"สมัคร"เดือดดาล หลังเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์ วันนี้ประเทศไทยมีนายกฯ 2 คน พาลใส่นักข่าวเป็นคนปั้นเรื่อง พร้อมยืนยันกับผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เข้าพบว่า "ทูเดย์ อีสมายเดย์" เพื่อรับประกันการเป็นนายกฯ ตัวจริง ด้าน"แม้ว" เก็บตัวเงียบอยู่ในโรงแรม หลังเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช "ประสงค์" อัดแม้วสร้างภาพ กราบปฐพี เหมือนนิยายน้ำเน่า เตือนบ้านเมืองส่อเค้าจะวุ่นวายอีกครั้ง ต่างประเทศฟันธงแม้วกลับบ้าน ไทยยิ่งแตกแยก
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (29 ก.พ.)นายคริสโตเฟอร์ ฮิล ผู้ช่วย รมว. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกาฯ ด้านกิจการเอเชียและแปซิฟิก เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ภายหลังการหารือ 1 ชั่วโมง น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ได้มีการหารือเรื่องทั่วๆไป และเรื่องของการกระชับความสัมพันธ์ หลังมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งสหรัฐฯแสดงความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจ และนายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ให้ความสนใจที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย ซึ่ง นายสมัครได้ฝากเชิญผ่านทาง ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ สหรัฐฯไปแล้ว
**"หมัก"ยืนยัน"วันนี้ผมเป็นนายกฯ"
นอกจากนี้ ได้มีการพูดถึงกรณีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับเข้ามา ซึ่งทางสหรัฐฯ ก็เห็นด้วยที่พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม และไม่ได้มีความกังวลว่ากลับมาแล้วจะทำให้ความขัดแย้งในประเทศก่อตัวขึ้นอีก
"นายสมัคร ก็ได้พูดกับทางสหรัฐฯว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ว่าท่านนายกฯ ตัวจริงกลับมาแล้ว ซึ่ง ท่านนายกฯสมัคร ท่านก็หัวเราะในเรื่องนี้ และก็บอกว่า ทูเดย์ อีสมายเดย์ วันนี้คือวันของผม ที่เป็นนายกรัฐมนตรี" น.ส.ศุภรัตน์กล่าว และว่าประเด็นที่คุยส่วนใหญ่เป็นเรื่องทั่วไป เพราะการเมืองไทยไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่จำเป็นที่ทางสหรัฐฯจะต้องพูดแล้ว เพราะเขาเชื่อมั่นรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ทางการทหาร ที่ช่วงปฏิวัติ มีการระงับไป ขณะนี้ก็ได้กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว
**"หมัก"พาลใส่นักข่าวเรื่องนายกฯ 2 คน
ต่อมา นายสมัคร ได้เดินทางไปที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปเยือนสาธารณรัประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 29ก.พ.-1 มี.ค. นี้
ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการเดินทางกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งนายสมัคร ก็ยืนยันว่า เรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอะไร และก็ได้คุยกันแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้พบกัน
เมื่อถามว่ารัฐมนตรีหลายคน ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา นายสมัคร หัวเราะ และกล่าวว่า "มันเป็นยังไง มันมีกฎหมายอะไรหรือเปล่า มันมีกฎหมายห้ามรึเปล่า" เมื่อถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวย้ำว่า ขอถามหน่อย มันมีกฎหมายห้ามหรือเปล่า เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ติดใน111 คน นายสมัคร กล่าวว่า "ก็รู้อยู่แล้ว แล้วเป็นยังไง"
อย่างไรก็ตาม นายสมัคร มีอารมณ์ฉุนเฉียวทันที เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง กระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีนายกฯ 2 คน โดยนายสมัคร กล่าวว่า "พวกคุณเขียนกันเอง หนังสือพิมพ์ไปเขียนว่า นั่งเก้าอี้ซ้อนกัน มันเป็นความคิดของคนระดับพวกคุณเท่านั้น ขอย้ำเลยนะ ถ้าพวกคุณคิดกันอย่างนั้น แต่ผมไม่ยักคิด และผมขอย้ำว่า เป็นความคิดคนระดับพวกคุณเท่านั้นคิดกันอย่างนี้ กระทบกระแทกแดกดัน พูดจาเสียดสี ให้เสียให้หาย ทำไมคิดกันได้แค่นั้นเอง ความคิดมีอยู่ในระดับแค่นั้นเองหรือ ทำไมไม่คิดอย่างคนธรรมดาเขาควรคิดบ้างล่ะ ว่านี่เขาคือ อดีตนายกรัฐมนตรี ทำไมจะต้องแดกดัน จะเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน ไม่ได้กินหรอก ผมจะบอกให้ ฟังนะว่า ผมก็ไม่ได้พูดจาอย่างนี้มานานแล้ว ก็ฟัง ก็อ่าน แล้วผมก็อมยิ้มว่า ทำไมสติปัญญาในการแสดงความคิดเห็นมีได้เพียงแค่นี้ เอาผมถามจริงๆว่า มีได้เพียงแค่นี้หรือ"
