"บรรยิน"เปิดศึกโชว์แมน อัด"มิ่งขวัญ"แก้หมูแพง ต้องแก้ทั้งระบบ ไม่ใช่ใช้วิธีทำตลาดปั่นป่วน ถล่มเละขายไปได้ไงกิโลละ 98 บาท คนเลี้ยงมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง แถมยังสื่อสารไม่ชัด คนเข้าใจหมูต้อง 98 บาททั่วประเทศ แต่เอาเข้าจริงมีขายแค่ในห้างกับบางตลาด ขู่ถอนยวง หากยังไม่ได้คุมกรมการค้าภายใน ด้าน"มิ่งขวัญ" ยันแบ่งงานไม่มีปัญหา ส่วนผู้ผลิตสินค้าชี้ไม่มีแผนระยาวในการแก้ปัญหามุ่งแต่พีอาร์ "สมัคร"ใช้มุกเดิมหมูแพงก็เลิกกินหมู หันมากินไก่ต้มฟักแทน
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวถึง การแก้ไขปัญหาหมูราคาแพงว่า ต้องแก้ไขทั้งระบบ ไม่ใช่มาแก้ไขที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง หากหมูหน้าเขียงแพง ก็ต้องดูว่าแพงเพราะหมูเป็นหน้าฟาร์มใช่หรือไม่ และหมูเป็นหน้าฟาร์มทำไมราคาสูงขึ้น เป็นเพราะต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้นใช่หรือไม่ ดังนั้น จึงต้องเข้าไปแก้ไขตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งมีวิธีการมากมาย เช่น การลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ หรืออาจตั้งกองทุนขึ้นมาช่วยเหลือเกษตรกร
"ถ้าลดต้นทุนได้ตั้งแต่ต้นทาง หมูหน้าเขียงก็จะลดตามลงมา การจะทำให้หมูหน้าเขียงอยู่ในราคาเดียวกันได้ทั้งหมด ก็ควรต้องแก้ไขกันทั้งระบบ"
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวด้วยว่า หลังจากที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้ประกาศลดราคาหมูเนื้อแดงลงมาเหลือก.ก.ละ 98 บาท ก็มีกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร และผู้ค้ารายย่อย โทรศัพท์เข้ามาต่อว่าตนอย่างต่อเนื่อง ว่า กระทรวงพาณิชย์ทำไปได้อย่างไร เพราะต้นทุนการเลี้ยงหมูที่แท้จริงไม่สามารถที่จะจำหน่ายในราคา 98 บาทได้ ทำให้ผู้ประกอบการที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการกับกระทรวงพาณิชย์ เดือนร้อนมาก โดยเฉพาะตามต่างจังหวัด เพราะประชาชนไม่ยอมซื้อหมู เนื่องจากต้องการซื้อในราคา 98 บาทเท่านั้น
ทั้งนี้ เรื่องหมูที่ประกาศไปแล้ว และกำลังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเกิดจากการสื่อสารไม่ชัดเจน มุ่งประชาสัมพันธ์มากกว่าการแก้ไขอย่างจริงจัง ทำให้ประชาชนเข้าใจว่า เนื้อหมูจะต้องราคา 98 บาทหมดทั่วประเทศ ทั้งที่จริงตามข้อตกลง คือ จะแทรกแซงหมูราคาถูกแค่บางส่วน หรือในห้างค้าปลีก และบางตลาดเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งห้างค้าปลีกเขายอมขาดทุนจากตรงนี้ เพื่อที่จะได้กำไรตรงส่วนอื่น หากให้ห้างค้าปลีกขาย 90 บาท/กก. เขายังยอมทำเลย เพราะเมื่อคนไปซื้อหมูถูกที่ห้าง ก็อาจซื้อสินค้าชนิดอื่นด้วย ตรงนี้เขายอมอยู่แล้ว
