“มิ่งขวัญ” วูบกลางโรงแรมเซ็นทาราฯ หลังบรรยายไปได้แค่ 15 นาที เหตุโหมงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน เผยเป็นเพราะเครียดกับงานบีบเอกชนลดราคาสินค้า ด้านบิ๊ก ซี.พี.สอนมวย ”พาณิชย์” ต้านมาตรการตรึงราคาสินค้าเกษตรและเนื้อสัตว์ ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยสูญพันธุ์ ชี้ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกับตลาดโลก แล้วหาทางอุ้มผู้มีรายได้น้อยแทน ยันแนวโน้มสินค้าเกษตรปรับเพิ่มขึ้น 10-20%ในอีก 10 ปีข้างหน้า
วานนี้ (25 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา กรุงเทพฯ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้บรรยายในหัวข้อ “การตลาดประเทศไทย” ในการสัมมนา “มองไปข้างหน้ากับรัฐบาลใหม่” จัดโดยหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ก่อนการบรรยาย นายมิ่งขวัญ ได้กล่าวว่า ไม่ทราบว่า วันนี้จะพูดจบหรือเปล่า เพราะไม่สบายมาก เป็นหวัด จากนั้นได้พูดต่อ โดยระบุว่า ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้จะสานต่อนโยบายประชานิยมสู่รากหญ้า ในการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายประชาชน เห็นผลโดยเร็ว มีมาตราการองรับระยะสั้น กลาง และยาว และสร้างมูลค่าผ่านนวัตกรรมทางความคิด
ในระหว่างการบรรยายนายมิ่งขวัญ เริ่มมีอาการเสียงแหบ หน้าตาซีดเซียว และอิดโรย นายมิ่งขวัญ มีอาการซวนเซ มือจับโพเดียมแน่น และล้มลงหมดสติจนโพเดียมทับลงไปที่ตัว จากนั้นเกิดความโกลาหลขึ้น ทั้งผู้จัดงาน และบรรดารัฐมนตรีที่อยู่ใกล้ๆ ต่างช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยปลดกระดุมเสื้อ ถอดเนคไท และพัดให้จนนายมิ่งขวัญ สามารถฟื้นคืนสติ และลุกขึ้นนั่งได้ภายใน 5 นาที แต่ที่ศีรษะมีเลือดไหลซิบๆ จากการถูกโพเดียมล้มทับ พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำเปลพยาบาลมารอเพื่อหามนายมิ่งขวัญส่งโรงพยาบาลตำรวจ แต่นายมิ่งขวัญ กลับตอบว่า ขอเดินไปเอง ทั้งๆ ที่ยังมีท่าทีอิดโรย และเดินซวนเซ
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบถามผู้ใกล้ชิด ทราบว่านายมิ่งขวัญ มีอาการไม่สบายมาหลายวันแล้ว เพราะเครียดกับงานที่กระทรวงพาณิชย์ ทั้งเรื่องราคาค่าครองชีพที่สูงขึ้น และต้องการให้ผู้ประกอบการปรับลดราคาสินค้าลง เพื่อบรรเทาค่าครองชีพประชาชน การแก้ไขปัญหาการส่งออก ที่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสหรัฐฯ (ซับไพรม์) ประกอบกับ มีเวลาพักผ่อนน้อยมาก ซึ่งก่อนการมาบรรยายในครั้งนี้ หลังอาหารเที่ยงเพิ่งรับประทานยาแก้หวัดเข้าไป
ตั้งแต่ที่นายมิ่งขวัญเข้ามารับงานที่กระทรวงพาณิชย์ นายมิ่งขวัญได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการประชุมหารือ เพื่อทำความเข้าใจกับงาน บางครั้งต้องมาประชุมร่วมกับข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ทั้งวันเสาร์ และอาทิตย์ ใช้เวลาประชุมเกือบทั้งวัน ขณะที่วันทำงานปกติ ก็มีภารกิจมาก ทั้งที่ปฏิบัติภารกิจในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และในส่วนของ รมว.พาณิชย์เองด้วย
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้เข้าเยี่ยมนายมิ่งขวัญแล้ว โดยทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ได้สั่งแต่งตั้งคณะแพทย์เข้าทำการรักษาโดยมี พล.ต.ท.นพ.เลี้ยง หุยประเสริญ แพทย์ใหญ่ เป็นหัวหน้า และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอาการให้เป็นพิเศษ ขณะนี้อาการโดยทั่วไปปลอดภัยไม่น่าเป็นห่วง
