อดีตแกนนำทีไอทีวีคึกคัก ตั้งบริษัทหลากหลาย เข้ารับงานผลิตรายการข่าวสาร สาระ ให้กับทุกสถานี รวมทั้งเป้าหมายใหญ่ที่ช่อง 11 ด้วย แต่ยังไม่ชัดเจนจะเข้าไปในลักษณะใด ด้านจักรภพ เตรียมเปิดโฉมหน้าใหม่ช่อง โมเดิร์นอีเลฟเว่นวันที่ 24 มีนาคมนี้ ส่วนช่องทีพีบีเอส “เดชอุดม" เผยหลักเกณฑ์สรรหากรรมการนโยบาย ไทยพีบีเอส 2 แนวทาง เปิดรับสมัคร-เสนอชื่อ ภายใน 31 มี.ค. คาดชงนายกฯ ภายในก.ค.นี้
แหล่งข่าวจากวงการมีเดีย กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าติดตามเกี่ยวกับอดีตพนักงานสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีเดิมกลุ่มหนึ่งที่ได้มีการรวมตัวกันเพื่อเข้าไปรับงานผลิตรายการให้กับช่อง 11 ของกรมประชาสัมพันธ์ ที่นายจักภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างการเตรียมเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ให้เป็น โมเดริน์ อีเลฟเว่น ตามนโยบายของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
โดยบรรดาแกนนำบางคนที่ก่อนหน้านี้ต่อต้านการเปลี่ยนทีไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะนั้น ได้มีการแยกตัวออกไปเป็นกลุ่มแล้วจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่หลายบริษัท เช่น บริษัท ตัวจริง เสียงจริง ครีเอชั่น จำกัด บริษัท ย้อนรอย ถอดรหัส จำกัด บริษัท อินดิเพนเด้นท์นิวส์เซ็นเตอร์ จำกัดและอีกหลายบริษัท ซึ่งแนวทางการทำงานนั้นส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การผลิตรายการประเภทข่าวสาร สาระ สารคดี เป็นหลัก
ทั้งนี้จะมีแกนนำคนหนึ่งเป็นคนที่คอยติดต่อประสานงานกับอดีตพนักงานเหล่านี้ เพื่อที่จะหาทางในการรับจ้างผลิตรายการให้กับสถานีโทรทัศน์แต่ละช่อง รวมทั้งช่อง 11 ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีกระแสข่าวว่า บริษัทย้อนรอยฯก็ได้รับงานผลิตรายการป้อนให้กับช่อง 3 แล้วด้วย ขณะที่ช่อง 11 นั้นก็มีบางบริษัทที่ได้รับการติดต่อมาจากทางผู้ใหญ่ เพื่อให้เข้าไปรับงานการผลิตรายการและข่าวให้กับช่อง 11 แต่ว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าจะเข้าไปรับงานในลักษณะอย่างไรไม่ว่าจะเป็นการประมูล การว่าจ้างหรือลูกจ้าง
โดยแนวทางที่จะเข้ารับงานผลิตข่าวให้กับช่อง 11 นั้น ทางทีมบริษัทใหม่ของอดีตแกนนำและพนักงานทีไอทีวีเดิมนั้นจะเข้าไปร่วมผลิตกับพนักงานเดิมของช่อง 11 รวมทั้งบริษัทเอกชนบางรายที่อาจจะยังมีสัญญาเหลืออยู่บ้าง โดยคาดว่าจะได้ผลิตรายการข่าวทั้งหมด แบ่งเป็นช่วงๆทั้ง ข่าวภาคเช้า ภาคเที่ยง ภาคเย็น ภาคค่ำ และข่าวต้นชั่วโมง แต่ทั้งนี้รูปแบบยังไม่ชัดเจน นอกจากนั้นก็เป็นรายการประเภทฮาร์ดทอล์คที่มีสาระ
นายจอม เพชรประดับ อดีตแกนนำและพิธีกรรายการของทีไอทีวี กล่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนก่อตั้งบริษัท ตัวจริงฯ แต่เป็นการรวมตัวกันของน้องๆที่ทีไอทีวีที่มีเจตนารมณ์ในการทำงานสื่อสารมวลชนได้รวมกันตั้งขึ้นมา และก็มีอีกหลายกลุ่มเช่นกันตั้งบริษัทอื่นขึ้นมาอีก ทั้งอดีตบรรณาธิการ หัวหน้าข่าว โปรดิวเซอร์ เพราะทุกคนต้องหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ซึ่งในส่วนของบริษัท ตัวจริงฯนั้นมาเชิญให้ตนเข้าไปร่วมงานด้วย แต่ตนไม่ต้องการเข้าไปถือหุ้นเพราะเกรงจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง และยอมรับที่จะเป็นเพียงที่ปรึกษาหรือผู้ดำเนินรายการในรายการที่มีความเหมาะสมกับตนเท่านั้น
“ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเห็นบอกว่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ และก็เลื่อนมาเป็นวันที่ 20 แล้วก็บอกว่าจะเป็นวันที่ 1 เมษายนนี้ เพราะทุกอย่างผมไม่ได้เกี่ยวข้อง แค่เป็นคนที่ถูกชวนให้เข้าไปทำงานเท่านั้น บริษัทใหม่ผมก็ไม่ได้ตั้งขึ้นมาด้วย เพราะกลัวจะมีปัญหาทางด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” นายจอมกล่าว
