ผู้จัดการรายวัน - "เทมาเส็ก" อาศัยอำนาจผู้ถือหุ้นใหญ่บีบบอร์ด "ชินคอร์ป" อนุมัติจ่ายปันผลล่วงหน้างวด 1 ม.ค.-10 เม.ย. ปี 51 ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท รับทรัพย์อีกรอบเกือบ 4 พัน อ้างเตรียมรับปันผลจาก "ADVANC" กว่า 4.17 พันล้านบาท ขณะที่งวดปี 50 อนุมัติจ่ายไปแล้วหุ้นละ 0.30 บาท สวนทางผลงานปี 50 ที่กำไรสุทธิลดเหลือแค่ 960 ล้านบาท หลังรายได้ลดลง 2.6% เหตุมีรายจ่ายตั้งด้อยค่าลงทุนใน "แคปปิตอล โอเค" กว่า 447 ล้านบาท บวกกับขาดทุนจากการขายทิ้งอีก 1,378.2 ล้านบาท รวมทั้งผลขาดทุนจาก"ไอทีวี" กว่า 3 พันล้านบาท
นายสมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2550 ระหว่าง 1 มกราคม 2550 - 31 ธันวาคม 2550 ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 960 ล้านบาท พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1 มกราคม 2551 - 10 เมษายน 2551 ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท รวมเงินปันผลหุ้นละ 1.55 บาท มูลค่ารวมประมาณ 4,960 ล้านบาท โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2551 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 พฤษภาคม 2551
ทั้งนี้ การพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สืบเนื่องจากคณะกรรมการบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC บริษัทย่อยของบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2550 เพิ่มเติมในอัตราหุ้นละ 3.30 บาท ซึ่งบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้เงินปันผลดังกล่าวเมื่อที่ประชุมสามัญประจำปีของ ADVANC อนุมัติในวันที่ 10 เมษายน 2551 โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับเงินปันผลเป็นจำนวน 4,170,249,600 บาท จากจำนวนหุ้นที่ถือครอง 1,263,712,000 หุ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมติอนุมัติการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการประจำปี 2551 โดยคณะอนุกรรมการกำหนดค่าตอบแทนเสนอให้กำหนดค่าตอบแทนกรรมการสำหรับปี 2551 ภายในวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท รวมทั้งอนุมัติแต่งตั้งกรรมการที่ออกตามวาระกลับเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ประกอบด้วย นายวิทิต ลีนุตพงษ์, นายสมชาย ศุภธาดา, นายชลาลักษณ์ บุนนาค
นายสมประสงค์ กล่าวอีกว่า ธุรกิจที่บริษัทเข้าลงทุนได้แก่ ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม (ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสจำกัด (มหาชน) หรือ AIS ซึ่งดำเนินธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมในประเทศไทย และผ่านบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SATTEL ซึ่งดำเนินธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมในประเทศกัมพูชาและประเทศลาว) ธุรกิจดาวเทียม (ดำเนินธุรกิจผ่าน Shin Satellite) ธุรกิจสื่อและโฆษณา (ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV และบริษัท แมทช์บอกซ์ จำกัด และธุรกิจอื่น (ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิ 960.0 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 22,829.4 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนใหญ่มาจากส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียใน AIS ซึ่งเป็นบริษัทร่วมและเป็นบริษัทหลักในการดำเนินธุรกิจโทรคมนาคมไร้สายของกลุ่มบริษัท ในปี 2550 ส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนใน AIS คิดเป็น 30.2% ของรายได้รวมและ 718% ของกำไรสุทธิ
นอกจากนี้ ช่วงก่อนวันที่ 7 มีนาคม 2550 บมจ.ไอทีวีซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสถานีโทรทัศน์ ถูกสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีสั่งเพิกถอนสัญญาสัมปทานของ ITV ทำให้ต้องหยุดดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ และผลจากการเพิกถอนสัญญาสัมปทานดังกล่าว เป็นผลทำให้รายได้และกำไรของธุรกิจสื่อและโฆษณาสำหรับปี 2550 ลดลง โดย ITV อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาจากสถาบันอนุญาโตตุลาการชี้ขาดในเรื่องดังกล่าว
