"เผชิญ" เตรียมรีแบรนด์ดิ้งช่อง 11 เพิ่มเนื้อหาข่าว-บันเทิง 3 เดือนเห็นผล เผยคนทีไอทีวีขอแบ่งเค้ก ลือ "จอม-ตวงพร"อดีตแกนนำทีไอทีวีรวมตัวเข้ารับงานช่อง 11 ด้าน "จักรภพ" รับหน้าเสื่อแทน "สมัคร" มั่วจวกสื่อผ่านทีวีทุกอาทิตย์
นายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ได้รับมอบนโยบายจากนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในการปรับปรุงช่อง 11 ให้เป็นโมเดิร์น อีเลฟเว่น ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 3-4 เดือนนี้ โดยจะให้มีการปรับปรุงเนื้อหาสาระไม่ให้มีความน่าเบื่อ เหมือนหนังสือประวัติศาสตร์ แต่จะทำให้มีความรู้คู่สาระบันเทิง เหมือนหนังสือนิยาย เบื้องต้นจะดำเนินการปรับรูปลักษณ์ใหม่ หรือ รีแบรนด์ดิ้งและให้มีการเพิ่มเนื้อหาสาระข่าวที่มีความสมดุล และเป็นธรรม พร้อมกับปรับปรุง การทำงานคนภายในองค์กรโดยจะทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร ที่กว้างขวางเป็นจริงมากที่สุด
"ในการทำงานไม่ได้รู้สึกหนักใจ และสามารถทำงานได้เพราะช่อง 11 มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างมาก ถือว่าเป็นโอกาสในการรับราชการเพราะตัวเองเกิดและเติบโตจากกรมประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด" นายเผชิญ กล่าว และว่า
ในการทำงานอาจจะมีการดึงคนนอกเข้ามาร่วมงานบางส่วน ในกลุ่มคนนอกจะประกอบด้วย กลุ่มอดีตผู้สื่อข่าวทีไอทีวีเดิมเข้ามาร่วมงานด้วย แต่ไม่ได้เข้ามาทำงานร่วมกับช่อง 11 ทั้งหมด โดยเป็นการเข้ามาร่วมงาน เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์งานองค์กร
ก่อนหน้านี้นายจักรภพ ให้สัมภาษณ์ถึงการปฏิรูปช่อง 11 ว่า คาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมภายในเดือนนี้ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง หลายรายการที่คิดว่าจะขยับไปในทางที่ดีขึ้น หลายรายการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ จะมีการประเมินและเปลี่ยนแปลงแน่นอน และทั้งนี้ในการปฏิรูปช่อง 11 จะไม่กระทบกับบุคคลากรในช่อง 11 แน่นอนและเป็นไปได้ที่จะมีการนำคนนอกเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งขณะนี้ก็มองไว้หลายคนแล้ว
ขณะที่มีกระแสข่าวลือว่า กลุ่มอดีตพนักงานจำนวนหนึ่งของทีไอทีวีที่เป็นระดับแกนนำในการคัดค้านการเปลี่ยนแปลงทีไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะ เช่น นายจอม เพชรประดับ นางสาวตวงพร อัศววิไล เป็นต้น ได้รวมตัวกันคาดว่าอาจจะจัดตั้งเป็นบริษัทเพื่อเข้ามาทำงานให้กับช่อง 11 รวมทั้งมีการทาบทามบุคลากรบางส่วนที่เป็นผู้ประกาศข่าวจากทางช่อง 5 บางคนมาร่วมงานด้วย โดยให้เหตุผลว่าจะเข้ามาร่วมมือในการพัฒนาช่องโมเดิร์นอีเลฟเว่น