ด้าน พล.ต.ต.นพ.สมยศ ดีมาก รองแพทย์ใหญ่ กล่าวว่า ในเบื้องต้นแพทย์ได้ทำการปฐมพยาบาลโดยทำกราฟหัวใจ และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง หลังจากทราบว่าหน้าผากของนายมิ่งขวัญกระแทกพื้น เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหา ทั้งนี้ อาการโดยทั่วไปนั้น การเต้นของหัวใจดี เฉลี่ยได้ 80 ครั้งต่อนาที ระดับความดันปกติ ประมาณ 120/70 ซึ่งถือว่าปกติ ส่วนสาเหตุ น่าจะมาจากการเป็นหวัด และนายมิ่งขวัญรับประทานยาเข้าไป แต่รับประทานอาหารน้อย เมื่อเจอแสงไฟมากๆ ประกอบกับอากาศร้อนทำให้หน้ามืด ซึ่งไม่น่าเกิดจากความเครียด แต่เป็นอาการปกติของคนที่กินยา และกินอาหารน้อย ทำให้ระดับน้ำตาลในสมองน้อยจึงเกิดอาการหน้ามืดดังกล่าว
รองแพทย์ใหญ่ รพ.ตร.กล่าวอีกว่า แพทย์ได้แนะนำให้นายมิ่งขวัญพักผ่อน รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หมั่นออกกำลังกาย ส่วนแผลที่หน้าผากเชื่อว่าประมาณ 3-4 วันจะหายเป็นปกติ โดยเบื้องต้นผลจากการเอกซเรย์พบว่ากะโหลกศีรษะไม่แตก สมองไม่มีปัญหา ไม่ได้รับการกระทบกระเทือน
บิ๊ก ซี.พี.สอนมวยพาณิชย์
นายอาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซี.พี.) เปิดเผยว่า จากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นส่งผลดีต่อประเทศไทย ดังนั้นรัฐควรให้การสนับสนุน แทนที่จะตรึงราคาสินค้าเกษตร หรือเนื้อสัตว์เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเห็นว่าเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น และยังส่งผลกระทบต่อจีดีพีของประเทศด้วย ดังนั้นไทยควรจะใช้โอกาสที่ราคาสินค้าเกษตรปรับขึ้นทั่วโลกสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยเหมือนเช่นใน สหรัฐ , ยุโรป เป็นต้น
"ถ้ารัฐสนับสนุนสินค้าเกษตรลอยตัว จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ดี มีการจับจ่ายใช้สอยส่งผลให้เศรษฐกิจดีตามไปด้วย ที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรไม่ได้ปรับขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะให้เกษตรกรไทยลืมตาอ้าปากได้"นายอาชว์ กล่าว
สำหรับแนวทางการส่งเสริมเกษตรกรในช่วงนี้ คือ การเร่งระบบชลประทาน การปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิต จึงเป็นโอกาสที่ดีของเกษตรกรไทย ที่ผ่านมา สินค้าเกษตรตกต่ำจนกลายเป็นปัญหาที่ภาครัฐต้องเข้ามาอุดหนุนไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่อย่างสหรัฐ หรือสหภาพยุโรป ก็ตาม แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นปัจจัยผลักดันให้มีการนำพืชทางการเกษตรหลายชนิดนำไปผลิตเป็นพลังงานทดแทนมากขึ้น รวมทั้งความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรก็เพิ่มมากขึ้นจากประเทศจีนและอินเดียที่มีรายได้ต่อคนสูงขึ้นด้วย
นายวีรวัฒน์ กาญจนดุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่บริหาร อาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ปัจจุบันภาคการเกษตรคิดเป็นอัตราส่วน 10%ของจีดีพี แต่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศถึง 50%อยู่ในภาคการเกษตร ทำให้รายได้ต่อประชากรค่อนข้างต่ำ ทางธนาคารโลกเสนอแนวทางการแก้ปัญหาความยากจนอย่างรวดเร็ว ควรต้องส่งเสริมภาคการเกษตร ในการหาแนวทางเพิ่มรายได้ของคนในกลุ่มนี้