เมื่อถามว่าลูกพรรคพลังประชาชนแห่กันไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมัคร ย้อนถามว่า "อ๋อ อย่างงั้นหรือ แล้วมันเป็นยังไง แล้วแต่ก่อนวิ่งมาหาผมหรือเปล่า ก็ไม่เคยวิ่ง ไอ้ที่เขียนโอ้โห ต่อไปนี้บ้านจันทร์ส่องหล้า คนจะเนืองแน่น บ้านผมก็ไม่เคยมีใครมา คุณไปเฝ้าแล้วบ้านผมมีใครมา มีไหม เขาก็ไม่เคยมา ทำเนียบฯ เขาก็ไม่เคยมา บ้านผมก็ไม่มา" นายสมัคร กล่าว
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ ก็มีลูกพรรคบินไปหาที่ ฮ่องกงบ่อยๆ นายสมัคร กล่าวว่า "แล้วมันเป็นไง แล้วมันมีใครเดือดร้อนอะไร ไม่ใช่ คุณไปออกค่าเครื่องบินให้เขาหรือ"
"ผมรู้สึกว่า พวกคุณน่ะมีความคิดอ่านกันเพียงเท่านี้หรือ ระดับความคิด มีแค่นี้เท่านั้นใช่ไหม แสดงความรู้สึกนึกคิดว่า นายสมัครข่าวหายไปเลย ก็ผมไปประชุมสภากลาโหม ผมก็อยู่ แล้วผมก็มารับ อีซี เขาก็มาถ่าย แล้วมันหายยังไง มันก็มีงาน 2 งาน เมื่อวานนี้ ระดับความคิดคุณคิดกันได้แค่นี้เองหรือ ผมถามหน่อยสิว่า ความคิดคุณคิดกันได้แค่นี้เองหรือ คิดกันว่านายกรัฐมนตรีมี 2 คน มันเป็นไปได้ยังไง คือ คุณคิดในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้เลย" นายสมัคร กล่าว
เมื่อถามว่า มีแขกจากต่างประเทศมา ถามว่าท่านเป็นนายกฯ นอมินีหรือ นายสมัครยิ่งแสดงอาาการหัวเสีย และกล่าวด้วยความไม่พอใจอย่างมากว่า " คุณอย่ามาพูดอย่างนี้กับผมนะ แขกคนไหน บอกมาสิ" เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า รองโฆษกแถลงฯ นายสมัครถามว่ารองโฆษกฯคนไหน บอกชื่อมาสิ ผู้สื่อข่าวบอกว่า น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ นายสมัคร กล่าวทันทีว่า คุณอย่าไปอ้างชื่อเขาสุ่มสี่สุ่มห้านะ
ผู้สื่อข่าวจะถามถึงการหารือกับนายคริสโตเฟอร์ ฮิลล์ ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ สหรัฐฯ เมื่อช่วงเช้าว่า เขายังมั่นใจในความเป็นนายกฯ ตัวจริงของท่านใช่ไหม นายสมัคร กล่าวด้วยความโกรธว่า " ก็เขาไม่คิดแบบคุณนี่นะ พวกนั้นเขามีสติปัญญาความคิด ถามเขายังไม่กล้าถามเลย แต่พวกคุณคิดกันเลอะเทอะ เปรอะเปื้อน น่าอาย น่าขายหน้า ที่คิดที่แสดงมาให้คนอ่านมาให้คนเห็น มันน่าอาย น่าขายหน้า ทำไมเป็นผู้สื่อข่าวมีความคิดเพียงเท่านี้เองหรือ คิดแต่ว่านายกฯ มี 2 คน นายกฯ ตัวจริงมา ตัวจริงหายไป มีแต่ไอ้คนแก่ๆ ไปเดิน ทำไม สติปัญญานักข่าวมีคิดได้เท่านี้หรือ มันน่าอายจริงๆ"
เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า คนในสังคมมีการตั้งข้อสังเกตุเช่นนี้ นายสมัคร ย้อนถามว่า "สังคมไหน ชาวบ้านคนไหน ผมไม่เห็นได้ยินเลย ผมก็เจอชาวบ้าน ไม่เห็นเขาพูดถึงเลย สติปัญญาความคิดของพวกคุณทำไมมันมีได้แค่นี้ ทำไมต้องคิดว่า มีนายกฯ 2 คน นายกฯ มาแล้ว คนนี้มา นายกฯ สมัครเหมือนไอ้คนแก่ เดินง่อม ง่อม พวกคุณทำกันเองแหละ คิดกันเอง ทำกันเอง สติปัญญาพวกคุณมันมีแค่นี้ มันน่าสงสารจริงๆ น่าสงสารความคิดพวกคุณจริง" นายสมัคร กล่าวย้ำ แล้วเดินจากไปด้วยอารมณ์โกรธ อย่างมาก
**อ้างไม่มีการพูดถึงนายกฯนอมินี
ด้านน.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการแถลงข่าวการเข้าพบของผู้ช่วยรมว. ต่างประเทศสหรัฐฯ ว่ามีประเด็นที่คลาดเคลื่อน เพราะมีผู้สื่อข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ถามนายสมัคร ว่าเป็นนายกฯนอมินี และมีการโค้ดชื่อรองโฆษกรัฐบาลว่าเป็นผู้พูด ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และอาจเสียหายได้
