รอยเตอร์/เอเอฟพี - สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นมีมติคว่ำบาตรอิหร่านขั้นที่3 ห้ามเจ้าหน้าที่ซึ่งพัวพันกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านเดินทางไปต่างประเทศ และเพิ่มรายชื่อผู้ที่เข้าข่ายถูกอายัดทรัพย์สิน ทั้งยังเรียกร้องนานาชาติตรวจสอบสิ่งของที่นำเข้าหรือส่งออกจากอิหร่าน หากพบวัตถุต้องสงสัยว่าจะเป็นสินค้าต้องห้าม หยอดยาหอมหากอิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ จะขยายข้อเสนอความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและการค้าที่เคยพูดถึงเมื่อสองปีที่แล้ว
เมื่อวันจันทร์(3) ชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ(ยูเอ็น) อันประกอบด้วยสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกหมุนเวียน 10 ประเทศ มีมติคว่ำบาตรอิหร่านในขั้นที่3 โดยมีสมาชิก 14 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งจีนและรัสเซีย เห็นพ้องกับมติดังกล่าว ขณะที่อินโดนีเซียงดออกเสียง
มติคว่ำบาตรฉบับใหม่นี้ให้เวลาอิหร่านระงับโครงการเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียมภายใน 3 เดือน มิฉะนั้นก็เผชิญกับการคว่ำบาตรในขั้นต่อไป
มติคว่ำบาตรฉบับนี้ยังประกาศห้ามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธอิหร่าน เดินทางไปต่างประเทศ ในทันที และเพิ่มรายชื่อบุคคลและบริษัทที่เข้าข่ายถูกอายัดทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังขยายมาตรการห้ามซื้อขายสิ่งของและเทคโนโลยีที่ใช้ในทางพลเรือนและการทหาร จากแต่เดิมที่ห้ามซื้อขายสิ่งของดังกล่าวบางชนิด มาครอบคลุมถึงสิ่งของหรือเทคโนโลยีดังกล่าวทุกชนิด
มติฉบับนี้ยังเรียกร้องให้นานาชาติเฝ้าระวังสถาบันการเงินทุกแห่งในอิหร่านให้มากขึ้น และควรเฝ้าระวังธนาคารเมลลี และธนาคารซาเดรัต เป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้นานาชาติตรวจสินค้าหรือวัตถุที่ส่งเข้าออกอิหร่านทางเรือ หากสินค้าดังกล่าวตกสงสัยว่าเป็นสินค้าต้องห้าม
หลังจากการลงมติเห็นชอบมติคว่ำบาตรขั้นที่3 ชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น และเยอรมนี ได้ออกคำแถลงเรียกร้องให้ซาอีด จาลิลี หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน กลับมาเจรจากับฆาเบียร์ โซลานา ประธานด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) กันใหม่
ชาติมหาอำนาจ 6 ประเทศยังสัญญาว่า จะขยายความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการค้าที่เคยเสนอต่ออิหร่านเมื่อปี2006 หากรัฐบาลเตหะรานยอมระงับการเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียม
ทางด้านมูฮัมหมัด คอซาอี ทูตอิหร่านประจำยูเอ็น กล่าวโจมตีมติดังกล่าวว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยุติธรรมและไม่มีเหตุผล ซึ่งทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความน่าเชื่อถือของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น อีกทั้งยังลั่นวาจาว่า รัฐบาลอิหร่านจะไม่ทำตามข้อเรียกร้องที่เห็นว่า ไม่ถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมาย
มติคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่นี้ผ่านการเห็นชอบจากเยอรมนี และชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีฯ ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน รัสเซีย เมื่อปลายเดือนมกราคม ทว่า การเจรจาเพื่อโน้มน้าวให้ชาติสมาชิกหมุนเวียนเห็นพ้องกับมติดังกล่าว ใช้เวลานานถึง 6 สัปดาห์