ส่วนกรณีที่กระทรวงพาณิชย์มีแนวคิดที่จะตรึงราคาสินค้าเกษตรหรือเนื้อสัตว์นั้น อยากให้รัฐพิจารณาอย่างรอบคอบและเป็นธรรม ซึ่งการตรึงราคาสินค้าเกษตร เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น 3-6 เดือน แต่ควรมองไปถึงระยะยาว 3-5 ปี เพราะหากรัฐเข้าไปตรึงราคา ทั้งๆที่ผู้ผลิตมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ก็จะทำให้ผู้ผลิตหรือเกษตรกรรายย่อยล้มหายตายจาก คงเหลือแต่ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สามารถตรึงราคาไว้ได้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะขยายกำลังการผลิต เพราะไม่ต้องการเสี่ยง และสถาบันการเงินเองก็คงยากที่จะปล่อยกู้สำหรับธุรกิจเกษตรที่มีความเสี่ยงจากนโยบายรัฐบาล ทำให้เกิดปัญหายืดเยื้อออกไป
ในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการที่รัฐจะกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการเกษตร เพื่อให้เป็นตัวผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้น แทนที่จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)รั้งท้ายของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งภาครัฐควรกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนและการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐเองด้วย ซึ่งการลงทุนของภาคเอกชนนั้นยังติดขัดในหลายเรื่อง ทั้งความคลุมเคลือของกฎหมายต่างด้าว กฎหมายค้าปลีกและการตรึงราคาสินค้า ทำให้เอกชนไม่กล้าที่จะขยายการลงทุน
ส่วนกฎหมายกันสำรอง 30%ของแบงก์ชาตินั้น หากจะมีการยกเลิก ก็ควรที่จะมาตรการอื่นมารองรับไว้ หากมีการแก้ไขพรบ.เงินตรา แบงก์ชาติก็สามารถนำเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไปลงทุนอย่างอื่นเพื่อให้เกิดประโยชน์ได้ เพราะการมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากเกินไปมีส่วนทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
นายสารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกจากนี้ไปจะปรับขึ้นไปอีก 10-20 ปีๆละ 10-20% เป็นผลจากการนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น ข้าวโพด เป็นต้น หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของเกษตรกรที่จะขายสินค้าเกษตรได้ราคาดี ซึ่งราคาสินค้าเกษตรกรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีรายได้ปานกลางอย่างประเทศไทย ประมาณ 20% ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้วกระทบเพียง 3%
แหล่งข่าวจากโมเดิรน์เทรด กล่าวถึงปัญหาสินค้าราคาแพงว่าเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งค่าขนส่ง ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งทำให้ต้นราคาสินค้าแพงขึ้น ส่วนการที่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่เรียกเก็บค่าธรรมแรกจากผู้ผลิตสินค้านั้นเป็นการเรียกเก็บมาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว ซึ่งก็ยังทำให้สินค้าที่ขายอยู่ในห้างค้าปลีกขายได้ในราคาต่ำกว่าร้านทั่ว ๆ ไปจึงไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้สินค้ามีราคาแพง แต่กระทรวงพาณิชย์กลับออกมากดดันห้ามห้างค้าปลีกยักษ์ออกมาจัดรายการขายสินค้าราคาถูกหรือลดราคาสินค้า ยิ่งทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถซื้อสินค้าราคาถูกได้ ซึ่งรัฐควรกลับไปทบทวนว่าสินค้าราคาแพงขึ้นนั้นเกิดจากกลุ่มยี่ปั๊วหรือซาปั๊วหรือไม่