"จริงๆแล้ว สิ่งที่ได้มีการพูดกันก็คือ สิ่งที่ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวทำเนียบรัฐบาลไปว่า เป็นเรื่องการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามีการพูดถึงเรื่องนี้ แต่ท่านสมัคร ก็ได้ชี้แจงเหมือนกับที่ชี้แจงไปแล้วว่า ท่านกลับมาเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ก็บอกว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ท่านจะกลับมาต่อสู้คดี และไม่ได้พูดถึงเรื่องการเป็นนายกฯนอมินี นายกฯ ตัวจริง แต่อย่างใดเลย" น.ส.ศุภรัตน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเดินทางกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่มีประชาชนไปรอต้อนรับจำนวนมาก และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินออกมาแสดงตัว ประชาชนต่างตะโกนเรียก "นายก ทักษิณๆ" ตลอดเวลา รวมทั้งรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายสมัคร เองก็แห่กันไปต้อนรับ และยังให้สัมภาษณ์โดยใช้คำว่า "นายกฯทักษิณ" กันแทบทุกคน
**"แม้ว"เข้าเฝ้าสมเด็จสังฆราชฯ
สำหรับความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น เมื่อเช้าวานนี้ ได้รับประทานอาหารเช้าที่ ห้องพักชั้น 36 โรงแรมเพนนินซูล่า ร่วมกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
ต่อมา เวลา 09.20 น. พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมครอบครัว และ นพ.พรหมินทร์ นายพงษ์ศักดิ์ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ นายพงศ์เทพ เพทกาญจนา ได้ออกเดินทางจากโรงแรมที่พัก ด้วยรถยนต์ โฮลเดน แคปไพรท์ สีเทา ทะเบียน ชย 9894 กทม. ซึ่งเป็นรถที่ติดตั้งเกราะกันกระสุน โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรม ได้กันรถผู้สื่อข่าว ไม่ให้ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ออกไปจากโรงแรม โFยใช้วิธีเรียกเก็บบัตรคืน เพื่อถ่วงเวลาไว้
พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางถึงโรงพยาบาลจุฬาฯโดยมี นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รอตอนรับ ทั้งนี้ มีประชาชนจำนวนหนึ่ง ถือป้ายผ้ามาคอยต้อนรับ พร้อมตะโกนว่า เรารักทักษิณ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชฯ ประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงเดินทางกลับไปยังโรงแรมที่พักตามเดิม และได้ ยกเลิกกำหนดการทั้งการเข้านมัสการสมเด็จเกี่ยว เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และกิจกรรมเปิดคลินิกสอนฟุตบอล ที่สนามกีฬา ราชมังคลากีฬาสถาน โดยให้เหตุผลว่าต้องการพักผ่อน
**บ้านเมืองจะวุ่นวายก็เพราะแม้ว
น.ต. ประสงค์ สุ่นศิริ สนช. กล่าวว่า ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแล้วทำตัวให้เรียบร้อย แบบคนธรรมดา คนก็ไม่หมั่นไส้ แต่การก้มลงกราบแผ่นดินแบบนี้ ใครดูก็หัวเราะ เพราะถ้าอยากจะกราบแผ่นดินจริงๆ ก็ต้องทำตั้งแต่เท้าแตะพื้นดินจริงๆ ไม่ใช่รอจนกว่าจะพบกล้อง และประชาชนเสียก่อน จึงก้มลงกราบ เป็นการใช้การตลาด เหมือนเล่นละครเรื่อง"น้ำตาหยดปฐพี" ซึ่งไม่รู้ว่าจะออกช่องไหน
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าจะยุติบทบาททางการเมืองนั้นโดยนิตินัย พ.ต.ท.ทักษิณ ทำกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้อยู่แล้ว แต่โดยพฤตินัย ก็ต้องระวัง เพราะพฤติกรรมจะเข้าข่ายขัดคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ
"ตั้งแต่คุณอยู่ที่ฮ่องกง หรือ อังกฤษมีคนไปพบมากมาย คุณอาจจะไม่รู้ว่า มีการแอบถ่ายภาพอัดเสียงเอาไว้หมดแล้ว"
น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวถึงผู้ที่มีตำแหน่งในรัฐบาลว่า ขอให้คำนึงถึงความเหมาะสมด้วย ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความรู้สึกของคนในบ้านเมืองร้อนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการอาละวาดด้วยการโยกย้ายข้าราชการหลายตำแหน่งในช่วงนี้
"ผมสงสัยว่าเป็นการโยกย้ายที่มีเป้าหมายเพื่อกรุยทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถสั่งงาน สั่งการได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะการย้ายอธิบดี ดีเอสไอ ขอถามว่าเป็นการย้ายเข้าไปทำลายหลักฐานเกี่ยวกับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เนื่องจากในดีเอสไอ มีข้อมูลหลักฐานอยู่เป็นจำนวนมาก หลายคดี "
