“อดีตแกนนำพันธมิตรฯ” ได้ฤกษ์หารือสถานการณ์การเมืองวันนี้ เผยพบสัญญาณการเมืองอันตราย สนองอำนาจเพื่อคนคนเดียว แต่ไม่รับปากจะเริ่มเคลื่อนขบวนหรือไม่ ด้าน “สุริยะใส” ติง “สมชัย” ขาดวุฒิภาวะดูถูกประชาชนที่มายื่นคุณสมบัตินายกฯ “สมัคร”
วานนี้ (24 ก.พ.) นายสุริยะใส กตะศิลา ในฐานะผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะหารือและประเมินสถานการณ์การเมืองที่มีสัญญาณผิดปกติ โดยเฉพาะกระบวนการบิดเบือนอำนาจเพื่อคนคนเดียว ไม่ใช่เพื่อคนส่วนใหญ่ จึงมีการนัดหมายหารือสถานการณ์ของอดีตแกนนำทั้ง 5 คน ในวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป และจะมีการแถลงข่าวในช่วงเวลาประมาณ 12.00 น.
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า วาระสำคัญในการหารือมี 4 เรื่อง เช่น 1.การโยกย้ายข้าราชการประจำที่เต็มไปด้วยวาระซ่อนเร้น 2.ความเป็นอิสระและความเที่ยงธรรมของกระบวนการยุติธรรมที่อาจถูกแทรกแซงอำพรางจากอำนาจทางการเมือง 3.นโยบายที่สร้างปัญหา เช่น การปราบปรามยาเสพติดที่เปิดช่องให้เกิดการฆ่าตัดตอน และ 4.กรณีการกลับเข้าประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งมีนัยสำคัญทางการเมืองตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การหารือครั้งนี้จะเป็นการเตรียมการชุมนุมหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า การหารือในวันนี้ (จันทร์ที่ 25 ก.พ.) จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวหรือไม่นั้น ไม่ทราบ และไม่ได้ตั้งธงไว้ แต่ไม่อยากให้รัฐบาล หรือพี่น้องประชาชนมองว่าพันธมิตรจะมาอีกแล้ว
เมื่อถามว่า ทำไมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงมาเลือกหารือในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับเมืองไทย นายสุริยะใสกล่าวว่า มีสัญญาณผิดปกติ ที่พยายามจะอุ้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับมา โดยเฉพาะที่มีข่าวว่า รมว.ต่างประเทศ ได้คืนพาสปอร์ตแดงคืนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เรียบร้อยแล้ว แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยืนยันในหลักการเดิมที่จะให้รัฐบาลแก้ปัญหาของประเทศ และปัญหาความยากจนของประชาชนมากกว่า การทำอะไรก็ได้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาด้วยความปลอดภัย ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้สื่อให้เห็นว่าใช้อำนาจเพื่อใคร
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสมชัย จึงประเสริฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้านสืบสวนสอบสวน ระบุว่า ผู้ที่มาร้องเรียนเกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติเป็นนายกฯ ของนายสมัครนั้นเป็นโรคจิต และอยากดัง ซึ่งคำพูดเช่นนี้ไม่น่าออกมาจากปากของคนที่มาจากศาล วุฒิภาวะของคนที่มาจากศาลไม่น่าจะเป็นเช่นนี้ และไม่ใช่หน้าที่ของนายสมชัยที่จะออกมาพูดอุ้มคนโน้นคนนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้คำตัดสินของศาลจะไม่ศักดิ์สิทธิ์
“ที่นายสมชัยเคยพูดตลอดเวลาว่าเบื่อ และไม่ถนัดงาน กกต. แต่จนบัดนี้ท่านก็ยังไม่กลับศาลเสียที เพราะผู้ที่มาจากศาลไม่น่าใช้คำพูดกับประชาชนที่มาเคลื่อนไหวประชาชน ถ้าท่านไม่เห็นด้วยก็ควรจะโหวตในที่ประชุม ไม่ใช่ออกมาแสดงท่าทีดูถูกประชาชน จึงทำให้ผมสงสัยว่า กกต.ท่านนี้มีนอกมีในอะไรหรือไม่ หรือว่านักการเมืองเข้ามาแทรกแซงหรือไม่”นายสุริยะใสกล่าว
วานนี้ (24 ก.พ.) นายสุริยะใส กตะศิลา ในฐานะผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะหารือและประเมินสถานการณ์การเมืองที่มีสัญญาณผิดปกติ โดยเฉพาะกระบวนการบิดเบือนอำนาจเพื่อคนคนเดียว ไม่ใช่เพื่อคนส่วนใหญ่ จึงมีการนัดหมายหารือสถานการณ์ของอดีตแกนนำทั้ง 5 คน ในวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป และจะมีการแถลงข่าวในช่วงเวลาประมาณ 12.00 น.
