ผู้จัดการรายวัน - "ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์" ยอมรับปี 50 เศรษฐกิจซบ เงินบาทแข็งค่า เศรษฐีเริ่มกู้เงินสร้างบ้านหรู จากเดิมใช้เงินสด เชื่อปีนี้ผู้บริโภคมั่นใจเพิ่มขึ้นหนุนตลาดบ้านสร้างเองโต 10% มูลค่ารวม 71,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ 280 ล้านบาท
นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านระดับพรีเมียม กล่าวยอมรับว่า ในปีทีผ่านมา ลูกค้าได้จ่ายเงินค่าก่อสร้างล่าช้าบ้าง แต่ยังไม่ถึงกับเป็นหนี้เสีย นอกจากนี้ยังมีลูกค้าบางรายขอสินเชื่อเพื่อก่อสร้างบ้านจากสถาบันการเงิน จากเดิมที่ลูกค้าระดับบนจะใช้เงินสดในการก่อสร้างบ้าน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นเจ้าของกิจการ โรงงานอุตสาหกรรม หรืออยู่ในธุรกิจส่งออก แต่เชื่อว่าในปีนี้ภาวะทุกอย่างจะปรับตัวดีขึ้น
ในปี 51 คาดว่าตลาดบ้านสร้างเองจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% หรือประมาณ 29,200 หน่วย มูลค่าตลาดรวม 71,000 ล้านบาท จากปี 2550 มีประมาณ 26,600 หน่วย มูลค่า 62,000 ล้านบาท ส่วนบริษัทรับสร้างบ้านมีส่วนแบ่งตลาดจากผู้รับเหมาก่อสร้างประมาณ 14% มูลค่า 8,500 ล้านบาท ในปี 2550 ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ 14% หรือมีมูลค่า 9,800 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น
ในส่วนผลประกอบการในปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมประมาณ 251 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากงานก่อสร้างบ้าน 164 ล้านบาท รายได้จากงานอินทีเรีย 87 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ของงานสร้างบ้าน ประมาณ 280 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 10 %
นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านระดับพรีเมียม กล่าวยอมรับว่า ในปีทีผ่านมา ลูกค้าได้จ่ายเงินค่าก่อสร้างล่าช้าบ้าง แต่ยังไม่ถึงกับเป็นหนี้เสีย นอกจากนี้ยังมีลูกค้าบางรายขอสินเชื่อเพื่อก่อสร้างบ้านจากสถาบันการเงิน จากเดิมที่ลูกค้าระดับบนจะใช้เงินสดในการก่อสร้างบ้าน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นเจ้าของกิจการ โรงงานอุตสาหกรรม หรืออยู่ในธุรกิจส่งออก แต่เชื่อว่าในปีนี้ภาวะทุกอย่างจะปรับตัวดีขึ้น
ในปี 51 คาดว่าตลาดบ้านสร้างเองจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% หรือประมาณ 29,200 หน่วย มูลค่าตลาดรวม 71,000 ล้านบาท จากปี 2550 มีประมาณ 26,600 หน่วย มูลค่า 62,000 ล้านบาท ส่วนบริษัทรับสร้างบ้านมีส่วนแบ่งตลาดจากผู้รับเหมาก่อสร้างประมาณ 14% มูลค่า 8,500 ล้านบาท ในปี 2550 ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ 14% หรือมีมูลค่า 9,800 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น
ในส่วนผลประกอบการในปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมประมาณ 251 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากงานก่อสร้างบ้าน 164 ล้านบาท รายได้จากงานอินทีเรีย 87 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ของงานสร้างบ้าน ประมาณ 280 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 10 %