ส่วนการลงทุนในบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับด้านสินเชื่อผู้บริโภค รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเงินผ่อน สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รวมถึงการลงทุนในบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด ซึ่งลงทุนในบริษัท ไทยแอร์ เอเชีย จำกัด ซึ่งภายหลังบริษัทได้ขายเงินลงทุนทั้งหมดใน Capital OK โดยมีผลขาดทุนจำนวน 1,378.2 ล้านบาท ขณะที่บริษัทได้ขายเงินลงทุนในไทยแอร์ เอเชีย มีกำไรจำนวน 406.8 ล้านบาท นอกจากนี้บมจ.ชินแซทเทลไลท์ได้ขายเงินลงทุน 49% ในบริษัท เชนนิงตัน อินเวสเม้นท์ส พีทีอี จำกัด โดยบริษัทมีกำไรจำนวน 5,126.3 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท (ตามงบการเงินรวม) บริษัทมีรายได้รวมลดลง 2.6% จากจำนวน 23,450.1 ล้านบาทในปี 2549 เป็นจำนวน 22,829.4 ล้านบาท ในปี 2550 โดยรายได้จากการขายและบริการลดลง 26.2% จากจำนวน 14,039.2 ล้านบาทในปี 2549 เป็นจำนวน 10,359.1 ล้านบาท ในปี 2550 โดยการลดลงของรายได้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากธุรกิจสื่อและโฆษณา และธุรกิจสายการบินราคาประหยัด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารายจ่ายรวมของบริษัทจะลดลง 14.2% จากจำนวน 19,643.5 ล้านบาท ในปี 2549 เป็นจำนวน 16,846.8 ล้านบาท ในปี 2550 แต่บริษัทมีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมในบริษัทย่อย คือ Capital OK จำนวน 447 ล้านบาท เพราะมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานอันเนื่องมาจากข้อบังคับของหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น ขณะที่มีบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมที่คงเหลือใน ITV ทั้งจำนวนเป็นเงิน 1,105.4 ล้านบาท รวมทั้งยังบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าและตัดจำหน่ายสินทรัพย์ภายใต้สัญญาสัมปทานจำนวน 1,961.6 ล้านบาท
อนึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคณะกรรมการบมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่น มีมติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2548 โดยจ่ายปันผลในอัตรา 2.60 บาทต่อหุ้นแบ่งเป็นจ่ายปันผลระหว่างการ 1.35 บาทและจ่ายครึ่งปีหลังอีก 1.25 บาท ขณะที่งวดปี 2549 จ่ายปันผลในอัตรา 2.30 บาทต่อหุ้น ส่วนในช่วงครึ่งปีแรก 2550 บริษัทงดจ่ายเงินปันผลเนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนการบันทึกบัญชี พร้อมให้มีการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง 2550 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มชินคอร์ปวานนี้ (26 ก.พ.) หุ้น SHIN ราคาปิดที่ 29.50 บาท, หุ้น ADVANC ราคาปิดที่ 107.00 บาท, หุ้น CSL ราคาปิดที่ 3.88 บาท, หุ้น SATTEL ราคาปิดที่ 10.20 บาท
นายสมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2550 ระหว่าง 1 มกราคม 2550 - 31 ธันวาคม 2550 ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 960 ล้านบาท พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1 มกราคม 2551 - 10 เมษายน 2551 ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท รวมเงินปันผลหุ้นละ 1.55 บาท มูลค่ารวมประมาณ 4,960 ล้านบาท โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2551 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 พฤษภาคม 2551
ทั้งนี้ การพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สืบเนื่องจากคณะกรรมการบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC บริษัทย่อยของบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2550 เพิ่มเติมในอัตราหุ้นละ 3.30 บาท ซึ่งบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้เงินปันผลดังกล่าวเมื่อที่ประชุมสามัญประจำปีของ ADVANC อนุมัติในวันที่ 10 เมษายน 2551 โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับเงินปันผลเป็นจำนวน 4,170,249,600 บาท จากจำนวนหุ้นที่ถือครอง 1,263,712,000 หุ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมติอนุมัติการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการประจำปี 2551 โดยคณะอนุกรรมการกำหนดค่าตอบแทนเสนอให้กำหนดค่าตอบแทนกรรมการสำหรับปี 2551 ภายในวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท รวมทั้งอนุมัติแต่งตั้งกรรมการที่ออกตามวาระกลับเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ประกอบด้วย นายวิทิต ลีนุตพงษ์, นายสมชาย ศุภธาดา, นายชลาลักษณ์ บุนนาค