น.ต.ประสงค์ กล่าวด้วยว่า บ้านเมืองต่อจากนี้จะไม่สงบ ซึ่งคนที่ทำให้ไม่สงบก็คือ พวกรัฐบาล ที่กำลังสร้างความแตกแยกให้บ้านเมือง ด้วยการจัดตั้งมวลชนไปรับพ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความรู้สึกให้คนเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ถ้ารัฐบาลยังทำอะไรไม่เกรงอกเกรงใจชาวบ้าน บ้านเมืองก็จะไม่สงบ
**"แม้ว"กลับบ้าน-ไทยยิ่งแตกขั้ว
ทางด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า การเดินทางกลับบ้านที่วางแผนเอาไว้อย่างละเอียดรอบคอบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งการให้คำมั่นสัญญาว่า จะอำลาวงการเมือง อาจจะเหมือนกับทำให้เกิดความสงบขึ้นมาแบบฉาบฉวย แต่เบื้องลึกลงไปแล้ว ความตึงเครียดระหว่างพลังฝ่ายต่างๆ ยังคงเป็นไปอย่างดุเดือดเหมือนเช่นเคย
รอยเตอร์บอกว่า ถึงแม้ปรปักษ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ในกองทัพและในกลุ่มผู้ทรงอำนาจรอยัลลิสต์ อาจจะกำลังย่ำแย่ ภายหลังพวกผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ชนะการเลือกตั้ง และเขาสามารถหวนกลับคืนบ้านได้ด้วยชัยชนะ ทว่าปรปักษ์เหล่านี้ก็ยังห่างไกลนักจากความสิ้นไร้ไม้ตอก
"ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขาจะเป็นเรื่องที่ถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิด สัญญาณต่างๆ แห่งการแก้แค้นอย่างจริงจัง อาจจุดชนวนการกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งของความขัดแย้งทางการเมืองวงกว้าง ในรูปแบบการประท้วงตามท้องถนนเมื่อปี 2005 ซึ่งในที่สุดแล้วนำไปสู่การรัฐประหารโค่นล้มเขาในเดือนกันยายน 2006" บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ซึ่งเขียนโดย นพพร วงศ์อนันต์ ระบุ
รอยเตอร์อ้างคำพูดของ อาจารย์ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดสำหรับฝ่ายทักษิณ ที่จะต้องไม่แสดงถึงการถือไพ่เหนือกว่าออกมาให้เห็นจนมากเกินไป เพื่อที่ประเทศไทยจะสามารถมีความสมานฉันท์ และหนทางสามัคคีกันในบางระดับในเวลาต่อไปได้
"ไม่เช่นนั้นแล้ว เราก็กำลังจะได้เห็นความตึงเครียดกันเพิ่มมากขึ้น, การประจันหน้า, การยั่วยุไปจนถึงสุดขอบความอดทนของอีกฝ่ายหนึ่ง, ความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่ความไม่สงบอย่างชัดเจนเต็มที่" อาจารย์นักวิเคราะห์การเมืองผู้นี้ให้ความเห็น
แต่บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ก็บอกว่า มีสัญญาณหลายประการแสดงให้เห็นว่า พวกผู้สนับสนุนทักษิณกำลังเริ่มดำเนินการกวาดล้างแล้ว โดยข้าราชการอาวุโส 3 คน ที่ทำงานกับรัฐบาลชั่วคราวหลังรัฐประหารต้องสูญเสียตำแหน่งในสัปดาห์ที่แล้ว และเมื่อวานนี้ก็เป็นคราวของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
รอยเตอร์ อ้างหนังสือพิมพ์หลายฉบับรายงานว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผบ.ทบ. ที่เป็นผู้นำการก่อรัฐประหาร เวลานี้กำลังอยู่ในสภาพหลบซ่อนในทางเป็นจริง ณ ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ขณะที่ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา ก็แสดงน้ำเสียงท่าทีอันประนีประนอมและเป็นกลางอย่างยิ่งต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ชี้ว่า ถ้าฝ่ายทักษิณ เร่งรีบผลักดันเร็วเกินไป ในเรื่องการยกเลิกข้อห้ามไม่ให้ตัวเขาและผู้บริหารพรรคไทยรักไทยอีก 110 คน มีบทบาททางการเมือง ก็น่าจะกระตุ้นให้เกิดความโกรธเกรี้ยวจากฝ่ายปรปักษ์ ซึ่งมีรากเหง้าเสียงสนับสนุนอยู่ในหมู่ชนชั้นกลางและชนชั้นสูงของกรุงเทพฯ
และสิ่งที่จะทำให้ภาพการเมืองของไทยยิ่งยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก ก็คือคำขู่ของฝ่ายทักษิณที่จะนำเอาชาวไร่ชาวนาหลายพันหลายหมื่นคนเข้าเมืองหลวง ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ปฏิบัติด้วยความเป็นธรรมต่อตัวเขาหรือตัวแทนทางการเมืองของเขา
รอยเตอร์ สรุปบทวิเคราะห์โดยกล่าวว่า นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ต่างเบื่อหน่ายกับความเป็นไปทางการเมืองอันยืดเยื้อ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจปราศจากผู้ถือหางเสือใดๆ จนส่งผลให้ประเทศมีอัตราเติบโตย่ำแย่ที่สุดในภูมิภาค
