วานนี้(25 ก.พ.)ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกรุงเทพมหานคร(กทม.) พร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติงาน และรับทราบผลการทำงานของกทม.ด้านต่าง ๆ โดยคณะบริหารกทม. ได้เสนอแนวทางเพื่อที่จะทำให้กทม.กลายเป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยืน อาทิ การดำเนินโครงการเกี่ยวกับขนส่งในกทม. โดยเฉพาะส่วนต่อขยายบีทีเอส และโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษ(BRT) การอนุรักษ์และฟื้นฟูเจ้าพระยา ตามพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ การพัฒนาภาคมหานครอย่างบูรณาการ การจัดการปัญหายาเสพติด(ศตส.กทม.) ฯลฯ
จากนั้นร.ต.อ.เฉลิม ได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า เหตุที่ตนเลือกมาเยี่ยมกทม.เป็นหน่วยงานเเรก เนื่องจากกทม.เป็นพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่มาก ซึ่งจากการที่ฟังนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.บรรยายพบว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รายงานบนพื้นฐานความเป็นจริง โดยตนได้เตรียมเรื่องเพื่อที่จะมาคุยเยอะมากแต่กลับไม่ได้พูดเพราะผู้ว่าฯอภิรักษ์ รายงานได้ดี
อย่างไรก็ตามก็ได้เสนอแนวนโยบายการพัฒนากทม. 5 ข้อ ได้แก่ 5 ข้อ ได้แก่ 1. การแก้ไขปัญหายาเสพติด และจัดระเบียบสังคม โดยขอให้ผู้ว่าฯกทม.สั่งการทุกสำนักงานเขตเร่งแก้ไขปัญหาสถานบันเทิงโดยเฉพาะที่เปิดเกินเวลา ไม่มีกฎกติกา ที่สำคัญให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปใช้บริการและกลายเป็นแหล่งมั่วสุมสิ่งเสพติด ยาเสพติดต่างๆ 2. การบังคับใช้กฎหมาย ตนได้ขอให้กทม.ชี้เป้าหมายผู้ที่กระทำผิดให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ ซึ่งหากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือให้กทม.สามารถแจ้งเรื่องไปที่ตนโดยตรง แล้วตนจะนำเรื่องนี้ให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3. การฟื้นฟูแม่น้ำเจ้าพระยา โดยการจำกัดขยะ วัชพืชเพื่อคืนชีวิตชีวาให้กับลำน้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง หรือที่เรียกว่า Back to Basic ซึ่งจะดำเนินการตั้งแต่เขต จ.นนทบุรี ไปจนถึงปากอ่าว จ.สมุทรปราการ ซึ่งในเรื่องนี้ตนกับผู้ว่าฯกทม.มีความคิดเห็นที่ตรงกัน 4. ฝากให้ผู้ว่าฯกทม.ให้ความสำคัญกับชายทะเล เขตบางขุนเทียน ที่ปัจจุบันประสบปัญหากัดเซาะชายฝั่งโดยขณะนี้น้ำทะเลได้กัดเซาะจนเสาไฟฟ้าอยู่ห่างจากตลิ่งเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งต้องหาทางป้องกัน
และ5. การสร้างจุดชมวิวกรุงเทพฯ ตนอยากให้สร้างหอชมวิวที่เป็นสัญลักษณ์ซึ่งเมื่อมาที่ประเทศไทยทุกคนจะต้องเดินทางมาที่หอชมวิวแห่งนี้โดยกทม.สามารถดำเนินการได้ 2 แนวทางคือ สร้างโมเดล รูปแบบขึ้นมาเอง แล้วของบประมาณจากรัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ประสานของบประมาณให้ หรือจัดหาบริษัทเอกชนมาดำเนินการทุกอย่างโดยกทม.ไม่ต้องออกงบประมาณเลย นอกจากนี้ในหอชมวิวกทม.จะต้องมีห้องประชุมขนาดใหญ่ มีศูนย์การเงินการคลังเพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจที่มาท่องเที่ยวสามารถดำเนินธุรกรรมทางการเงินและประสานงานธุรกิจการค้า ณ ศูนย์แห่งนี้ได้