"การประกาศอย่างนี้เท่ากับทำให้คนเข้าใจผิดหมดว่า เขียงหมูทั่วประเทศจะต้องขายในราคา 98 บาท ทำให้เขาเดือนร้อนอย่างมาก และเนื้อหมูที่ลดราคาเหลือ 98 บาท ก็ต้องระบุด้วยว่า เป็นเนื้อส่วนไหน เพราะหมูก็มีเนื้อหลายส่วนที่ราคาขายแตกต่างกัน ซึ่งผมในฐานะรมช.พาณิชย์ ทางตัวแทน และชาวบ้านในพื้นที่รับผิดชอบ พอเห็นข่าวออกมาอย่างนี้ก็รับไม่ได้ และโทรเข้ามาสอบถามเต็มไปหมด" พ.ต.ท.บรรยินกล่าว
ส่วนปัญหาเรื่องการแบ่งงานนั้น ขณะนี้หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยกับ พลังประชาชน กำลังคุยถึงเรื่องการแบ่งงานในกระทรวงพาณิชย์ใหม่ เพื่อให้ทำตามข้อตกลงเดิม ที่พรรคมัชฌิมาขอดูแล กรมการค้าภายใน ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการหารือภายในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นก็จะเรียกประชุมกับผู้บริหารระดับสูงของกรมที่ตนดูแลต่อไป
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่า นายมิ่งขวัญ อาจไม่ทราบเรื่องการแบ่งงานไว้แต่แรกระหว่างพรรคพลังประชาชน กับพรรคมัชฌิมาฯ ว่าตกลงกันไว้อย่างไร แต่เมื่อมีการทำผิดข้อตกลง หากพรรคให้ถอนตัว ตนก็พร้อมที่จะถอนตัวเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ได้รายงานให้ผู้ใหญ่ในพรรคทราบแล้ว ซึ่งทางพรรคก็ไม่พอใจเช่นกัน
**"มิ่งขวัญ"ยันแบ่งงานไม่มีปัญหา
ด้านนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.บรรยิน แสดงความไม่พอใจกับการแบ่งงานในกระทรวงพาณิชย์ ว่า ก็คงต้องว่ากันไป ซึ่งเที่ยวนี้เป็นเที่ยวพิเศษ เพราะที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ มีรัฐมนตรีช่วยเพียงคนเดียว แต่ครั้งนี้มีถึง 2 คน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีกรมใหญ่ๆ อยู่ 6 กรมได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วย ดูแลคนละ 2 กรม และช่วยกันทำ ซึ่งในการแบ่งครั้งนี้ไม่ได้แบ่งแบบเด็ดขาดแต่ยังต้องช่วยกันทำ
ส่วนที่ พ.ต.ท.บรรยิน ขอเข้ามาช่วยดูแลกรมการค้าภายในจะมีปัญหาหรือไม่ นายมิ่งขวัญ กล่าวว่าไม่มีอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ เพราะเป็นพี่ๆน้องๆกัน ซึ่งตนเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่แล้ว
นายมิ่งขวัญยังกล่าวถึง การแก้ปัญหาราคาหมูแพงว่า ได้รับความร่วมมืออย่างดี เพราะหมูที่เข้าร่วมโครงการ จะมีคุณภาพที่ดี ซึ่งตนยืนยันว่า ราคาหมูเป็นจะบวกลบเท่ากับ 58 บาท แต่ถ้าชำแหละขายหมูเนื้อแดง จะอยู่ที่ราคาก.ก.ละ 98 บาท ซึ่งวันที่ 10 มี.ค.นี้ ตนจะแถลงข่าว เรื่องราคาสิ้นค้า อุปโภค บริโภคให้ทราบ