"ประเทศกำลังเบื่อหน่ายกับการเมือง ทุกๆ คน รวมทั้งฝ่ายทหาร, วงการธุรกิจ, และนักการเมืองจากทั้งสองฝ่าย ต่างก็ต้องการเห็นประเทศไทยก้าวเดินไปข้างหน้า" บทวิเคราะห์ของรอยเตอร์ตบท้าย ด้วยการอ้างความเห็นของ แฮร์รี บุณยรักษ์ นักวิเคราะห์แห่ง ซีแอลเอสเอ ที่เขียนในรายงานส่งถึงลูกค้า
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (29 ก.พ.)นายคริสโตเฟอร์ ฮิล ผู้ช่วย รมว. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกาฯ ด้านกิจการเอเชียและแปซิฟิก เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ภายหลังการหารือ 1 ชั่วโมง น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ได้มีการหารือเรื่องทั่วๆไป และเรื่องของการกระชับความสัมพันธ์ หลังมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งสหรัฐฯแสดงความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจ และนายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ให้ความสนใจที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย ซึ่ง นายสมัครได้ฝากเชิญผ่านทาง ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ สหรัฐฯไปแล้ว
**"หมัก"ยืนยัน"วันนี้ผมเป็นนายกฯ"
นอกจากนี้ ได้มีการพูดถึงกรณีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับเข้ามา ซึ่งทางสหรัฐฯ ก็เห็นด้วยที่พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม และไม่ได้มีความกังวลว่ากลับมาแล้วจะทำให้ความขัดแย้งในประเทศก่อตัวขึ้นอีก
"นายสมัคร ก็ได้พูดกับทางสหรัฐฯว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ว่าท่านนายกฯ ตัวจริงกลับมาแล้ว ซึ่ง ท่านนายกฯสมัคร ท่านก็หัวเราะในเรื่องนี้ และก็บอกว่า ทูเดย์ อีสมายเดย์ วันนี้คือวันของผม ที่เป็นนายกรัฐมนตรี" น.ส.ศุภรัตน์กล่าว และว่าประเด็นที่คุยส่วนใหญ่เป็นเรื่องทั่วไป เพราะการเมืองไทยไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่จำเป็นที่ทางสหรัฐฯจะต้องพูดแล้ว เพราะเขาเชื่อมั่นรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ทางการทหาร ที่ช่วงปฏิวัติ มีการระงับไป ขณะนี้ก็ได้กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว
**"หมัก"พาลใส่นักข่าวเรื่องนายกฯ 2 คน
ต่อมา นายสมัคร ได้เดินทางไปที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปเยือนสาธารณรัประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 29ก.พ.-1 มี.ค. นี้
ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการเดินทางกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งนายสมัคร ก็ยืนยันว่า เรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอะไร และก็ได้คุยกันแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้พบกัน
เมื่อถามว่ารัฐมนตรีหลายคน ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา นายสมัคร หัวเราะ และกล่าวว่า "มันเป็นยังไง มันมีกฎหมายอะไรหรือเปล่า มันมีกฎหมายห้ามรึเปล่า" เมื่อถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวย้ำว่า ขอถามหน่อย มันมีกฎหมายห้ามหรือเปล่า เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ติดใน111 คน นายสมัคร กล่าวว่า "ก็รู้อยู่แล้ว แล้วเป็นยังไง"
อย่างไรก็ตาม นายสมัคร มีอารมณ์ฉุนเฉียวทันที เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง กระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีนายกฯ 2 คน โดยนายสมัคร กล่าวว่า "พวกคุณเขียนกันเอง หนังสือพิมพ์ไปเขียนว่า นั่งเก้าอี้ซ้อนกัน มันเป็นความคิดของคนระดับพวกคุณเท่านั้น ขอย้ำเลยนะ ถ้าพวกคุณคิดกันอย่างนั้น แต่ผมไม่ยักคิด และผมขอย้ำว่า เป็นความคิดคนระดับพวกคุณเท่านั้นคิดกันอย่างนี้ กระทบกระแทกแดกดัน พูดจาเสียดสี ให้เสียให้หาย ทำไมคิดกันได้แค่นั้นเอง ความคิดมีอยู่ในระดับแค่นั้นเองหรือ ทำไมไม่คิดอย่างคนธรรมดาเขาควรคิดบ้างล่ะ ว่านี่เขาคือ อดีตนายกรัฐมนตรี ทำไมจะต้องแดกดัน จะเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน ไม่ได้กินหรอก ผมจะบอกให้ ฟังนะว่า ผมก็ไม่ได้พูดจาอย่างนี้มานานแล้ว ก็ฟัง ก็อ่าน แล้วผมก็อมยิ้มว่า ทำไมสติปัญญาในการแสดงความคิดเห็นมีได้เพียงแค่นี้ เอาผมถามจริงๆว่า มีได้เพียงแค่นี้หรือ"
