รอยเตอร์/เอเอฟพี - ผู้ประท้วงชาวเซิร์บ ซึ่งโกรธเกรี้ยวต่อการประกาศเอกราชของโคโซโว บุกเข้าไปในสถานทูตสหรัฐฯในกรุงเบลเกรด และจุดไฟเผาในบริเวณสถานทูต เป็นเหตุมีผู้เสียชีวิต 1 คน ทำให้รัฐบาลวอชิงตันและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมาประณามในทันใด
กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯระบุว่า การขาดกำลังคุ้มครองสถานทูตในตอนเริ่มเกิดเหตุนั้น เป็นเรื่องเกินจะทนได้ และเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นตอบโต้ด้วย
"สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงขอประณามด้วยถ้อยคำที่รุนแรงที่สุดต่อการโจมตีสถานทูตในกรุงเบลเกรด อันเป็นผลให้เกิดความเสียหายต่ออาณาบริเวณของสถานทูตและเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่การทูต" คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นมีมติอันเป็นเอกฉันท์เมื่อคืนวันพฤหัสบดี(21)
เซอร์เบียกล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางเซอร์เบียบอกว่าเป็นการกระทำของผู้ทำลายทรัพย์สินเพียงบางกลุ่ม ที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของประเทศ ส่วนเซอร์เบียนั้นแม้จะไม่ชอบใจต่อการประกาศเอกราชเพียงฝ่ายเดียวของโคโซโว แต่ก็ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงมากไปกว่านี้
"การกระทำเหล่านั้นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้อย่างที่สุด น่าเสียใจที่สุด" วุค เจเรมิก รัฐมนตรีต่างประเทศเซอร์เบีย ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ "มันทำลายภาพลักษณ์ของเซอร์เบียในสายตาต่างประเทศ"
เยอรมนี โครเอเชีย และอังกฤษ บอกเช่นกันว่า สถานทูตของพวกเขาถูกทำลายเสียหาย สื่อท้องถิ่นรายงานเพิ่มว่า สถานทูตของบอสเนีย และตุรกี ก็เสียหายเช่นกัน
ผู้คนราว 200,000 คน ออกมาประท้วงในครั้งนี้ตามที่รัฐบาลเรียกร้อง ซึ่งนับเป็นการประท้วงใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 ที่ประชาชนบุกเข้าอาคารรัฐสภาซึ่งตอนนั้นยังเป็นยูโกสลาเวีย เพื่อโค่นล้มสโลโบดัน มิโลเซวิก ผู้นำเชื้อสายเซิร์บผู้มีแนวความคิดชาตินิยม
แต่กระนั้น ก็ไม่เห็นวี่แววของตำรวจ ขณะที่กลุ่มผู้ก่อจลาจล ซึ่งหลายคนสวมหมวกไหมพรมคลุมศีรษะ บุกทำลายสถานทูตสหรัฐฯเป็นครั้งที่ 2 แล้วในรอบ สัปดาห์
ฝูงชนราว 1,000 คน ร้องตะโกนว่า "เซอร์เบีย เซอร์เบีย" มีคนหนึ่งฉีกธงสหรัฐฯออกจากเสา และคนอื่นๆกระโดดโลดเต้นบนระเบียง นอกจากนี้ยังมีควันลอยออกมาจากสถานทูต ขณะที่เอกสาร เก้าอี้ ถูกโยนออกจากหน้าต่าง และประตูถูกเผาและงัด
เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันบอกว่า ตอนที่เกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่สถานทูตอยู่ มีแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ตำรวจปราบจลาจลเดินทางมาภายหลัง และยิงก๊าซน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม ต่อมาได้พบศพไหม้เกรียม 1 ศพอยู่ด้านใน ซึ่งอาจจะเป็นร่างของผู้ประท้วง ทางสถานทูตระบุว่า เจ้าหน้าที่ของตนอยู่ครบ และนาวิกโยธินที่คอยคุ้มครองสถานทูต ไม่ได้ไปร่วมต่อสู้ด้วย
เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลเผยว่า มีคนบาดเจ็บราว 150 คนจากการปะทะกันตามท้องถนน ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นตำรวจ 30 นาย และนักข่าวจำนวนหนึ่ง