**ผู้ผลิตอัดไม่มีแผนรองรับการแก้ปัญหา
แหล่งข่าวจากผู้ผลิตกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งของกระทรวงพาณิชย์ ว่า ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่ากรมการค้าภายในไม่เคยมีแผนระยะยาวในการแก้ปัญหาสินค้าอุปโภค บริโภค ไม่เคยมองภาพรวมของการค้าทั้งระบบ แต่หวังเพื่อทำประชาสัมพันธ์ แม้กระทั่งพ.ต.ท.บรรยิน ยังรู้ว่าการแก้ปัญหาหมู เป็นการทำเพื่อหวังผลด้านประชาสัมพันธ์เท่านั้น
"ราคาน้ำมันขึ้นต่อเนื่องมากว่าสองปีแล้ว แน่นอนต้นทุนสินค้าก็ต้องเพิ่มขึ้นตามตัว แต่ในปีที่ผ่านมากลับประกาศอย่างต่อเนื่องว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2% กว่าๆ ทั้งๆ ที่ราคาสินค้าต่างๆ ขึ้นไปมากแล้ว แต่การแก้ไขปัญหาในลักษณะปัจจุบัน ชี้ให้เห็นว่า กรมการค้าภายในไม่เคยมองปัญหาในภาพรวมอย่างเป็นระบบ และมุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลัก" แหล่งข่าวกล่าว
** “หมัก”ชวนคนไทยกินไก่แทนหมู
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการลดราคาเนื้อหมู ที่มีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งยังไม่ยอมเข้าโครงการว่า จะบอกให้ฟังว่าคนที่เข้าโครงการก็ขอขอบคุณเขา ส่วนที่ไม่เข้าโครงการ ก็ได้บอกท้าทายไปแล้ว เพราะต่อไปประชาชนก็จะไม่บริโภคหมูแพง และจะไปกินอย่างอื่น แล้วถ้าเจ๊งแล้วอย่ามาว่ากัน
นายสมัคร กล่าวว่าเราใช้หลักการว่าทุกคนต้องอยู่ได้ ทั้งนี้ได้ติดตามการทำงานของนายมิ่งขวัญอยู่ ว่าเขาไม่ได้ไปแตะต้องจากฟาร์มคนเลี้ยงอะไรเลย แต่เขาดูว่า จากสุดท้ายตอนที่จะฆ่า ตรงไหนที่เอาเปรียบกันเกินไป ตรงไหนที่เอามากเกินไป ก็เอาให้น้อยหน่อย ส่วนเรื่องของราคาที่ลดลงมาเหลือ 98 บาท ตนคิดว่าถ้าเอา 100 บาท ก็ไม่น่าจะมีใครว่าอะไร หรือทำไมไม่เอา 99 บาท หมายความว่าพวกที่จะเอาชนะกันมันยังมีอยู่ ซึ่งนายมิ่งขวัญ พิสูจน์มาแล้วว่า คนที่ทำเป็นระบบบริษัท มีคนเจรจาความได้
ส่วนที่ทำไมเขาถึงตกลงในราคา 98 บาท นายสมัคร กล่าวว่า เพราะเขามีช่องทาง เขามีสถานที่ แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้เป็นการเอื้อเฟื้อให้ซื้อที่ บิ๊กซี เพราะเขาให้ความร่วมมือ แต่ว่าคนในเขียงต่างๆไม่ร่วมมือ ดังนั้นแทนที่จะซื้อที่ตลาดก็ไปซื้อที่บิ๊กซีแทน
นายสมัคร ยังได้เสนอว่า เมื่อราคาหมูแพงก็เลิกกินหมู แล้วมากินไก่แทน เพราะเนื้อสันหน้าอกไก่ ก.ก.ละ 65 บาท เนื้อหมูก.ก.ละ120 บาท แล้วทำไมไม่กินเนื้อไก่ ซึ่งคุณภาพดีเหมือนกัน
"ผมอยากจะบอกในฐานะคนทำกับข้าวว่าหมู 1 กิโลก็ได้มาเป็นเนื้อหมู 1 กิโล เนื้อไก่ 1 กิโล ไม่มีอะไรมาปนเลย หน้าอกแท้ๆ 65 บาท อร่อยด้วย ไม่กิน จะกิน 120 ผมจะทำยังไง ผมจะถามยังงี้ ก็บอกว่าโอ๊ย โชคดีที่คราวนี้มันไมใช่กระดูก ไม่ใช่โครง" นายสมัครกล่าว และว่าถ้าซื้อตามตลาดก็จะประมาณ 70-80 บาท ก็จะเอามากขึ้นมาหน่อย ทั้งนี้ ไก่ราคา 65 บาท หมู 120 บาท ราคาต่างกันครึ่งต่อครึ่ง จ่ายครึ่งเดียว อร่อยด้วย ตนจึงขอถามว่า ระหว่างหมูผัดกะเพรา กับไก่ผัดกะเพราอันไหนอร่อยกว่ากัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ จะฟื้นโครงไก่ต้มฟักหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า"ไอ้ถามอย่างนี้แปลว่าแดกดัน"