วานนี้ (25 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา กรุงเทพฯ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้บรรยายในหัวข้อ “การตลาดประเทศไทย” ในการสัมมนา “มองไปข้างหน้ากับรัฐบาลใหม่” จัดโดยหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ก่อนการบรรยาย นายมิ่งขวัญ ได้กล่าวว่า ไม่ทราบว่า วันนี้จะพูดจบหรือเปล่า เพราะไม่สบายมาก เป็นหวัด จากนั้นได้พูดต่อ โดยระบุว่า ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้จะสานต่อนโยบายประชานิยมสู่รากหญ้า ในการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายประชาชน เห็นผลโดยเร็ว มีมาตราการองรับระยะสั้น กลาง และยาว และสร้างมูลค่าผ่านนวัตกรรมทางความคิด
ในระหว่างการบรรยายนายมิ่งขวัญ เริ่มมีอาการเสียงแหบ หน้าตาซีดเซียว และอิดโรย นายมิ่งขวัญ มีอาการซวนเซ มือจับโพเดียมแน่น และล้มลงหมดสติจนโพเดียมทับลงไปที่ตัว จากนั้นเกิดความโกลาหลขึ้น ทั้งผู้จัดงาน และบรรดารัฐมนตรีที่อยู่ใกล้ๆ ต่างช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยปลดกระดุมเสื้อ ถอดเนคไท และพัดให้จนนายมิ่งขวัญ สามารถฟื้นคืนสติ และลุกขึ้นนั่งได้ภายใน 5 นาที แต่ที่ศีรษะมีเลือดไหลซิบๆ จากการถูกโพเดียมล้มทับ พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำเปลพยาบาลมารอเพื่อหามนายมิ่งขวัญส่งโรงพยาบาลตำรวจ แต่นายมิ่งขวัญ กลับตอบว่า ขอเดินไปเอง ทั้งๆ ที่ยังมีท่าทีอิดโรย และเดินซวนเซ
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบถามผู้ใกล้ชิด ทราบว่านายมิ่งขวัญ มีอาการไม่สบายมาหลายวันแล้ว เพราะเครียดกับงานที่กระทรวงพาณิชย์ ทั้งเรื่องราคาค่าครองชีพที่สูงขึ้น และต้องการให้ผู้ประกอบการปรับลดราคาสินค้าลง เพื่อบรรเทาค่าครองชีพประชาชน การแก้ไขปัญหาการส่งออก ที่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสหรัฐฯ (ซับไพรม์) ประกอบกับ มีเวลาพักผ่อนน้อยมาก ซึ่งก่อนการมาบรรยายในครั้งนี้ หลังอาหารเที่ยงเพิ่งรับประทานยาแก้หวัดเข้าไป
ตั้งแต่ที่นายมิ่งขวัญเข้ามารับงานที่กระทรวงพาณิชย์ นายมิ่งขวัญได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการประชุมหารือ เพื่อทำความเข้าใจกับงาน บางครั้งต้องมาประชุมร่วมกับข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ทั้งวันเสาร์ และอาทิตย์ ใช้เวลาประชุมเกือบทั้งวัน ขณะที่วันทำงานปกติ ก็มีภารกิจมาก ทั้งที่ปฏิบัติภารกิจในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และในส่วนของ รมว.พาณิชย์เองด้วย
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้เข้าเยี่ยมนายมิ่งขวัญแล้ว โดยทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ได้สั่งแต่งตั้งคณะแพทย์เข้าทำการรักษาโดยมี พล.ต.ท.นพ.เลี้ยง หุยประเสริญ แพทย์ใหญ่ เป็นหัวหน้า และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอาการให้เป็นพิเศษ ขณะนี้อาการโดยทั่วไปปลอดภัยไม่น่าเป็นห่วง