ด้านนายจักรภพ ให้สัมภาษณ์ถึงการวิจารณ์ว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ใช้เวที "สนทนาประสาสมัคร" วิจารณ์พาดพิงบุคคลต่างๆ อาทิสื่อมวลชนว่า สถานีช่องโทรทัศน์ช่อง 11 จะมีการเปลี่ยนแปลงในไม่ช้า หลายรายการต้องปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้น เราได้ประกาศไปแล้วว่าเป็นสื่อภาครัฐที่เป็นตัวอย่าง ให้เกิดความสมดุล ประสิทธิภาพ ความเป็นธรรม สำหรับผู้รับสารซึ่งรายการใดที่ถูกวิจารณ์เกี่ยวกับรายการต่างๆ จะนำมาพิจารณาเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภายในเดือนมี.ค.ก็จะเป็นรูปธรรม
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีพูดพาดพิงผู้อื่นในขณะที่ผู้ที่ถูกพาดพิงไม่มีโอกาสได้ชี้แจง ทำให้ตรงข้ามกับหลักการไม่เป็นกลางหรือไม่นั้น นายจักภพ ปฏิเสธว่า ไม่จริง เพราะสื่อมวลชนไม่ได้มีเฉพาะในรายการเท่านั้น สื่อมีข่าวตลอดทั้งวัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หากรู้สึกว่าข้อมูลไม่ได้รับการเผยแพร่ ก็สามารถใช้ประโยชน์ตรงจุดนี้ได้เต็มที่ ซึ่งตนคิดว่าการมาตั้งข้อสังเกตในลักษณะนั้น เป็นการมองที่แคบจนเกินไป สื่อมีบทบาทที่มากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ต้องจับตาดูว่า ทางช่อง 11 จะมีการซื้อลิขสิทธิ์ต่อถ่ายทอดสดโอลิมปิค 2008 จากทีวีพูลหรือไม่ ซึ่งทีวีพูลได้ลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากว่าขณะนี้ทางช่อง 11 ของกรมประชาสัมพันธ์ ได้เปลี่ยนตัวอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ใหม่จากเดิมนายปราโมช รัฐวินิจ มาเป็นนายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการแทน รวมทั้งเปลี่ยนรัฐมนตรีเข้ามาควบคุมดูแลกรมประชาสัมพันธ์ด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทางกรมประชาสัมพันธ์ก็ได้มีการเจรจากับทีวีพูลไว้แล้วในการซื้อลิขสิทธิ์วงเงิน 30 ล้านบาท
นายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ได้รับมอบนโยบายจากนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในการปรับปรุงช่อง 11 ให้เป็นโมเดิร์น อีเลฟเว่น ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 3-4 เดือนนี้ โดยจะให้มีการปรับปรุงเนื้อหาสาระไม่ให้มีความน่าเบื่อ เหมือนหนังสือประวัติศาสตร์ แต่จะทำให้มีความรู้คู่สาระบันเทิง เหมือนหนังสือนิยาย เบื้องต้นจะดำเนินการปรับรูปลักษณ์ใหม่ หรือ รีแบรนด์ดิ้งและให้มีการเพิ่มเนื้อหาสาระข่าวที่มีความสมดุล และเป็นธรรม พร้อมกับปรับปรุง การทำงานคนภายในองค์กรโดยจะทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร ที่กว้างขวางเป็นจริงมากที่สุด
"ในการทำงานไม่ได้รู้สึกหนักใจ และสามารถทำงานได้เพราะช่อง 11 มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างมาก ถือว่าเป็นโอกาสในการรับราชการเพราะตัวเองเกิดและเติบโตจากกรมประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด" นายเผชิญ กล่าว และว่า
ในการทำงานอาจจะมีการดึงคนนอกเข้ามาร่วมงานบางส่วน ในกลุ่มคนนอกจะประกอบด้วย กลุ่มอดีตผู้สื่อข่าวทีไอทีวีเดิมเข้ามาร่วมงานด้วย แต่ไม่ได้เข้ามาทำงานร่วมกับช่อง 11 ทั้งหมด โดยเป็นการเข้ามาร่วมงาน เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์งานองค์กร