"เอาหมูมาหั่นต้มกับฟัก กับเนื้อหน้าอกไก่มาต้มกับฟัก นี่ก็อร่อยกว่า จะเอาไปต้มกับหน่อไม้ ก็อร่อยกว่า ทุกอย่างมันดีกว่า แต่จะเอาหมูให้ได้" นายสมัคร กล่าว
**ผู้เลี้ยงหมูอัดพาณิชย์บิดเบือนตลาด
นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ แถลงจุดยืนสมาคมฯว่า อยากขอทำความเข้าใจภาพรวมของภาวะราคาหมูในปัจจุบันว่า ธุรกิจเลี้ยงหมูเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ราคามีขึ้นมีลงตามภาวะตลาด ยิ่งในช่วงนี้เกิดภาวะน้ำมัน และวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาสูงผิดปกติ จากการนำไปใช้ผลิตพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นการทำลายวงจรผลิต และยิ่งกดดันให้ผู้เลี้ยงต้องรับภาระสูงมาก
จึงขอวอนให้กระทรวงพาณิชย์ ผู้บริโภค และประชาชนเข้าใจ เพราะการกำหนดราคาหมูของกระทรวงพาณิชย์ ที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เป็นการบิดเบือนกลไกการตลาด จะส่งผลเสียแก่ผู้เลี้ยงรายย่อยที่มีไม่ต่ำกว่า 50,000 รายให้ขาดทุน และมีหนี้สินล้นพ้นตัว โดยสมาคมฯได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาให้ภาครัฐนำมาตรการทางภาษี มาช่วยให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เลี้ยงหมู ทดแทนการบิดเบือนตลาด เพื่อให้ต้นทุนอาหารสัตว์ต่ำลง ซึ่งจะทำให้ราคาเนื้อหมูลดลงตามต้นทุนที่แท้จริง ขณะเดียวกันก็ขอให้เกษตรกรผู้เลี้ยง อย่าตื่นตระหนก และรวมตัวกันฟังแนวทางของสมาคมฯ เป็นหลัก
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวถึง การแก้ไขปัญหาหมูราคาแพงว่า ต้องแก้ไขทั้งระบบ ไม่ใช่มาแก้ไขที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง หากหมูหน้าเขียงแพง ก็ต้องดูว่าแพงเพราะหมูเป็นหน้าฟาร์มใช่หรือไม่ และหมูเป็นหน้าฟาร์มทำไมราคาสูงขึ้น เป็นเพราะต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้นใช่หรือไม่ ดังนั้น จึงต้องเข้าไปแก้ไขตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งมีวิธีการมากมาย เช่น การลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ หรืออาจตั้งกองทุนขึ้นมาช่วยเหลือเกษตรกร
"ถ้าลดต้นทุนได้ตั้งแต่ต้นทาง หมูหน้าเขียงก็จะลดตามลงมา การจะทำให้หมูหน้าเขียงอยู่ในราคาเดียวกันได้ทั้งหมด ก็ควรต้องแก้ไขกันทั้งระบบ"