ทั้งนี้นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมที่จะแถลงข่าวรายละเอียดของการปรับโฉมหน้าของช่อง 11 ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะมีการแบ่งออกเป็น 3 เฟส คือ เฟสแรก จะทำการปรับรายการข่าว ซึ่งจะเริ่มวันที่ 31 มีนาคมนี้ เฟสที่สองจะปรับรายการทั่วไป เริ่มวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ และเฟสที่สาม จะเริ่มถัดไปอีก 3 เดือนต่อจากเฟสที่สอง จะทำการประเมินภาพรวมภายหลังการปรับโฉมทั้งหมด
**เผยเกณฑ์กรรมการนโยบายทีพีบีเอส
นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา กรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องจากคณะกรรมการสรรหามีหน้าที่คัดเลือกบุคคลที่สมควรจะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการนโยบาย ตามพ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 จำนวน 9 คน จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์การสรรหาโดยใช้ทั้งการเปิดรับสมัคร และการเสนอชื่อของแต่ละองค์กรหรือหน่วยงาน โดยมีคุณสมบัติคือ มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี สุจริต เป็นอิสระ มีความรู้ ประสบการณ์ และมีผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ในด้านใดด้านหนึ่งของสื่อสารมวลชน การบริหารจัดการองค์กร การส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม
ทั้งนี้ กรรมนโยบายถือเป็นตำแหน่งสำคัญในการกำหนดผังแม่บทของสถานีโทรทัศน์ และเป็นผู้เลือกกรรมการบริหาร เพื่อนำสู่การเลือกผู้อำนวยการสถานีคนใหม่ จึงต้องคัดสรรด้วยความโปร่งใส ด้วยวิธีเปิดรับสมัครและการเสนอชื่อ โดยผู้สนใจสามารถขอรับใบสมัครได้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือจากเว็บไซต์ www.opm.go.th และ www.ThaiPBS.or.th พร้อมกับยื่นใบสมัครมาที่อาคารสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายในวันที่ 31 มี.ค.51 ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถสรรหากรรมการนโยบายและเสนอรายชื่อต่อนายกรัฐมนตรีได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้
แหล่งข่าวจากวงการมีเดีย กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าติดตามเกี่ยวกับอดีตพนักงานสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีเดิมกลุ่มหนึ่งที่ได้มีการรวมตัวกันเพื่อเข้าไปรับงานผลิตรายการให้กับช่อง 11 ของกรมประชาสัมพันธ์ ที่นายจักภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างการเตรียมเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ให้เป็น โมเดริน์ อีเลฟเว่น ตามนโยบายของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
โดยบรรดาแกนนำบางคนที่ก่อนหน้านี้ต่อต้านการเปลี่ยนทีไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะนั้น ได้มีการแยกตัวออกไปเป็นกลุ่มแล้วจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่หลายบริษัท เช่น บริษัท ตัวจริง เสียงจริง ครีเอชั่น จำกัด บริษัท ย้อนรอย ถอดรหัส จำกัด บริษัท อินดิเพนเด้นท์นิวส์เซ็นเตอร์ จำกัดและอีกหลายบริษัท ซึ่งแนวทางการทำงานนั้นส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การผลิตรายการประเภทข่าวสาร สาระ สารคดี เป็นหลัก
ทั้งนี้จะมีแกนนำคนหนึ่งเป็นคนที่คอยติดต่อประสานงานกับอดีตพนักงานเหล่านี้ เพื่อที่จะหาทางในการรับจ้างผลิตรายการให้กับสถานีโทรทัศน์แต่ละช่อง รวมทั้งช่อง 11 ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีกระแสข่าวว่า บริษัทย้อนรอยฯก็ได้รับงานผลิตรายการป้อนให้กับช่อง 3 แล้วด้วย ขณะที่ช่อง 11 นั้นก็มีบางบริษัทที่ได้รับการติดต่อมาจากทางผู้ใหญ่ เพื่อให้เข้าไปรับงานการผลิตรายการและข่าวให้กับช่อง 11 แต่ว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าจะเข้าไปรับงานในลักษณะอย่างไรไม่ว่าจะเป็นการประมูล การว่าจ้างหรือลูกจ้าง
