บอร์ด ปตท.รับลูกผู้ถือหุ้นใหญ่ สั่งจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 6.50 บาทต่อหุ้น เป็นทั้งปีผู้ถือหุ้นรับเละ 11.50 บาทต่อหุ้น ขณะที่กำไรทะยาน 97,804 ล้านบาทหลังธุรกิจบริษัทในเครือปรับตัวสูงขึ้น พร้อมรับส่วนแบ่งจากการลงทุนใน IRPC
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แจ้งผลการดำเนินงานงวดปี 2550 โดยบริษัทมีรายได้รวม 1,495,806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 281,821 ล้านบาท หรือ 23.2% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรอยู่ที่ 1,213,985 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 97,804 ล้านบาท หรือ 34.82 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2,221 ล้านบาท หรือ 2.3% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรอยู่ที่ 95,582 ล้านบาท หรือ 34.14 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในงวดปี 2550 ในอัตรา 11.50 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 33% ของกำไรสุทธิ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2550 ที่อัตรา 5.00 บาทต่อหุ้น ทำให้คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายจำนวน 6.50 บาท ต่อหุ้น
สำหรับสาเหตุหลักที่กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากผลประกอบการของบริษัทในเครือกลุ่มธุรกิจการกลั่น และปิโตรเคมีที่ดีขึ้นจากค่าการกลั่นและส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ ของธุรกิจปิโตรเคมีที่สูงขึ้น รวมถึงการรับรู้ผลประกอบการของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) ตามวิธีส่วนได้เสียเต็มปีในปี 2550 ในขณะที่ ปตท.เริ่มบันทึกบัญชีเงินลงทุนใน IRPC ตาม วิธีส่วนได้เสียตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2549
อย่างไรก็ตาม ในปี 2550 กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง และผลของคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดซึ่ง ปตท.ได้แบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษาของศาลฯ ให้กับกระทรวงการคลังพร้อมทั้งดำเนินการเช่าทรัพย์สินดังกล่าวจากกระทรวงการคลัง ส่งผลให้ ปตท.มีค่าใช้จ่ายตามคำพิพากษาในปี 2550 จำนวน 2,824 ล้านบาท
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แจ้งผลการดำเนินงานงวดปี 2550 โดยบริษัทมีรายได้รวม 1,495,806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 281,821 ล้านบาท หรือ 23.2% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรอยู่ที่ 1,213,985 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 97,804 ล้านบาท หรือ 34.82 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2,221 ล้านบาท หรือ 2.3% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรอยู่ที่ 95,582 ล้านบาท หรือ 34.14 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในงวดปี 2550 ในอัตรา 11.50 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 33% ของกำไรสุทธิ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2550 ที่อัตรา 5.00 บาทต่อหุ้น ทำให้คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายจำนวน 6.50 บาท ต่อหุ้น
สำหรับสาเหตุหลักที่กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากผลประกอบการของบริษัทในเครือกลุ่มธุรกิจการกลั่น และปิโตรเคมีที่ดีขึ้นจากค่าการกลั่นและส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ ของธุรกิจปิโตรเคมีที่สูงขึ้น รวมถึงการรับรู้ผลประกอบการของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) ตามวิธีส่วนได้เสียเต็มปีในปี 2550 ในขณะที่ ปตท.เริ่มบันทึกบัญชีเงินลงทุนใน IRPC ตาม วิธีส่วนได้เสียตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2549
อย่างไรก็ตาม ในปี 2550 กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง และผลของคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดซึ่ง ปตท.ได้แบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษาของศาลฯ ให้กับกระทรวงการคลังพร้อมทั้งดำเนินการเช่าทรัพย์สินดังกล่าวจากกระทรวงการคลัง ส่งผลให้ ปตท.มีค่าใช้จ่ายตามคำพิพากษาในปี 2550 จำนวน 2,824 ล้านบาท