ก่อนหน้านี้นายจักรภพ ให้สัมภาษณ์ถึงการปฏิรูปช่อง 11 ว่า คาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมภายในเดือนนี้ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง หลายรายการที่คิดว่าจะขยับไปในทางที่ดีขึ้น หลายรายการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ จะมีการประเมินและเปลี่ยนแปลงแน่นอน และทั้งนี้ในการปฏิรูปช่อง 11 จะไม่กระทบกับบุคคลากรในช่อง 11 แน่นอนและเป็นไปได้ที่จะมีการนำคนนอกเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งขณะนี้ก็มองไว้หลายคนแล้ว
ขณะที่มีกระแสข่าวลือว่า กลุ่มอดีตพนักงานจำนวนหนึ่งของทีไอทีวีที่เป็นระดับแกนนำในการคัดค้านการเปลี่ยนแปลงทีไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะ เช่น นายจอม เพชรประดับ นางสาวตวงพร อัศววิไล เป็นต้น ได้รวมตัวกันคาดว่าอาจจะจัดตั้งเป็นบริษัทเพื่อเข้ามาทำงานให้กับช่อง 11 รวมทั้งมีการทาบทามบุคลากรบางส่วนที่เป็นผู้ประกาศข่าวจากทางช่อง 5 บางคนมาร่วมงานด้วย โดยให้เหตุผลว่าจะเข้ามาร่วมมือในการพัฒนาช่องโมเดิร์นอีเลฟเว่น
ด้านนายจักรภพ ให้สัมภาษณ์ถึงการวิจารณ์ว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ใช้เวที "สนทนาประสาสมัคร" วิจารณ์พาดพิงบุคคลต่างๆ อาทิสื่อมวลชนว่า สถานีช่องโทรทัศน์ช่อง 11 จะมีการเปลี่ยนแปลงในไม่ช้า หลายรายการต้องปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้น เราได้ประกาศไปแล้วว่าเป็นสื่อภาครัฐที่เป็นตัวอย่าง ให้เกิดความสมดุล ประสิทธิภาพ ความเป็นธรรม สำหรับผู้รับสารซึ่งรายการใดที่ถูกวิจารณ์เกี่ยวกับรายการต่างๆ จะนำมาพิจารณาเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภายในเดือนมี.ค.ก็จะเป็นรูปธรรม
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีพูดพาดพิงผู้อื่นในขณะที่ผู้ที่ถูกพาดพิงไม่มีโอกาสได้ชี้แจง ทำให้ตรงข้ามกับหลักการไม่เป็นกลางหรือไม่นั้น นายจักภพ ปฏิเสธว่า ไม่จริง เพราะสื่อมวลชนไม่ได้มีเฉพาะในรายการเท่านั้น สื่อมีข่าวตลอดทั้งวัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หากรู้สึกว่าข้อมูลไม่ได้รับการเผยแพร่ ก็สามารถใช้ประโยชน์ตรงจุดนี้ได้เต็มที่ ซึ่งตนคิดว่าการมาตั้งข้อสังเกตในลักษณะนั้น เป็นการมองที่แคบจนเกินไป สื่อมีบทบาทที่มากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ต้องจับตาดูว่า ทางช่อง 11 จะมีการซื้อลิขสิทธิ์ต่อถ่ายทอดสดโอลิมปิค 2008 จากทีวีพูลหรือไม่ ซึ่งทีวีพูลได้ลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากว่าขณะนี้ทางช่อง 11 ของกรมประชาสัมพันธ์ ได้เปลี่ยนตัวอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ใหม่จากเดิมนายปราโมช รัฐวินิจ มาเป็นนายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการแทน รวมทั้งเปลี่ยนรัฐมนตรีเข้ามาควบคุมดูแลกรมประชาสัมพันธ์ด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทางกรมประชาสัมพันธ์ก็ได้มีการเจรจากับทีวีพูลไว้แล้วในการซื้อลิขสิทธิ์วงเงิน 30 ล้านบาท