“การบ้านหนักๆของผู้ว่าฯกทม.คือจะทำอย่างไรให้กรุงเทพฯหลังเวลา 4 ทุ่ม ทุกคนไปไหนมาไหนมีแต่ความปลอดภัย วิ่งปล้น ฆ่าข่มขืน ฉุดกระชากลากเข้ารกเข้าพงไม่มี ซึ่งต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในยุคที่ตนเป็นมท.1 ทุกคนจะต้องปลอดภัยใครจะว่าอย่างไรไม่สนใจซึ่งตนจะใช้นโยบายการปราบปรามยาเสพติดในเชิงรุก แต่ไมใช่การฆ่าตัดตอนอย่างที่เข้าใจ ซึ่งการฆ่าตัดตอนเกิดจากเข้าทำกันเองตนเพียงแต่บอกไม่อยากตายให้เดินออกมา เราจะทำอย่างเด็ดขาด แต่ไม่รุนแรงอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายไม่มีการละเว้นใดๆทั้งนั้น ส่วนสถานบันเทิงคุณปิดตี4- ตี5 คนไปเที่ยวหลัง 2 ยาม ขากลับรถคว่ำ ชนกันตายยุคผมผมไม่ยอม ซึ่งผู้ประกอบต้องให้ความร่วมมือจะเปิดเร็วได้แต่อนุโลมให้ปิดไม่เกินตี 2 ถือเป็นนโยบายเลยส่งซิกไปแบบนี้ต้องฟังซึ่งจะเห็นผลภายใน 7 วันซึ่งจะมีการเรียกผู้ประกอบการมาคุยและผมจะเอาจริงแน่นอน” มท.1 กล่าว
สำหรับเรื่องส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าของกทม. ถ้ากทม.ขาดงบประมาณในการดำเนินการเส้นทางไหนก็ให้เสนอมา ตนจะได้นำไปเสนอของบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะนายกฯมีนโยบายในเรื่องนี้อยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่องค์กรสตรีร้องเรียนให้ผู้ว่านกทม.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพฤติกรรมชู้สาวของข้าราชการระดับสูงใน กทม.นั้นตนเห็นว่ามันเป็นข่าวลือ อย่าไปเชื่อแน่จริงจะต้องระบุชื่อชายหญิงมาให้ด้วย มาถามตนๆ คงจะตอบไม่ได้เพราะไม่มีพยานหลักฐาน ต้องไปจุดธูปศาลพระภูมิหรือเปล่าเพื่อถามว่าเป็นใคร แต่ถ้าเอาชื่อมาให้ก็จะตรวจสอบได้ทันทีเพราะมันเป็นเรื่องจริยธรรม คุณธรรม สามารถตรวจสอบทางลับได้ แต่บางครั้งคนแก่มีกิ๊กกันมันก็เป็นเรื่องปกติ อย่าไปมองเป็นเรื่องซีเรียส
สำหรับเรื่องคดีรถดับเพลิงหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่พูด ไม่ถามเรื่องขัดแย้งตอนนี้ประธานคตส.บอกว่าต้องสอบใหม่ก็แปลว่าไม่มีใครผิด ซึ่งผมจะหารือวันหลังกับผู้ว่าฯอภิรักษ์ ส่วนเรื่องรถ-เรือที่ได้มีการจัดส่งมาบ้างแล้วนั้นของที่ปล่อยไว้เฉยไม่ใช้ก็คงจะไม่ได้แต่จะดำเนินการอย่างไรนั้นมันเป็นข้อกฎหมายต้องดูอย่างละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำงานต่างพรรคกันมีปัญหาในการร่วมงานหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า ผมบอกว่าผู้ว่าชนะไม่เป็นไรแต่ถ้าชูวิทย์ผมตายแน่ ยุคนี้ไม่มีพรรคมีแต่พวก ถึงแม้คนละพรรคแต่งานจะเดิน
