใช้บ่อยเข้าก็เฝือ ใช้ไม่ได้ ไปไม่รอด
นายสมัคร สุนทรเวช จึงกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดูอัปยศอดสูที่สุด นับตั้งแต่มีประเทศไทยเกิดขึ้นมาในโลก
เรื่องอย่างนี้นายสมัครเองก็รู้และยอมรับ เพราะเคยบ่นด้วยความน้อยอกน้อยใจว่า ช่างประชดประชัน ช่างดูถูกกันเหลือเกิน
ก็จะไม่ให้ดูถูกดูแคลนได้อย่างไรเล่า ในเมื่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นทำตัวให้เป็นเช่นนั้นเอง
ก่อนหน้าที่จะได้รับโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ก็พยายามสงบเสงี่ยมเจียมตัว เก็บคำพูดคำจาเอาไว้ เพราะไม่แน่ใจนักว่าพรรคพลังประชาชนซึ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ เลยกับนายสมัคร สุนทรเวช จะยกมือสนับสนุนให้เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่
แต่เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว นายสมัคร สุนทรเวช ก็ยิ่งไม่แน่ใจ เพราะยังไม่ผ่านกระบวนการแถลงนโยบาย
“นี่ดีนะที่การแถลงนโยบายไม่จำเป็นจะต้องลงมติด้วยเสียงข้างมากให้บริหารประเทศหรือไม่ แถลงนโยบายเสร็จแล้วก็บริหารประเทศได้เลย”
รัฐบาลหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช บริหารประเทศมาแล้วเดือนกว่า ประชาชนต่างก็รู้สึกว่า นานแสนนานประหนึ่งเป็นกัปเป็นกัลป์
เขาเข้ามาบริหารประเทศในยามที่ประเทศเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ เขาก็คิดขึ้นได้ว่า น่าจะใช้เศษสตางค์ซื้อข้าวของเครื่องอุปโภคบริโภค จะได้ไม่แพง ขึ้นราคาทีละสลึง ห้าสิบสตางค์
แต่เมื่อความคิดของเขาถูกโต้ว่าเหรียญสลึง เหรียญห้าสิบสตางค์ ไม่มีความหมายแล้ว เขาก็บอกว่าเศษสตางค์ของเขา หมายถึงเหรียญ 5 บาท 10 บาท
เล่นกับเขาซิ!
วันดีคืนดีมีเสียงพูดกันว่า ประเทศเราจะเอาอย่างไรกับกาสิโน เขาก็บอกว่า จะทำกาสิโนให้ถูกกฎหมาย
ครั้นมีคนลุกขึ้นมาต่อต้าน เขาก็บอกว่า ไม่เคยบอกเลยว่า รัฐบาลจะทำเอง
เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเฮละโลไปรับ มีผู้คนพูดถึงนายกรัฐมนตรีตัวจริง ตัวแทน เขาก็ย้อนถามนักข่าวว่า สติปัญญาคิดกันได้แค่นี้ละหรือ
กล่าวคือ งัดวิชาก้นถุงของเขาออกมาใช้
เครื่องอุปโภคบริโภคแพง หมูราคากิโลกรัมละ 120 บาท รองนายกรัฐมนตรี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ พยายามแก้ไขให้เหลือ 98 บาท (ขายบางจุด) แต่นายสมัครบอกว่า หมูแพงก็ให้หันไปกินไก่แทน เพราะถ้าหากไม่มีใครซื้อหมูแล้วราคาหมูก็จะถูกลงเอง
ช่างเป็นความคิดที่แสนจะวิเศษอะไรอย่างนั้น
แต่ชาวบ้านบอกว่า ถ้าหากนายกรัฐมนตรีคิดได้แค่นี้ เอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ เพราะไม่ต้องมีใครบอกเขาหรอกครับว่า สินค้าอย่างใดแพง อย่างใดถูก เขาควรจะบริโภคอย่างไร เป็นต้นว่า มีเงินอยู่ 100 บาท เขารู้ว่าควรจะเก็บเป็นค่ารถเมล์เท่าไหร่ ค่าข้าวแกงเท่าไหร่ ค่ายาสูบเท่าไหร่
นายสมัคร สุนทรเวช ไม่ต้องมาเปลืองสมองคิดแทนเขาหรอกครับ
มีการย้ายข้าราชการ 4 ตำแหน่ง คือ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหนึ่ง เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาหนึ่ง อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์หนึ่ง และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกหนึ่ง
หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างก็เสนอข่าว การเล่นงานข้าราชการประจำระลอกแรก
นายสมัคร ก็บอกว่า แค่ 4 ตำแหน่งก็ทำเป็นโวยวาย ทีเมื่อ 16-17 เดือนที่แล้ว เขาย้ายกันโครมๆ ไม่เห็นมีใครเขาพูด
นายสมัคร สุนทรเวช พูดเอาดีว่า ในยุคสมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี ย้ายกันแค่ 4 คนแล้วมาโวยวาย
ที คมช. ย้ายไม่เห็นมีใครร้อง
ที่ไม่มีใครเขาร้อง นายสมัครเองก็รู้ว่า นั่นเพราะสถานการณ์ปฏิวัติรัฐประหารหนึ่ง และผู้ก่อการปฏิวัติรัฐประหาร เขาจะต้องเอาอำนาจเก่าออกไปหนึ่ง
นายสมัครพูดเหมือนจะบอกใครต่อใครว่า เขาไม่เอากับการปฏิวัติ ไม่เอากับการยึดอำนาจ
ทุเรศ! เพราะประวัติศาสตร์ตรงนี้ไม่มีใครลืมว่า เขาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบหนังสือพิมพ์ และเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยกับการยึดอำนาจ 6 ตุลาคม
และเขา และประชาชนต่างก็รู้ว่า การเอาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษออกไปเพื่อเคลียร์หนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่สำนวนสั่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว
ใครที่มีสติปัญญา และสมองแค่นั้น
อย่างที่นายสมัครพูด คิดว่าประชาชนไม่รู้ละหรือ?