ด้าน พล.ต.ต.นพ.สมยศ ดีมาก รองแพทย์ใหญ่ กล่าวว่า ในเบื้องต้นแพทย์ได้ทำการปฐมพยาบาลโดยทำกราฟหัวใจ และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง หลังจากทราบว่าหน้าผากของนายมิ่งขวัญกระแทกพื้น เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหา ทั้งนี้ อาการโดยทั่วไปนั้น การเต้นของหัวใจดี เฉลี่ยได้ 80 ครั้งต่อนาที ระดับความดันปกติ ประมาณ 120/70 ซึ่งถือว่าปกติ ส่วนสาเหตุ น่าจะมาจากการเป็นหวัด และนายมิ่งขวัญรับประทานยาเข้าไป แต่รับประทานอาหารน้อย เมื่อเจอแสงไฟมากๆ ประกอบกับอากาศร้อนทำให้หน้ามืด ซึ่งไม่น่าเกิดจากความเครียด แต่เป็นอาการปกติของคนที่กินยา และกินอาหารน้อย ทำให้ระดับน้ำตาลในสมองน้อยจึงเกิดอาการหน้ามืดดังกล่าว
รองแพทย์ใหญ่ รพ.ตร.กล่าวอีกว่า แพทย์ได้แนะนำให้นายมิ่งขวัญพักผ่อน รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หมั่นออกกำลังกาย ส่วนแผลที่หน้าผากเชื่อว่าประมาณ 3-4 วันจะหายเป็นปกติ โดยเบื้องต้นผลจากการเอกซเรย์พบว่ากะโหลกศีรษะไม่แตก สมองไม่มีปัญหา ไม่ได้รับการกระทบกระเทือน
บิ๊ก ซี.พี.สอนมวยพาณิชย์
นายอาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซี.พี.) เปิดเผยว่า จากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นส่งผลดีต่อประเทศไทย ดังนั้นรัฐควรให้การสนับสนุน แทนที่จะตรึงราคาสินค้าเกษตร หรือเนื้อสัตว์เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเห็นว่าเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น และยังส่งผลกระทบต่อจีดีพีของประเทศด้วย ดังนั้นไทยควรจะใช้โอกาสที่ราคาสินค้าเกษตรปรับขึ้นทั่วโลกสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยเหมือนเช่นใน สหรัฐ , ยุโรป เป็นต้น
"ถ้ารัฐสนับสนุนสินค้าเกษตรลอยตัว จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ดี มีการจับจ่ายใช้สอยส่งผลให้เศรษฐกิจดีตามไปด้วย ที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรไม่ได้ปรับขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะให้เกษตรกรไทยลืมตาอ้าปากได้"นายอาชว์ กล่าว
สำหรับแนวทางการส่งเสริมเกษตรกรในช่วงนี้ คือ การเร่งระบบชลประทาน การปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิต จึงเป็นโอกาสที่ดีของเกษตรกรไทย ที่ผ่านมา สินค้าเกษตรตกต่ำจนกลายเป็นปัญหาที่ภาครัฐต้องเข้ามาอุดหนุนไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่อย่างสหรัฐ หรือสหภาพยุโรป ก็ตาม แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นปัจจัยผลักดันให้มีการนำพืชทางการเกษตรหลายชนิดนำไปผลิตเป็นพลังงานทดแทนมากขึ้น รวมทั้งความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรก็เพิ่มมากขึ้นจากประเทศจีนและอินเดียที่มีรายได้ต่อคนสูงขึ้นด้วย
นายวีรวัฒน์ กาญจนดุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่บริหาร อาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ปัจจุบันภาคการเกษตรคิดเป็นอัตราส่วน 10%ของจีดีพี แต่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศถึง 50%อยู่ในภาคการเกษตร ทำให้รายได้ต่อประชากรค่อนข้างต่ำ ทางธนาคารโลกเสนอแนวทางการแก้ปัญหาความยากจนอย่างรวดเร็ว ควรต้องส่งเสริมภาคการเกษตร ในการหาแนวทางเพิ่มรายได้ของคนในกลุ่มนี้