ด้านนายอภิรักษ์ กล่าวว่า ตนจะนำข้อเสนอแนะที่มท.1 มอบให้ในวันนี้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะผู้บริหารกทม.ในวันพรุ่งนี้เพื่อดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป ส่วนเรื่องบิ๊กกทม.นั้นต้องดูว่าใครได้ใครเสียหาย แต่ในเชิงนโยบายไม่ว่าจะหน่วยงานไหนจะต้องไม่ละเมิดสิทธิสตรี ส่วนรายละเอียดอยากให้มูลนิธิเพื่อนหญิงระบุให้ชัดเจนซึ่งจะต้องมีการหารือกันก่อน ขณะที่มีการกล่าวอ้างว่าๆได้ส่งหนังสือร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมาให้ตนก่อนหน้านี้แล้วนั้นตนไม่ทราบต้องรอให้ยื่นมาอย่างเป็นทางการก่อน
จากนั้นร.ต.อ.เฉลิม ได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า เหตุที่ตนเลือกมาเยี่ยมกทม.เป็นหน่วยงานเเรก เนื่องจากกทม.เป็นพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่มาก ซึ่งจากการที่ฟังนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.บรรยายพบว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รายงานบนพื้นฐานความเป็นจริง โดยตนได้เตรียมเรื่องเพื่อที่จะมาคุยเยอะมากแต่กลับไม่ได้พูดเพราะผู้ว่าฯอภิรักษ์ รายงานได้ดี
อย่างไรก็ตามก็ได้เสนอแนวนโยบายการพัฒนากทม. 5 ข้อ ได้แก่ 5 ข้อ ได้แก่ 1. การแก้ไขปัญหายาเสพติด และจัดระเบียบสังคม โดยขอให้ผู้ว่าฯกทม.สั่งการทุกสำนักงานเขตเร่งแก้ไขปัญหาสถานบันเทิงโดยเฉพาะที่เปิดเกินเวลา ไม่มีกฎกติกา ที่สำคัญให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปใช้บริการและกลายเป็นแหล่งมั่วสุมสิ่งเสพติด ยาเสพติดต่างๆ 2. การบังคับใช้กฎหมาย ตนได้ขอให้กทม.ชี้เป้าหมายผู้ที่กระทำผิดให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ ซึ่งหากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือให้กทม.สามารถแจ้งเรื่องไปที่ตนโดยตรง แล้วตนจะนำเรื่องนี้ให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3. การฟื้นฟูแม่น้ำเจ้าพระยา โดยการจำกัดขยะ วัชพืชเพื่อคืนชีวิตชีวาให้กับลำน้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง หรือที่เรียกว่า Back to Basic ซึ่งจะดำเนินการตั้งแต่เขต จ.นนทบุรี ไปจนถึงปากอ่าว จ.สมุทรปราการ ซึ่งในเรื่องนี้ตนกับผู้ว่าฯกทม.มีความคิดเห็นที่ตรงกัน 4. ฝากให้ผู้ว่าฯกทม.ให้ความสำคัญกับชายทะเล เขตบางขุนเทียน ที่ปัจจุบันประสบปัญหากัดเซาะชายฝั่งโดยขณะนี้น้ำทะเลได้กัดเซาะจนเสาไฟฟ้าอยู่ห่างจากตลิ่งเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งต้องหาทางป้องกัน
และ5. การสร้างจุดชมวิวกรุงเทพฯ ตนอยากให้สร้างหอชมวิวที่เป็นสัญลักษณ์ซึ่งเมื่อมาที่ประเทศไทยทุกคนจะต้องเดินทางมาที่หอชมวิวแห่งนี้โดยกทม.สามารถดำเนินการได้ 2 แนวทางคือ สร้างโมเดล รูปแบบขึ้นมาเอง แล้วของบประมาณจากรัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ประสานของบประมาณให้ หรือจัดหาบริษัทเอกชนมาดำเนินการทุกอย่างโดยกทม.ไม่ต้องออกงบประมาณเลย นอกจากนี้ในหอชมวิวกทม.จะต้องมีห้องประชุมขนาดใหญ่ มีศูนย์การเงินการคลังเพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจที่มาท่องเที่ยวสามารถดำเนินธุรกรรมทางการเงินและประสานงานธุรกิจการค้า ณ ศูนย์แห่งนี้ได้