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวด้วยว่า หลังจากที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้ประกาศลดราคาหมูเนื้อแดงลงมาเหลือก.ก.ละ 98 บาท ก็มีกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร และผู้ค้ารายย่อย โทรศัพท์เข้ามาต่อว่าตนอย่างต่อเนื่อง ว่า กระทรวงพาณิชย์ทำไปได้อย่างไร เพราะต้นทุนการเลี้ยงหมูที่แท้จริงไม่สามารถที่จะจำหน่ายในราคา 98 บาทได้ ทำให้ผู้ประกอบการที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการกับกระทรวงพาณิชย์ เดือนร้อนมาก โดยเฉพาะตามต่างจังหวัด เพราะประชาชนไม่ยอมซื้อหมู เนื่องจากต้องการซื้อในราคา 98 บาทเท่านั้น
ทั้งนี้ เรื่องหมูที่ประกาศไปแล้ว และกำลังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเกิดจากการสื่อสารไม่ชัดเจน มุ่งประชาสัมพันธ์มากกว่าการแก้ไขอย่างจริงจัง ทำให้ประชาชนเข้าใจว่า เนื้อหมูจะต้องราคา 98 บาทหมดทั่วประเทศ ทั้งที่จริงตามข้อตกลง คือ จะแทรกแซงหมูราคาถูกแค่บางส่วน หรือในห้างค้าปลีก และบางตลาดเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งห้างค้าปลีกเขายอมขาดทุนจากตรงนี้ เพื่อที่จะได้กำไรตรงส่วนอื่น หากให้ห้างค้าปลีกขาย 90 บาท/กก. เขายังยอมทำเลย เพราะเมื่อคนไปซื้อหมูถูกที่ห้าง ก็อาจซื้อสินค้าชนิดอื่นด้วย ตรงนี้เขายอมอยู่แล้ว
"การประกาศอย่างนี้เท่ากับทำให้คนเข้าใจผิดหมดว่า เขียงหมูทั่วประเทศจะต้องขายในราคา 98 บาท ทำให้เขาเดือนร้อนอย่างมาก และเนื้อหมูที่ลดราคาเหลือ 98 บาท ก็ต้องระบุด้วยว่า เป็นเนื้อส่วนไหน เพราะหมูก็มีเนื้อหลายส่วนที่ราคาขายแตกต่างกัน ซึ่งผมในฐานะรมช.พาณิชย์ ทางตัวแทน และชาวบ้านในพื้นที่รับผิดชอบ พอเห็นข่าวออกมาอย่างนี้ก็รับไม่ได้ และโทรเข้ามาสอบถามเต็มไปหมด" พ.ต.ท.บรรยินกล่าว
ส่วนปัญหาเรื่องการแบ่งงานนั้น ขณะนี้หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยกับ พลังประชาชน กำลังคุยถึงเรื่องการแบ่งงานในกระทรวงพาณิชย์ใหม่ เพื่อให้ทำตามข้อตกลงเดิม ที่พรรคมัชฌิมาขอดูแล กรมการค้าภายใน ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการหารือภายในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นก็จะเรียกประชุมกับผู้บริหารระดับสูงของกรมที่ตนดูแลต่อไป
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่า นายมิ่งขวัญ อาจไม่ทราบเรื่องการแบ่งงานไว้แต่แรกระหว่างพรรคพลังประชาชน กับพรรคมัชฌิมาฯ ว่าตกลงกันไว้อย่างไร แต่เมื่อมีการทำผิดข้อตกลง หากพรรคให้ถอนตัว ตนก็พร้อมที่จะถอนตัวเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ได้รายงานให้ผู้ใหญ่ในพรรคทราบแล้ว ซึ่งทางพรรคก็ไม่พอใจเช่นกัน
**"มิ่งขวัญ"ยันแบ่งงานไม่มีปัญหา
ด้านนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.บรรยิน แสดงความไม่พอใจกับการแบ่งงานในกระทรวงพาณิชย์ ว่า ก็คงต้องว่ากันไป ซึ่งเที่ยวนี้เป็นเที่ยวพิเศษ เพราะที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ มีรัฐมนตรีช่วยเพียงคนเดียว แต่ครั้งนี้มีถึง 2 คน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีกรมใหญ่ๆ อยู่ 6 กรมได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วย ดูแลคนละ 2 กรม และช่วยกันทำ ซึ่งในการแบ่งครั้งนี้ไม่ได้แบ่งแบบเด็ดขาดแต่ยังต้องช่วยกันทำ
