ผู้จัดการรายวัน – ดิอาจิโอฯ ปรับกลยุทธ์ซีเอสอาร์ใหม่ ชูแบรนด์ผลิตภัณฑ์นำองค์กร อัดฉีงบ 90 ล้านบาท เสริมภาพลักษณ์การตลาด ทุ่ม 50 ล้านบาท ส่งโครงการฟิงเกอร์ สแกน ติดตั้งสถานบันเทิง 100 แห่งทั่วประเทศ
นางสาวศนิตา คาจิจิ รองประธานกรรมการบริหารด้านการตลาด บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ภาครัฐมีมาตรการที่เข้มงวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น โดยได้ออกพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของภาครัฐ บริษัทฯจึงได้ปรับกลยุทธ์การทำซีเอสอาร์หรือการทำตลาดอย่างรับผิดชอบสังคมใหม่ หลังจากเน้นการทำในเชิงคอร์ปอเรตมาสู่การรูปแบบแบรนด์ดิ้ง มาร์เก็ตติ่ง ภายใต้ดิอาจิโอ สมาร์ท ทัช โดยใช้งบ 80-90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 100%
“จากการที่บริษัทดำเนินการตลาดรับผิดชอบสังคม ในเชิงคอร์ปอเรตทำให้เห็นภาพไม่ชัดเจน อาทิ โครงการRed Limo รณรงค์เมาไม่ขับ แต่หลังจากที่บริษัทจัดงานเรด เลเบิ้ล ในช่วงสงกรานต์ปีที่ผ่านมา โดยภายในงานงดนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเห็นภาพการทำตลาดอย่างรับผิดชอบสังคมมากกว่า”
ล่าสุดได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการฟิงเกอร์สแกน โดยติดตั้งเครื่องฟิงเกอร์สแกน ที่สถานบันเทิง จำนวน 100 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ เพื่อช่วยลดปัญหาการดื่มใน กลุ่มเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาบริการสถานบันเทิง
แบ่งเป็น 3 ระยะ นำร่องทุ่มงบ 17 ล้านบาท ติดเครื่องฟังเกอร์สแกน ตามสถานบันเทิงย่านทองหล่อ –เอกมัย 12 แห่ง ในช่วงเวลา 3 เดือน มีผู้ที่เข้ามาสแกนรายนิ้วมือ 2 หมื่นราย หรือคิดเป็นสัดส่วน 60% ที่มาใช้บริการสแกน
ส่วนระยะ 2 ในเดือนมีนาคม-มิถุนายน จะติดตั้ง 50 แห่ง และระยะที่ 3 กรกฎาคม-มิถุนายน 2552 ครบ 100 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะมีเครื่องฟิงเกอร์สแกนมากกว่า 100 เครื่อง โดยมีเงื่อนไขการติดตั้งตามสถานบันเทิงจะต้องเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตร 70% และเป็นร้านค้าที่มีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก
ทั้งนี้โครงการฟิงเกอร์สแกน เป็นโมเดลนำร่องที่ประเทศไทยแห่งแรก หากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ดิอาจิโอฯ ต่างประเทศอาจนำโมเดลดังกล่าวไปปรับใช้ในการทำตลาดอย่างรับผิดชอบสังคมต่อไป
นางสาวศนิตา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังไม่มีความชัดเจน และในส่วนของรายละเอียดการโฆษณาต้องรอจากกฎกระทรวง และรอการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย 4 กระทรวง และนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามแผนการทำตลาดของบริษัทจะปฏิบัติตามพรบ.ใหม่ที่วางไว้ ส่วนภาพรวมตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีนี้ มีภาวะทรงตัว โดยเซกเมนต์พรีเมียมเติบโต แต่สแตนดาร์ดไม่เติบโต
นางสาวศนิตา คาจิจิ รองประธานกรรมการบริหารด้านการตลาด บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ภาครัฐมีมาตรการที่เข้มงวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น โดยได้ออกพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของภาครัฐ บริษัทฯจึงได้ปรับกลยุทธ์การทำซีเอสอาร์หรือการทำตลาดอย่างรับผิดชอบสังคมใหม่ หลังจากเน้นการทำในเชิงคอร์ปอเรตมาสู่การรูปแบบแบรนด์ดิ้ง มาร์เก็ตติ่ง ภายใต้ดิอาจิโอ สมาร์ท ทัช โดยใช้งบ 80-90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 100%
“จากการที่บริษัทดำเนินการตลาดรับผิดชอบสังคม ในเชิงคอร์ปอเรตทำให้เห็นภาพไม่ชัดเจน อาทิ โครงการRed Limo รณรงค์เมาไม่ขับ แต่หลังจากที่บริษัทจัดงานเรด เลเบิ้ล ในช่วงสงกรานต์ปีที่ผ่านมา โดยภายในงานงดนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเห็นภาพการทำตลาดอย่างรับผิดชอบสังคมมากกว่า”
ล่าสุดได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการฟิงเกอร์สแกน โดยติดตั้งเครื่องฟิงเกอร์สแกน ที่สถานบันเทิง จำนวน 100 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ เพื่อช่วยลดปัญหาการดื่มใน กลุ่มเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาบริการสถานบันเทิง
แบ่งเป็น 3 ระยะ นำร่องทุ่มงบ 17 ล้านบาท ติดเครื่องฟังเกอร์สแกน ตามสถานบันเทิงย่านทองหล่อ –เอกมัย 12 แห่ง ในช่วงเวลา 3 เดือน มีผู้ที่เข้ามาสแกนรายนิ้วมือ 2 หมื่นราย หรือคิดเป็นสัดส่วน 60% ที่มาใช้บริการสแกน
ส่วนระยะ 2 ในเดือนมีนาคม-มิถุนายน จะติดตั้ง 50 แห่ง และระยะที่ 3 กรกฎาคม-มิถุนายน 2552 ครบ 100 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะมีเครื่องฟิงเกอร์สแกนมากกว่า 100 เครื่อง โดยมีเงื่อนไขการติดตั้งตามสถานบันเทิงจะต้องเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตร 70% และเป็นร้านค้าที่มีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก
ทั้งนี้โครงการฟิงเกอร์สแกน เป็นโมเดลนำร่องที่ประเทศไทยแห่งแรก หากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ดิอาจิโอฯ ต่างประเทศอาจนำโมเดลดังกล่าวไปปรับใช้ในการทำตลาดอย่างรับผิดชอบสังคมต่อไป
นางสาวศนิตา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังไม่มีความชัดเจน และในส่วนของรายละเอียดการโฆษณาต้องรอจากกฎกระทรวง และรอการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย 4 กระทรวง และนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามแผนการทำตลาดของบริษัทจะปฏิบัติตามพรบ.ใหม่ที่วางไว้ ส่วนภาพรวมตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีนี้ มีภาวะทรงตัว โดยเซกเมนต์พรีเมียมเติบโต แต่สแตนดาร์ดไม่เติบโต