เมื่อถามว่าลูกพรรคพลังประชาชนแห่กันไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมัคร ย้อนถามว่า "อ๋อ อย่างงั้นหรือ แล้วมันเป็นยังไง แล้วแต่ก่อนวิ่งมาหาผมหรือเปล่า ก็ไม่เคยวิ่ง ไอ้ที่เขียนโอ้โห ต่อไปนี้บ้านจันทร์ส่องหล้า คนจะเนืองแน่น บ้านผมก็ไม่เคยมีใครมา คุณไปเฝ้าแล้วบ้านผมมีใครมา มีไหม เขาก็ไม่เคยมา ทำเนียบฯ เขาก็ไม่เคยมา บ้านผมก็ไม่มา" นายสมัคร กล่าว
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ ก็มีลูกพรรคบินไปหาที่ ฮ่องกงบ่อยๆ นายสมัคร กล่าวว่า "แล้วมันเป็นไง แล้วมันมีใครเดือดร้อนอะไร ไม่ใช่ คุณไปออกค่าเครื่องบินให้เขาหรือ"
"ผมรู้สึกว่า พวกคุณน่ะมีความคิดอ่านกันเพียงเท่านี้หรือ ระดับความคิด มีแค่นี้เท่านั้นใช่ไหม แสดงความรู้สึกนึกคิดว่า นายสมัครข่าวหายไปเลย ก็ผมไปประชุมสภากลาโหม ผมก็อยู่ แล้วผมก็มารับ อีซี เขาก็มาถ่าย แล้วมันหายยังไง มันก็มีงาน 2 งาน เมื่อวานนี้ ระดับความคิดคุณคิดกันได้แค่นี้เองหรือ ผมถามหน่อยสิว่า ความคิดคุณคิดกันได้แค่นี้เองหรือ คิดกันว่านายกรัฐมนตรีมี 2 คน มันเป็นไปได้ยังไง คือ คุณคิดในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้เลย" นายสมัคร กล่าว
เมื่อถามว่า มีแขกจากต่างประเทศมา ถามว่าท่านเป็นนายกฯ นอมินีหรือ นายสมัครยิ่งแสดงอาาการหัวเสีย และกล่าวด้วยความไม่พอใจอย่างมากว่า " คุณอย่ามาพูดอย่างนี้กับผมนะ แขกคนไหน บอกมาสิ" เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า รองโฆษกแถลงฯ นายสมัครถามว่ารองโฆษกฯคนไหน บอกชื่อมาสิ ผู้สื่อข่าวบอกว่า น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ นายสมัคร กล่าวทันทีว่า คุณอย่าไปอ้างชื่อเขาสุ่มสี่สุ่มห้านะ
ผู้สื่อข่าวจะถามถึงการหารือกับนายคริสโตเฟอร์ ฮิลล์ ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ สหรัฐฯ เมื่อช่วงเช้าว่า เขายังมั่นใจในความเป็นนายกฯ ตัวจริงของท่านใช่ไหม นายสมัคร กล่าวด้วยความโกรธว่า " ก็เขาไม่คิดแบบคุณนี่นะ พวกนั้นเขามีสติปัญญาความคิด ถามเขายังไม่กล้าถามเลย แต่พวกคุณคิดกันเลอะเทอะ เปรอะเปื้อน น่าอาย น่าขายหน้า ที่คิดที่แสดงมาให้คนอ่านมาให้คนเห็น มันน่าอาย น่าขายหน้า ทำไมเป็นผู้สื่อข่าวมีความคิดเพียงเท่านี้เองหรือ คิดแต่ว่านายกฯ มี 2 คน นายกฯ ตัวจริงมา ตัวจริงหายไป มีแต่ไอ้คนแก่ๆ ไปเดิน ทำไม สติปัญญานักข่าวมีคิดได้เท่านี้หรือ มันน่าอายจริงๆ"
เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า คนในสังคมมีการตั้งข้อสังเกตุเช่นนี้ นายสมัคร ย้อนถามว่า "สังคมไหน ชาวบ้านคนไหน ผมไม่เห็นได้ยินเลย ผมก็เจอชาวบ้าน ไม่เห็นเขาพูดถึงเลย สติปัญญาความคิดของพวกคุณทำไมมันมีได้แค่นี้ ทำไมต้องคิดว่า มีนายกฯ 2 คน นายกฯ มาแล้ว คนนี้มา นายกฯ สมัครเหมือนไอ้คนแก่ เดินง่อม ง่อม พวกคุณทำกันเองแหละ คิดกันเอง ทำกันเอง สติปัญญาพวกคุณมันมีแค่นี้ มันน่าสงสารจริงๆ น่าสงสารความคิดพวกคุณจริง" นายสมัคร กล่าวย้ำ แล้วเดินจากไปด้วยอารมณ์โกรธ อย่างมาก
**อ้างไม่มีการพูดถึงนายกฯนอมินี
ด้านน.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการแถลงข่าวการเข้าพบของผู้ช่วยรมว. ต่างประเทศสหรัฐฯ ว่ามีประเด็นที่คลาดเคลื่อน เพราะมีผู้สื่อข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ถามนายสมัคร ว่าเป็นนายกฯนอมินี และมีการโค้ดชื่อรองโฆษกรัฐบาลว่าเป็นผู้พูด ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และอาจเสียหายได้
"จริงๆแล้ว สิ่งที่ได้มีการพูดกันก็คือ สิ่งที่ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวทำเนียบรัฐบาลไปว่า เป็นเรื่องการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามีการพูดถึงเรื่องนี้ แต่ท่านสมัคร ก็ได้ชี้แจงเหมือนกับที่ชี้แจงไปแล้วว่า ท่านกลับมาเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ก็บอกว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ท่านจะกลับมาต่อสู้คดี และไม่ได้พูดถึงเรื่องการเป็นนายกฯนอมินี นายกฯ ตัวจริง แต่อย่างใดเลย" น.ส.ศุภรัตน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเดินทางกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่มีประชาชนไปรอต้อนรับจำนวนมาก และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินออกมาแสดงตัว ประชาชนต่างตะโกนเรียก "นายก ทักษิณๆ" ตลอดเวลา รวมทั้งรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายสมัคร เองก็แห่กันไปต้อนรับ และยังให้สัมภาษณ์โดยใช้คำว่า "นายกฯทักษิณ" กันแทบทุกคน