“การบ้านหนักๆของผู้ว่าฯกทม.คือจะทำอย่างไรให้กรุงเทพฯหลังเวลา 4 ทุ่ม ทุกคนไปไหนมาไหนมีแต่ความปลอดภัย วิ่งปล้น ฆ่าข่มขืน ฉุดกระชากลากเข้ารกเข้าพงไม่มี ซึ่งต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในยุคที่ตนเป็นมท.1 ทุกคนจะต้องปลอดภัยใครจะว่าอย่างไรไม่สนใจซึ่งตนจะใช้นโยบายการปราบปรามยาเสพติดในเชิงรุก แต่ไมใช่การฆ่าตัดตอนอย่างที่เข้าใจ ซึ่งการฆ่าตัดตอนเกิดจากเข้าทำกันเองตนเพียงแต่บอกไม่อยากตายให้เดินออกมา เราจะทำอย่างเด็ดขาด แต่ไม่รุนแรงอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายไม่มีการละเว้นใดๆทั้งนั้น ส่วนสถานบันเทิงคุณปิดตี4- ตี5 คนไปเที่ยวหลัง 2 ยาม ขากลับรถคว่ำ ชนกันตายยุคผมผมไม่ยอม ซึ่งผู้ประกอบต้องให้ความร่วมมือจะเปิดเร็วได้แต่อนุโลมให้ปิดไม่เกินตี 2 ถือเป็นนโยบายเลยส่งซิกไปแบบนี้ต้องฟังซึ่งจะเห็นผลภายใน 7 วันซึ่งจะมีการเรียกผู้ประกอบการมาคุยและผมจะเอาจริงแน่นอน” มท.1 กล่าว
สำหรับเรื่องส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าของกทม. ถ้ากทม.ขาดงบประมาณในการดำเนินการเส้นทางไหนก็ให้เสนอมา ตนจะได้นำไปเสนอของบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะนายกฯมีนโยบายในเรื่องนี้อยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่องค์กรสตรีร้องเรียนให้ผู้ว่านกทม.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพฤติกรรมชู้สาวของข้าราชการระดับสูงใน กทม.นั้นตนเห็นว่ามันเป็นข่าวลือ อย่าไปเชื่อแน่จริงจะต้องระบุชื่อชายหญิงมาให้ด้วย มาถามตนๆ คงจะตอบไม่ได้เพราะไม่มีพยานหลักฐาน ต้องไปจุดธูปศาลพระภูมิหรือเปล่าเพื่อถามว่าเป็นใคร แต่ถ้าเอาชื่อมาให้ก็จะตรวจสอบได้ทันทีเพราะมันเป็นเรื่องจริยธรรม คุณธรรม สามารถตรวจสอบทางลับได้ แต่บางครั้งคนแก่มีกิ๊กกันมันก็เป็นเรื่องปกติ อย่าไปมองเป็นเรื่องซีเรียส
สำหรับเรื่องคดีรถดับเพลิงหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่พูด ไม่ถามเรื่องขัดแย้งตอนนี้ประธานคตส.บอกว่าต้องสอบใหม่ก็แปลว่าไม่มีใครผิด ซึ่งผมจะหารือวันหลังกับผู้ว่าฯอภิรักษ์ ส่วนเรื่องรถ-เรือที่ได้มีการจัดส่งมาบ้างแล้วนั้นของที่ปล่อยไว้เฉยไม่ใช้ก็คงจะไม่ได้แต่จะดำเนินการอย่างไรนั้นมันเป็นข้อกฎหมายต้องดูอย่างละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำงานต่างพรรคกันมีปัญหาในการร่วมงานหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า ผมบอกว่าผู้ว่าชนะไม่เป็นไรแต่ถ้าชูวิทย์ผมตายแน่ ยุคนี้ไม่มีพรรคมีแต่พวก ถึงแม้คนละพรรคแต่งานจะเดิน
ด้านนายอภิรักษ์ กล่าวว่า ตนจะนำข้อเสนอแนะที่มท.1 มอบให้ในวันนี้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะผู้บริหารกทม.ในวันพรุ่งนี้เพื่อดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป ส่วนเรื่องบิ๊กกทม.นั้นต้องดูว่าใครได้ใครเสียหาย แต่ในเชิงนโยบายไม่ว่าจะหน่วยงานไหนจะต้องไม่ละเมิดสิทธิสตรี ส่วนรายละเอียดอยากให้มูลนิธิเพื่อนหญิงระบุให้ชัดเจนซึ่งจะต้องมีการหารือกันก่อน ขณะที่มีการกล่าวอ้างว่าๆได้ส่งหนังสือร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมาให้ตนก่อนหน้านี้แล้วนั้นตนไม่ทราบต้องรอให้ยื่นมาอย่างเป็นทางการก่อน