ส่วนกรณีที่กระทรวงพาณิชย์มีแนวคิดที่จะตรึงราคาสินค้าเกษตรหรือเนื้อสัตว์นั้น อยากให้รัฐพิจารณาอย่างรอบคอบและเป็นธรรม ซึ่งการตรึงราคาสินค้าเกษตร เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น 3-6 เดือน แต่ควรมองไปถึงระยะยาว 3-5 ปี เพราะหากรัฐเข้าไปตรึงราคา ทั้งๆที่ผู้ผลิตมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ก็จะทำให้ผู้ผลิตหรือเกษตรกรรายย่อยล้มหายตายจาก คงเหลือแต่ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สามารถตรึงราคาไว้ได้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะขยายกำลังการผลิต เพราะไม่ต้องการเสี่ยง และสถาบันการเงินเองก็คงยากที่จะปล่อยกู้สำหรับธุรกิจเกษตรที่มีความเสี่ยงจากนโยบายรัฐบาล ทำให้เกิดปัญหายืดเยื้อออกไป
ในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการที่รัฐจะกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการเกษตร เพื่อให้เป็นตัวผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้น แทนที่จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)รั้งท้ายของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งภาครัฐควรกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนและการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐเองด้วย ซึ่งการลงทุนของภาคเอกชนนั้นยังติดขัดในหลายเรื่อง ทั้งความคลุมเคลือของกฎหมายต่างด้าว กฎหมายค้าปลีกและการตรึงราคาสินค้า ทำให้เอกชนไม่กล้าที่จะขยายการลงทุน
ส่วนกฎหมายกันสำรอง 30%ของแบงก์ชาตินั้น หากจะมีการยกเลิก ก็ควรที่จะมาตรการอื่นมารองรับไว้ หากมีการแก้ไขพรบ.เงินตรา แบงก์ชาติก็สามารถนำเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไปลงทุนอย่างอื่นเพื่อให้เกิดประโยชน์ได้ เพราะการมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากเกินไปมีส่วนทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
นายสารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกจากนี้ไปจะปรับขึ้นไปอีก 10-20 ปีๆละ 10-20% เป็นผลจากการนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น ข้าวโพด เป็นต้น หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของเกษตรกรที่จะขายสินค้าเกษตรได้ราคาดี ซึ่งราคาสินค้าเกษตรกรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีรายได้ปานกลางอย่างประเทศไทย ประมาณ 20% ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้วกระทบเพียง 3%
แหล่งข่าวจากโมเดิรน์เทรด กล่าวถึงปัญหาสินค้าราคาแพงว่าเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งค่าขนส่ง ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งทำให้ต้นราคาสินค้าแพงขึ้น ส่วนการที่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่เรียกเก็บค่าธรรมแรกจากผู้ผลิตสินค้านั้นเป็นการเรียกเก็บมาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว ซึ่งก็ยังทำให้สินค้าที่ขายอยู่ในห้างค้าปลีกขายได้ในราคาต่ำกว่าร้านทั่ว ๆ ไปจึงไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้สินค้ามีราคาแพง แต่กระทรวงพาณิชย์กลับออกมากดดันห้ามห้างค้าปลีกยักษ์ออกมาจัดรายการขายสินค้าราคาถูกหรือลดราคาสินค้า ยิ่งทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถซื้อสินค้าราคาถูกได้ ซึ่งรัฐควรกลับไปทบทวนว่าสินค้าราคาแพงขึ้นนั้นเกิดจากกลุ่มยี่ปั๊วหรือซาปั๊วหรือไม่