**"แม้ว"เข้าเฝ้าสมเด็จสังฆราชฯ
สำหรับความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น เมื่อเช้าวานนี้ ได้รับประทานอาหารเช้าที่ ห้องพักชั้น 36 โรงแรมเพนนินซูล่า ร่วมกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
ต่อมา เวลา 09.20 น. พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมครอบครัว และ นพ.พรหมินทร์ นายพงษ์ศักดิ์ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ นายพงศ์เทพ เพทกาญจนา ได้ออกเดินทางจากโรงแรมที่พัก ด้วยรถยนต์ โฮลเดน แคปไพรท์ สีเทา ทะเบียน ชย 9894 กทม. ซึ่งเป็นรถที่ติดตั้งเกราะกันกระสุน โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรม ได้กันรถผู้สื่อข่าว ไม่ให้ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ออกไปจากโรงแรม โFยใช้วิธีเรียกเก็บบัตรคืน เพื่อถ่วงเวลาไว้
พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางถึงโรงพยาบาลจุฬาฯโดยมี นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รอตอนรับ ทั้งนี้ มีประชาชนจำนวนหนึ่ง ถือป้ายผ้ามาคอยต้อนรับ พร้อมตะโกนว่า เรารักทักษิณ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชฯ ประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงเดินทางกลับไปยังโรงแรมที่พักตามเดิม และได้ ยกเลิกกำหนดการทั้งการเข้านมัสการสมเด็จเกี่ยว เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และกิจกรรมเปิดคลินิกสอนฟุตบอล ที่สนามกีฬา ราชมังคลากีฬาสถาน โดยให้เหตุผลว่าต้องการพักผ่อน
**บ้านเมืองจะวุ่นวายก็เพราะแม้ว
น.ต. ประสงค์ สุ่นศิริ สนช. กล่าวว่า ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแล้วทำตัวให้เรียบร้อย แบบคนธรรมดา คนก็ไม่หมั่นไส้ แต่การก้มลงกราบแผ่นดินแบบนี้ ใครดูก็หัวเราะ เพราะถ้าอยากจะกราบแผ่นดินจริงๆ ก็ต้องทำตั้งแต่เท้าแตะพื้นดินจริงๆ ไม่ใช่รอจนกว่าจะพบกล้อง และประชาชนเสียก่อน จึงก้มลงกราบ เป็นการใช้การตลาด เหมือนเล่นละครเรื่อง"น้ำตาหยดปฐพี" ซึ่งไม่รู้ว่าจะออกช่องไหน
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าจะยุติบทบาททางการเมืองนั้นโดยนิตินัย พ.ต.ท.ทักษิณ ทำกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้อยู่แล้ว แต่โดยพฤตินัย ก็ต้องระวัง เพราะพฤติกรรมจะเข้าข่ายขัดคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ
"ตั้งแต่คุณอยู่ที่ฮ่องกง หรือ อังกฤษมีคนไปพบมากมาย คุณอาจจะไม่รู้ว่า มีการแอบถ่ายภาพอัดเสียงเอาไว้หมดแล้ว"
น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวถึงผู้ที่มีตำแหน่งในรัฐบาลว่า ขอให้คำนึงถึงความเหมาะสมด้วย ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความรู้สึกของคนในบ้านเมืองร้อนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการอาละวาดด้วยการโยกย้ายข้าราชการหลายตำแหน่งในช่วงนี้
"ผมสงสัยว่าเป็นการโยกย้ายที่มีเป้าหมายเพื่อกรุยทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถสั่งงาน สั่งการได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะการย้ายอธิบดี ดีเอสไอ ขอถามว่าเป็นการย้ายเข้าไปทำลายหลักฐานเกี่ยวกับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เนื่องจากในดีเอสไอ มีข้อมูลหลักฐานอยู่เป็นจำนวนมาก หลายคดี "
น.ต.ประสงค์ กล่าวด้วยว่า บ้านเมืองต่อจากนี้จะไม่สงบ ซึ่งคนที่ทำให้ไม่สงบก็คือ พวกรัฐบาล ที่กำลังสร้างความแตกแยกให้บ้านเมือง ด้วยการจัดตั้งมวลชนไปรับพ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความรู้สึกให้คนเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ถ้ารัฐบาลยังทำอะไรไม่เกรงอกเกรงใจชาวบ้าน บ้านเมืองก็จะไม่สงบ