นายสมประสงค์ กล่าวอีกว่า ธุรกิจที่บริษัทเข้าลงทุนได้แก่ ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม (ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสจำกัด (มหาชน) หรือ AIS ซึ่งดำเนินธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมในประเทศไทย และผ่านบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SATTEL ซึ่งดำเนินธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมในประเทศกัมพูชาและประเทศลาว) ธุรกิจดาวเทียม (ดำเนินธุรกิจผ่าน Shin Satellite) ธุรกิจสื่อและโฆษณา (ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV และบริษัท แมทช์บอกซ์ จำกัด และธุรกิจอื่น (ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิ 960.0 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 22,829.4 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนใหญ่มาจากส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียใน AIS ซึ่งเป็นบริษัทร่วมและเป็นบริษัทหลักในการดำเนินธุรกิจโทรคมนาคมไร้สายของกลุ่มบริษัท ในปี 2550 ส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนใน AIS คิดเป็น 30.2% ของรายได้รวมและ 718% ของกำไรสุทธิ
นอกจากนี้ ช่วงก่อนวันที่ 7 มีนาคม 2550 บมจ.ไอทีวีซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสถานีโทรทัศน์ ถูกสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีสั่งเพิกถอนสัญญาสัมปทานของ ITV ทำให้ต้องหยุดดำเนินกิจการสถานีโทรทัศน์ และผลจากการเพิกถอนสัญญาสัมปทานดังกล่าว เป็นผลทำให้รายได้และกำไรของธุรกิจสื่อและโฆษณาสำหรับปี 2550 ลดลง โดย ITV อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาจากสถาบันอนุญาโตตุลาการชี้ขาดในเรื่องดังกล่าว
ส่วนการลงทุนในบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับด้านสินเชื่อผู้บริโภค รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเงินผ่อน สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รวมถึงการลงทุนในบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด ซึ่งลงทุนในบริษัท ไทยแอร์ เอเชีย จำกัด ซึ่งภายหลังบริษัทได้ขายเงินลงทุนทั้งหมดใน Capital OK โดยมีผลขาดทุนจำนวน 1,378.2 ล้านบาท ขณะที่บริษัทได้ขายเงินลงทุนในไทยแอร์ เอเชีย มีกำไรจำนวน 406.8 ล้านบาท นอกจากนี้บมจ.ชินแซทเทลไลท์ได้ขายเงินลงทุน 49% ในบริษัท เชนนิงตัน อินเวสเม้นท์ส พีทีอี จำกัด โดยบริษัทมีกำไรจำนวน 5,126.3 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท (ตามงบการเงินรวม) บริษัทมีรายได้รวมลดลง 2.6% จากจำนวน 23,450.1 ล้านบาทในปี 2549 เป็นจำนวน 22,829.4 ล้านบาท ในปี 2550 โดยรายได้จากการขายและบริการลดลง 26.2% จากจำนวน 14,039.2 ล้านบาทในปี 2549 เป็นจำนวน 10,359.1 ล้านบาท ในปี 2550 โดยการลดลงของรายได้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากธุรกิจสื่อและโฆษณา และธุรกิจสายการบินราคาประหยัด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารายจ่ายรวมของบริษัทจะลดลง 14.2% จากจำนวน 19,643.5 ล้านบาท ในปี 2549 เป็นจำนวน 16,846.8 ล้านบาท ในปี 2550 แต่บริษัทมีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมในบริษัทย่อย คือ Capital OK จำนวน 447 ล้านบาท เพราะมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานอันเนื่องมาจากข้อบังคับของหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น ขณะที่มีบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมที่คงเหลือใน ITV ทั้งจำนวนเป็นเงิน 1,105.4 ล้านบาท รวมทั้งยังบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าและตัดจำหน่ายสินทรัพย์ภายใต้สัญญาสัมปทานจำนวน 1,961.6 ล้านบาท
อนึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคณะกรรมการบมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่น มีมติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2548 โดยจ่ายปันผลในอัตรา 2.60 บาทต่อหุ้นแบ่งเป็นจ่ายปันผลระหว่างการ 1.35 บาทและจ่ายครึ่งปีหลังอีก 1.25 บาท ขณะที่งวดปี 2549 จ่ายปันผลในอัตรา 2.30 บาทต่อหุ้น ส่วนในช่วงครึ่งปีแรก 2550 บริษัทงดจ่ายเงินปันผลเนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนการบันทึกบัญชี พร้อมให้มีการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง 2550 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มชินคอร์ปวานนี้ (26 ก.พ.) หุ้น SHIN ราคาปิดที่ 29.50 บาท, หุ้น ADVANC ราคาปิดที่ 107.00 บาท, หุ้น CSL ราคาปิดที่ 3.88 บาท, หุ้น SATTEL ราคาปิดที่ 10.20 บาท