โดยแนวทางที่จะเข้ารับงานผลิตข่าวให้กับช่อง 11 นั้น ทางทีมบริษัทใหม่ของอดีตแกนนำและพนักงานทีไอทีวีเดิมนั้นจะเข้าไปร่วมผลิตกับพนักงานเดิมของช่อง 11 รวมทั้งบริษัทเอกชนบางรายที่อาจจะยังมีสัญญาเหลืออยู่บ้าง โดยคาดว่าจะได้ผลิตรายการข่าวทั้งหมด แบ่งเป็นช่วงๆทั้ง ข่าวภาคเช้า ภาคเที่ยง ภาคเย็น ภาคค่ำ และข่าวต้นชั่วโมง แต่ทั้งนี้รูปแบบยังไม่ชัดเจน นอกจากนั้นก็เป็นรายการประเภทฮาร์ดทอล์คที่มีสาระ
นายจอม เพชรประดับ อดีตแกนนำและพิธีกรรายการของทีไอทีวี กล่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนก่อตั้งบริษัท ตัวจริงฯ แต่เป็นการรวมตัวกันของน้องๆที่ทีไอทีวีที่มีเจตนารมณ์ในการทำงานสื่อสารมวลชนได้รวมกันตั้งขึ้นมา และก็มีอีกหลายกลุ่มเช่นกันตั้งบริษัทอื่นขึ้นมาอีก ทั้งอดีตบรรณาธิการ หัวหน้าข่าว โปรดิวเซอร์ เพราะทุกคนต้องหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ซึ่งในส่วนของบริษัท ตัวจริงฯนั้นมาเชิญให้ตนเข้าไปร่วมงานด้วย แต่ตนไม่ต้องการเข้าไปถือหุ้นเพราะเกรงจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง และยอมรับที่จะเป็นเพียงที่ปรึกษาหรือผู้ดำเนินรายการในรายการที่มีความเหมาะสมกับตนเท่านั้น
“ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเห็นบอกว่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ และก็เลื่อนมาเป็นวันที่ 20 แล้วก็บอกว่าจะเป็นวันที่ 1 เมษายนนี้ เพราะทุกอย่างผมไม่ได้เกี่ยวข้อง แค่เป็นคนที่ถูกชวนให้เข้าไปทำงานเท่านั้น บริษัทใหม่ผมก็ไม่ได้ตั้งขึ้นมาด้วย เพราะกลัวจะมีปัญหาทางด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย” นายจอมกล่าว
ทั้งนี้นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมที่จะแถลงข่าวรายละเอียดของการปรับโฉมหน้าของช่อง 11 ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะมีการแบ่งออกเป็น 3 เฟส คือ เฟสแรก จะทำการปรับรายการข่าว ซึ่งจะเริ่มวันที่ 31 มีนาคมนี้ เฟสที่สองจะปรับรายการทั่วไป เริ่มวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ และเฟสที่สาม จะเริ่มถัดไปอีก 3 เดือนต่อจากเฟสที่สอง จะทำการประเมินภาพรวมภายหลังการปรับโฉมทั้งหมด
**เผยเกณฑ์กรรมการนโยบายทีพีบีเอส
นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา กรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องจากคณะกรรมการสรรหามีหน้าที่คัดเลือกบุคคลที่สมควรจะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการนโยบาย ตามพ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 จำนวน 9 คน จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์การสรรหาโดยใช้ทั้งการเปิดรับสมัคร และการเสนอชื่อของแต่ละองค์กรหรือหน่วยงาน โดยมีคุณสมบัติคือ มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี สุจริต เป็นอิสระ มีความรู้ ประสบการณ์ และมีผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ในด้านใดด้านหนึ่งของสื่อสารมวลชน การบริหารจัดการองค์กร การส่งเสริมประชาธิปไตย การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่น การเรียนรู้และศึกษา การคุ้มครองและพัฒนาเด็ก เยาวชนหรือครอบครัว หรือการส่งเสริมสิทธิของผู้ด้อยโอกาสทางสังคม
ทั้งนี้ กรรมนโยบายถือเป็นตำแหน่งสำคัญในการกำหนดผังแม่บทของสถานีโทรทัศน์ และเป็นผู้เลือกกรรมการบริหาร เพื่อนำสู่การเลือกผู้อำนวยการสถานีคนใหม่ จึงต้องคัดสรรด้วยความโปร่งใส ด้วยวิธีเปิดรับสมัครและการเสนอชื่อ โดยผู้สนใจสามารถขอรับใบสมัครได้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือจากเว็บไซต์ www.opm.go.th และ www.ThaiPBS.or.th พร้อมกับยื่นใบสมัครมาที่อาคารสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายในวันที่ 31 มี.ค.51 ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถสรรหากรรมการนโยบายและเสนอรายชื่อต่อนายกรัฐมนตรีได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้