**"แม้ว"กลับบ้าน-ไทยยิ่งแตกขั้ว
ทางด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า การเดินทางกลับบ้านที่วางแผนเอาไว้อย่างละเอียดรอบคอบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งการให้คำมั่นสัญญาว่า จะอำลาวงการเมือง อาจจะเหมือนกับทำให้เกิดความสงบขึ้นมาแบบฉาบฉวย แต่เบื้องลึกลงไปแล้ว ความตึงเครียดระหว่างพลังฝ่ายต่างๆ ยังคงเป็นไปอย่างดุเดือดเหมือนเช่นเคย
รอยเตอร์บอกว่า ถึงแม้ปรปักษ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ในกองทัพและในกลุ่มผู้ทรงอำนาจรอยัลลิสต์ อาจจะกำลังย่ำแย่ ภายหลังพวกผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ชนะการเลือกตั้ง และเขาสามารถหวนกลับคืนบ้านได้ด้วยชัยชนะ ทว่าปรปักษ์เหล่านี้ก็ยังห่างไกลนักจากความสิ้นไร้ไม้ตอก
"ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขาจะเป็นเรื่องที่ถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิด สัญญาณต่างๆ แห่งการแก้แค้นอย่างจริงจัง อาจจุดชนวนการกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งของความขัดแย้งทางการเมืองวงกว้าง ในรูปแบบการประท้วงตามท้องถนนเมื่อปี 2005 ซึ่งในที่สุดแล้วนำไปสู่การรัฐประหารโค่นล้มเขาในเดือนกันยายน 2006" บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ซึ่งเขียนโดย นพพร วงศ์อนันต์ ระบุ
รอยเตอร์อ้างคำพูดของ อาจารย์ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดสำหรับฝ่ายทักษิณ ที่จะต้องไม่แสดงถึงการถือไพ่เหนือกว่าออกมาให้เห็นจนมากเกินไป เพื่อที่ประเทศไทยจะสามารถมีความสมานฉันท์ และหนทางสามัคคีกันในบางระดับในเวลาต่อไปได้
"ไม่เช่นนั้นแล้ว เราก็กำลังจะได้เห็นความตึงเครียดกันเพิ่มมากขึ้น, การประจันหน้า, การยั่วยุไปจนถึงสุดขอบความอดทนของอีกฝ่ายหนึ่ง, ความขัดแย้งที่อาจนำไปสู่ความไม่สงบอย่างชัดเจนเต็มที่" อาจารย์นักวิเคราะห์การเมืองผู้นี้ให้ความเห็น
แต่บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ก็บอกว่า มีสัญญาณหลายประการแสดงให้เห็นว่า พวกผู้สนับสนุนทักษิณกำลังเริ่มดำเนินการกวาดล้างแล้ว โดยข้าราชการอาวุโส 3 คน ที่ทำงานกับรัฐบาลชั่วคราวหลังรัฐประหารต้องสูญเสียตำแหน่งในสัปดาห์ที่แล้ว และเมื่อวานนี้ก็เป็นคราวของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
รอยเตอร์ อ้างหนังสือพิมพ์หลายฉบับรายงานว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผบ.ทบ. ที่เป็นผู้นำการก่อรัฐประหาร เวลานี้กำลังอยู่ในสภาพหลบซ่อนในทางเป็นจริง ณ ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ขณะที่ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา ก็แสดงน้ำเสียงท่าทีอันประนีประนอมและเป็นกลางอย่างยิ่งต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ
บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ชี้ว่า ถ้าฝ่ายทักษิณ เร่งรีบผลักดันเร็วเกินไป ในเรื่องการยกเลิกข้อห้ามไม่ให้ตัวเขาและผู้บริหารพรรคไทยรักไทยอีก 110 คน มีบทบาททางการเมือง ก็น่าจะกระตุ้นให้เกิดความโกรธเกรี้ยวจากฝ่ายปรปักษ์ ซึ่งมีรากเหง้าเสียงสนับสนุนอยู่ในหมู่ชนชั้นกลางและชนชั้นสูงของกรุงเทพฯ
และสิ่งที่จะทำให้ภาพการเมืองของไทยยิ่งยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก ก็คือคำขู่ของฝ่ายทักษิณที่จะนำเอาชาวไร่ชาวนาหลายพันหลายหมื่นคนเข้าเมืองหลวง ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ปฏิบัติด้วยความเป็นธรรมต่อตัวเขาหรือตัวแทนทางการเมืองของเขา
รอยเตอร์ สรุปบทวิเคราะห์โดยกล่าวว่า นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ต่างเบื่อหน่ายกับความเป็นไปทางการเมืองอันยืดเยื้อ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจปราศจากผู้ถือหางเสือใดๆ จนส่งผลให้ประเทศมีอัตราเติบโตย่ำแย่ที่สุดในภูมิภาค
"ประเทศกำลังเบื่อหน่ายกับการเมือง ทุกๆ คน รวมทั้งฝ่ายทหาร, วงการธุรกิจ, และนักการเมืองจากทั้งสองฝ่าย ต่างก็ต้องการเห็นประเทศไทยก้าวเดินไปข้างหน้า" บทวิเคราะห์ของรอยเตอร์ตบท้าย ด้วยการอ้างความเห็นของ แฮร์รี บุณยรักษ์ นักวิเคราะห์แห่ง ซีแอลเอสเอ ที่เขียนในรายงานส่งถึงลูกค้า