ปตท.ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด ทั้งเบนซินและดีเซล ลงอีกลิตรละ 40 สตางค์ เป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ โดยให้มีผลตั้งแต่ 05.00 น. วันพรุ่งนี้ โดยราคาขายปลีกใหม่ มีดังนี้ เบนซิน 95 ลิตรละ 32.49 บาท , เบนซิน 91 ลิตรละ 31.19 บาท , แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 28.49 บาท , แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 27.69 และดีเซล ลิตรละ 28.94 บาท
วันนี้(23 ม.ค.) นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปีนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในระดับสูงมาตลอด ทำให้ผู้ค้าน้ำมันต้องรับภาระแทนผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกได้เริ่มมีสัญญาณอ่อนตัวลง ปตท.จึงสามารถประกาศข่าวดีลดราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศทุกชนิดลงให้แก่ผู้บริโภคได้อีก
การปรับลดราคาครั้งนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล เป็นดังนี้ โดยราคาใหม่เป็นดังนี้ เบนซิน 95 ลิตรละ 32.49 บาท, เบนซิน 91 ลิตรละ 31.19 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 28.49 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 27.69 และดีเซล ลิตรละ 28.94 บาท
นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า นับเป็นข่าวที่ดีต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง ทำให้ภายในสัปดาห์เดียวราคาน้ำมันขายปลีกลดลงติดต่อกันได้ถึง 3 ครั้ง (17, 22 และ 24 ม.ค.51) รวมลดราคาน้ำมันกลุ่มดีเซลและกลุ่มเบนซินลงไปแล้ว 0.80 – 1.20 บาท/ลิตร
ทั้งนี้ ปตท.ขอยืนยันว่าพร้อมที่จะปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกให้ผู้บริโภคทันทีที่ต้นทุนน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง ในทางตรงกันข้ามเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ปตท. ก็ทำหน้าที่ดูแลผู้บริโภคให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดย ปตท. จะพยายามรักษาระดับราคาขายปลีกไว้ให้นานที่สุด เช่นที่เคยปฏิบัติมา
ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัวลง เนื่องจากกองทุนต่างประเทศได้เทขายน้ำมันออกมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยของประเทศสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง และปัญหาวิกฤตการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ (Subprime) อีกทั้งโรงกลั่นน้ำมันของประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่นจะกลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติ ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง โดยล่าสุดวันนี้ (23 ม.ค.) น้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ระดับ 81.75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน95 อยู่ที่ระดับ 93.92 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 99.52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
แม้ว่าราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลง แต่ก็ไม่ควรประมาทเพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจปรับตัวสูงขึ้นอีก เช่น ความไม่สงบในตะวันออกกลาง รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน เป็นต้น
วันนี้(23 ม.ค.) นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปีนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในระดับสูงมาตลอด ทำให้ผู้ค้าน้ำมันต้องรับภาระแทนผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกได้เริ่มมีสัญญาณอ่อนตัวลง ปตท.จึงสามารถประกาศข่าวดีลดราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศทุกชนิดลงให้แก่ผู้บริโภคได้อีก
การปรับลดราคาครั้งนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล เป็นดังนี้ โดยราคาใหม่เป็นดังนี้ เบนซิน 95 ลิตรละ 32.49 บาท, เบนซิน 91 ลิตรละ 31.19 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 28.49 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 27.69 และดีเซล ลิตรละ 28.94 บาท
นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า นับเป็นข่าวที่ดีต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง ทำให้ภายในสัปดาห์เดียวราคาน้ำมันขายปลีกลดลงติดต่อกันได้ถึง 3 ครั้ง (17, 22 และ 24 ม.ค.51) รวมลดราคาน้ำมันกลุ่มดีเซลและกลุ่มเบนซินลงไปแล้ว 0.80 – 1.20 บาท/ลิตร
ทั้งนี้ ปตท.ขอยืนยันว่าพร้อมที่จะปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกให้ผู้บริโภคทันทีที่ต้นทุนน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง ในทางตรงกันข้ามเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ปตท. ก็ทำหน้าที่ดูแลผู้บริโภคให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดย ปตท. จะพยายามรักษาระดับราคาขายปลีกไว้ให้นานที่สุด เช่นที่เคยปฏิบัติมา
ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัวลง เนื่องจากกองทุนต่างประเทศได้เทขายน้ำมันออกมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยของประเทศสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง และปัญหาวิกฤตการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ (Subprime) อีกทั้งโรงกลั่นน้ำมันของประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่นจะกลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติ ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง โดยล่าสุดวันนี้ (23 ม.ค.) น้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ระดับ 81.75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน95 อยู่ที่ระดับ 93.92 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 99.52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
แม้ว่าราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลง แต่ก็ไม่ควรประมาทเพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจปรับตัวสูงขึ้นอีก เช่น ความไม่สงบในตะวันออกกลาง รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน เป็นต้น