ส่วนที่ พ.ต.ท.บรรยิน ขอเข้ามาช่วยดูแลกรมการค้าภายในจะมีปัญหาหรือไม่ นายมิ่งขวัญ กล่าวว่าไม่มีอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ เพราะเป็นพี่ๆน้องๆกัน ซึ่งตนเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่แล้ว
นายมิ่งขวัญยังกล่าวถึง การแก้ปัญหาราคาหมูแพงว่า ได้รับความร่วมมืออย่างดี เพราะหมูที่เข้าร่วมโครงการ จะมีคุณภาพที่ดี ซึ่งตนยืนยันว่า ราคาหมูเป็นจะบวกลบเท่ากับ 58 บาท แต่ถ้าชำแหละขายหมูเนื้อแดง จะอยู่ที่ราคาก.ก.ละ 98 บาท ซึ่งวันที่ 10 มี.ค.นี้ ตนจะแถลงข่าว เรื่องราคาสิ้นค้า อุปโภค บริโภคให้ทราบ
**ผู้ผลิตอัดไม่มีแผนรองรับการแก้ปัญหา
แหล่งข่าวจากผู้ผลิตกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งของกระทรวงพาณิชย์ ว่า ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่ากรมการค้าภายในไม่เคยมีแผนระยะยาวในการแก้ปัญหาสินค้าอุปโภค บริโภค ไม่เคยมองภาพรวมของการค้าทั้งระบบ แต่หวังเพื่อทำประชาสัมพันธ์ แม้กระทั่งพ.ต.ท.บรรยิน ยังรู้ว่าการแก้ปัญหาหมู เป็นการทำเพื่อหวังผลด้านประชาสัมพันธ์เท่านั้น
"ราคาน้ำมันขึ้นต่อเนื่องมากว่าสองปีแล้ว แน่นอนต้นทุนสินค้าก็ต้องเพิ่มขึ้นตามตัว แต่ในปีที่ผ่านมากลับประกาศอย่างต่อเนื่องว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 2% กว่าๆ ทั้งๆ ที่ราคาสินค้าต่างๆ ขึ้นไปมากแล้ว แต่การแก้ไขปัญหาในลักษณะปัจจุบัน ชี้ให้เห็นว่า กรมการค้าภายในไม่เคยมองปัญหาในภาพรวมอย่างเป็นระบบ และมุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลัก" แหล่งข่าวกล่าว
** “หมัก”ชวนคนไทยกินไก่แทนหมู
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการลดราคาเนื้อหมู ที่มีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งยังไม่ยอมเข้าโครงการว่า จะบอกให้ฟังว่าคนที่เข้าโครงการก็ขอขอบคุณเขา ส่วนที่ไม่เข้าโครงการ ก็ได้บอกท้าทายไปแล้ว เพราะต่อไปประชาชนก็จะไม่บริโภคหมูแพง และจะไปกินอย่างอื่น แล้วถ้าเจ๊งแล้วอย่ามาว่ากัน
นายสมัคร กล่าวว่าเราใช้หลักการว่าทุกคนต้องอยู่ได้ ทั้งนี้ได้ติดตามการทำงานของนายมิ่งขวัญอยู่ ว่าเขาไม่ได้ไปแตะต้องจากฟาร์มคนเลี้ยงอะไรเลย แต่เขาดูว่า จากสุดท้ายตอนที่จะฆ่า ตรงไหนที่เอาเปรียบกันเกินไป ตรงไหนที่เอามากเกินไป ก็เอาให้น้อยหน่อย ส่วนเรื่องของราคาที่ลดลงมาเหลือ 98 บาท ตนคิดว่าถ้าเอา 100 บาท ก็ไม่น่าจะมีใครว่าอะไร หรือทำไมไม่เอา 99 บาท หมายความว่าพวกที่จะเอาชนะกันมันยังมีอยู่ ซึ่งนายมิ่งขวัญ พิสูจน์มาแล้วว่า คนที่ทำเป็นระบบบริษัท มีคนเจรจาความได้