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า วาระสำคัญในการหารือมี 4 เรื่อง เช่น 1.การโยกย้ายข้าราชการประจำที่เต็มไปด้วยวาระซ่อนเร้น 2.ความเป็นอิสระและความเที่ยงธรรมของกระบวนการยุติธรรมที่อาจถูกแทรกแซงอำพรางจากอำนาจทางการเมือง 3.นโยบายที่สร้างปัญหา เช่น การปราบปรามยาเสพติดที่เปิดช่องให้เกิดการฆ่าตัดตอน และ 4.กรณีการกลับเข้าประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งมีนัยสำคัญทางการเมืองตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การหารือครั้งนี้จะเป็นการเตรียมการชุมนุมหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า การหารือในวันนี้ (จันทร์ที่ 25 ก.พ.) จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวหรือไม่นั้น ไม่ทราบ และไม่ได้ตั้งธงไว้ แต่ไม่อยากให้รัฐบาล หรือพี่น้องประชาชนมองว่าพันธมิตรจะมาอีกแล้ว
เมื่อถามว่า ทำไมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงมาเลือกหารือในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับเมืองไทย นายสุริยะใสกล่าวว่า มีสัญญาณผิดปกติ ที่พยายามจะอุ้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับมา โดยเฉพาะที่มีข่าวว่า รมว.ต่างประเทศ ได้คืนพาสปอร์ตแดงคืนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เรียบร้อยแล้ว แต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยืนยันในหลักการเดิมที่จะให้รัฐบาลแก้ปัญหาของประเทศ และปัญหาความยากจนของประชาชนมากกว่า การทำอะไรก็ได้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาด้วยความปลอดภัย ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้สื่อให้เห็นว่าใช้อำนาจเพื่อใคร
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสมชัย จึงประเสริฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้านสืบสวนสอบสวน ระบุว่า ผู้ที่มาร้องเรียนเกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติเป็นนายกฯ ของนายสมัครนั้นเป็นโรคจิต และอยากดัง ซึ่งคำพูดเช่นนี้ไม่น่าออกมาจากปากของคนที่มาจากศาล วุฒิภาวะของคนที่มาจากศาลไม่น่าจะเป็นเช่นนี้ และไม่ใช่หน้าที่ของนายสมชัยที่จะออกมาพูดอุ้มคนโน้นคนนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้คำตัดสินของศาลจะไม่ศักดิ์สิทธิ์
“ที่นายสมชัยเคยพูดตลอดเวลาว่าเบื่อ และไม่ถนัดงาน กกต. แต่จนบัดนี้ท่านก็ยังไม่กลับศาลเสียที เพราะผู้ที่มาจากศาลไม่น่าใช้คำพูดกับประชาชนที่มาเคลื่อนไหวประชาชน ถ้าท่านไม่เห็นด้วยก็ควรจะโหวตในที่ประชุม ไม่ใช่ออกมาแสดงท่าทีดูถูกประชาชน จึงทำให้ผมสงสัยว่า กกต.ท่านนี้มีนอกมีในอะไรหรือไม่ หรือว่านักการเมืองเข้ามาแทรกแซงหรือไม่”นายสุริยะใสกล่าว