ในช่วงแรก ลิเบีย เวียดนาม แอฟริกาใต้ และอินโดนีเซีย ไม่เห็นด้วยกับการคว่ำบาตรอิหร่านหนักขึ้น ในช่วงที่อิหร่านร่วมมือกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ(ไอเออีเอ)
ทว่า ท้ายที่สุดมหาอำนาจก็โน้มน้าวลิเบีย เวียดนาม และแอฟริกาใต้ ให้เห็นชอบกับมติคว่ำบาตรอิหร่านฉบับใหม่ ได้สำเร็จ
เมื่อวันจันทร์(3) ชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ(ยูเอ็น) อันประกอบด้วยสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกหมุนเวียน 10 ประเทศ มีมติคว่ำบาตรอิหร่านในขั้นที่3 โดยมีสมาชิก 14 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งจีนและรัสเซีย เห็นพ้องกับมติดังกล่าว ขณะที่อินโดนีเซียงดออกเสียง
มติคว่ำบาตรฉบับใหม่นี้ให้เวลาอิหร่านระงับโครงการเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียมภายใน 3 เดือน มิฉะนั้นก็เผชิญกับการคว่ำบาตรในขั้นต่อไป
มติคว่ำบาตรฉบับนี้ยังประกาศห้ามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธอิหร่าน เดินทางไปต่างประเทศ ในทันที และเพิ่มรายชื่อบุคคลและบริษัทที่เข้าข่ายถูกอายัดทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังขยายมาตรการห้ามซื้อขายสิ่งของและเทคโนโลยีที่ใช้ในทางพลเรือนและการทหาร จากแต่เดิมที่ห้ามซื้อขายสิ่งของดังกล่าวบางชนิด มาครอบคลุมถึงสิ่งของหรือเทคโนโลยีดังกล่าวทุกชนิด
มติฉบับนี้ยังเรียกร้องให้นานาชาติเฝ้าระวังสถาบันการเงินทุกแห่งในอิหร่านให้มากขึ้น และควรเฝ้าระวังธนาคารเมลลี และธนาคารซาเดรัต เป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้นานาชาติตรวจสินค้าหรือวัตถุที่ส่งเข้าออกอิหร่านทางเรือ หากสินค้าดังกล่าวตกสงสัยว่าเป็นสินค้าต้องห้าม
หลังจากการลงมติเห็นชอบมติคว่ำบาตรขั้นที่3 ชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น และเยอรมนี ได้ออกคำแถลงเรียกร้องให้ซาอีด จาลิลี หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน กลับมาเจรจากับฆาเบียร์ โซลานา ประธานด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) กันใหม่
ชาติมหาอำนาจ 6 ประเทศยังสัญญาว่า จะขยายความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการค้าที่เคยเสนอต่ออิหร่านเมื่อปี2006 หากรัฐบาลเตหะรานยอมระงับการเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียม
ทางด้านมูฮัมหมัด คอซาอี ทูตอิหร่านประจำยูเอ็น กล่าวโจมตีมติดังกล่าวว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยุติธรรมและไม่มีเหตุผล ซึ่งทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความน่าเชื่อถือของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น อีกทั้งยังลั่นวาจาว่า รัฐบาลอิหร่านจะไม่ทำตามข้อเรียกร้องที่เห็นว่า ไม่ถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมาย
มติคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่นี้ผ่านการเห็นชอบจากเยอรมนี และชาติสมาชิกถาวรคณะมนตรีฯ ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน รัสเซีย เมื่อปลายเดือนมกราคม ทว่า การเจรจาเพื่อโน้มน้าวให้ชาติสมาชิกหมุนเวียนเห็นพ้องกับมติดังกล่าว ใช้เวลานานถึง 6 สัปดาห์
ในช่วงแรก ลิเบีย เวียดนาม แอฟริกาใต้ และอินโดนีเซีย ไม่เห็นด้วยกับการคว่ำบาตรอิหร่านหนักขึ้น ในช่วงที่อิหร่านร่วมมือกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ(ไอเออีเอ)
ทว่า ท้ายที่สุดมหาอำนาจก็โน้มน้าวลิเบีย เวียดนาม และแอฟริกาใต้ ให้เห็นชอบกับมติคว่ำบาตรอิหร่านฉบับใหม่ ได้สำเร็จ