ส่วนที่ทำไมเขาถึงตกลงในราคา 98 บาท นายสมัคร กล่าวว่า เพราะเขามีช่องทาง เขามีสถานที่ แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้เป็นการเอื้อเฟื้อให้ซื้อที่ บิ๊กซี เพราะเขาให้ความร่วมมือ แต่ว่าคนในเขียงต่างๆไม่ร่วมมือ ดังนั้นแทนที่จะซื้อที่ตลาดก็ไปซื้อที่บิ๊กซีแทน
นายสมัคร ยังได้เสนอว่า เมื่อราคาหมูแพงก็เลิกกินหมู แล้วมากินไก่แทน เพราะเนื้อสันหน้าอกไก่ ก.ก.ละ 65 บาท เนื้อหมูก.ก.ละ120 บาท แล้วทำไมไม่กินเนื้อไก่ ซึ่งคุณภาพดีเหมือนกัน
"ผมอยากจะบอกในฐานะคนทำกับข้าวว่าหมู 1 กิโลก็ได้มาเป็นเนื้อหมู 1 กิโล เนื้อไก่ 1 กิโล ไม่มีอะไรมาปนเลย หน้าอกแท้ๆ 65 บาท อร่อยด้วย ไม่กิน จะกิน 120 ผมจะทำยังไง ผมจะถามยังงี้ ก็บอกว่าโอ๊ย โชคดีที่คราวนี้มันไมใช่กระดูก ไม่ใช่โครง" นายสมัครกล่าว และว่าถ้าซื้อตามตลาดก็จะประมาณ 70-80 บาท ก็จะเอามากขึ้นมาหน่อย ทั้งนี้ ไก่ราคา 65 บาท หมู 120 บาท ราคาต่างกันครึ่งต่อครึ่ง จ่ายครึ่งเดียว อร่อยด้วย ตนจึงขอถามว่า ระหว่างหมูผัดกะเพรา กับไก่ผัดกะเพราอันไหนอร่อยกว่ากัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ จะฟื้นโครงไก่ต้มฟักหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า"ไอ้ถามอย่างนี้แปลว่าแดกดัน"
"เอาหมูมาหั่นต้มกับฟัก กับเนื้อหน้าอกไก่มาต้มกับฟัก นี่ก็อร่อยกว่า จะเอาไปต้มกับหน่อไม้ ก็อร่อยกว่า ทุกอย่างมันดีกว่า แต่จะเอาหมูให้ได้" นายสมัคร กล่าว
**ผู้เลี้ยงหมูอัดพาณิชย์บิดเบือนตลาด
นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ แถลงจุดยืนสมาคมฯว่า อยากขอทำความเข้าใจภาพรวมของภาวะราคาหมูในปัจจุบันว่า ธุรกิจเลี้ยงหมูเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ราคามีขึ้นมีลงตามภาวะตลาด ยิ่งในช่วงนี้เกิดภาวะน้ำมัน และวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาสูงผิดปกติ จากการนำไปใช้ผลิตพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นการทำลายวงจรผลิต และยิ่งกดดันให้ผู้เลี้ยงต้องรับภาระสูงมาก
จึงขอวอนให้กระทรวงพาณิชย์ ผู้บริโภค และประชาชนเข้าใจ เพราะการกำหนดราคาหมูของกระทรวงพาณิชย์ ที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ เป็นการบิดเบือนกลไกการตลาด จะส่งผลเสียแก่ผู้เลี้ยงรายย่อยที่มีไม่ต่ำกว่า 50,000 รายให้ขาดทุน และมีหนี้สินล้นพ้นตัว โดยสมาคมฯได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาให้ภาครัฐนำมาตรการทางภาษี มาช่วยให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เลี้ยงหมู ทดแทนการบิดเบือนตลาด เพื่อให้ต้นทุนอาหารสัตว์ต่ำลง ซึ่งจะทำให้ราคาเนื้อหมูลดลงตามต้นทุนที่แท้จริง ขณะเดียวกันก็ขอให้เกษตรกรผู้เลี้ยง อย่าตื่นตระหนก และรวมตัวกันฟังแนวทางของสมาคมฯ เป็นหลัก