ด้านสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานเมื่อวันศุกร์(22)ว่า ทูตรัสเซียประจำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต กล่าวเตือน หากสหภาพยุโรปและนาโตรับรองเอกราชของโคโซโวอย่างเป็นทางการ ก็จะทำให้แดนหมีขาวมีสิทธิใช้ "กำลังบังคับ" ได้ในอนาคต
กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯระบุว่า การขาดกำลังคุ้มครองสถานทูตในตอนเริ่มเกิดเหตุนั้น เป็นเรื่องเกินจะทนได้ และเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นตอบโต้ด้วย
"สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงขอประณามด้วยถ้อยคำที่รุนแรงที่สุดต่อการโจมตีสถานทูตในกรุงเบลเกรด อันเป็นผลให้เกิดความเสียหายต่ออาณาบริเวณของสถานทูตและเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่การทูต" คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นมีมติอันเป็นเอกฉันท์เมื่อคืนวันพฤหัสบดี(21)
เซอร์เบียกล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางเซอร์เบียบอกว่าเป็นการกระทำของผู้ทำลายทรัพย์สินเพียงบางกลุ่ม ที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของประเทศ ส่วนเซอร์เบียนั้นแม้จะไม่ชอบใจต่อการประกาศเอกราชเพียงฝ่ายเดียวของโคโซโว แต่ก็ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงมากไปกว่านี้
"การกระทำเหล่านั้นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้อย่างที่สุด น่าเสียใจที่สุด" วุค เจเรมิก รัฐมนตรีต่างประเทศเซอร์เบีย ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ "มันทำลายภาพลักษณ์ของเซอร์เบียในสายตาต่างประเทศ"
เยอรมนี โครเอเชีย และอังกฤษ บอกเช่นกันว่า สถานทูตของพวกเขาถูกทำลายเสียหาย สื่อท้องถิ่นรายงานเพิ่มว่า สถานทูตของบอสเนีย และตุรกี ก็เสียหายเช่นกัน
ผู้คนราว 200,000 คน ออกมาประท้วงในครั้งนี้ตามที่รัฐบาลเรียกร้อง ซึ่งนับเป็นการประท้วงใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 ที่ประชาชนบุกเข้าอาคารรัฐสภาซึ่งตอนนั้นยังเป็นยูโกสลาเวีย เพื่อโค่นล้มสโลโบดัน มิโลเซวิก ผู้นำเชื้อสายเซิร์บผู้มีแนวความคิดชาตินิยม
แต่กระนั้น ก็ไม่เห็นวี่แววของตำรวจ ขณะที่กลุ่มผู้ก่อจลาจล ซึ่งหลายคนสวมหมวกไหมพรมคลุมศีรษะ บุกทำลายสถานทูตสหรัฐฯเป็นครั้งที่ 2 แล้วในรอบ สัปดาห์
ฝูงชนราว 1,000 คน ร้องตะโกนว่า "เซอร์เบีย เซอร์เบีย" มีคนหนึ่งฉีกธงสหรัฐฯออกจากเสา และคนอื่นๆกระโดดโลดเต้นบนระเบียง นอกจากนี้ยังมีควันลอยออกมาจากสถานทูต ขณะที่เอกสาร เก้าอี้ ถูกโยนออกจากหน้าต่าง และประตูถูกเผาและงัด
เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันบอกว่า ตอนที่เกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่สถานทูตอยู่ มีแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ตำรวจปราบจลาจลเดินทางมาภายหลัง และยิงก๊าซน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม ต่อมาได้พบศพไหม้เกรียม 1 ศพอยู่ด้านใน ซึ่งอาจจะเป็นร่างของผู้ประท้วง ทางสถานทูตระบุว่า เจ้าหน้าที่ของตนอยู่ครบ และนาวิกโยธินที่คอยคุ้มครองสถานทูต ไม่ได้ไปร่วมต่อสู้ด้วย
เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลเผยว่า มีคนบาดเจ็บราว 150 คนจากการปะทะกันตามท้องถนน ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นตำรวจ 30 นาย และนักข่าวจำนวนหนึ่ง
ด้านสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานเมื่อวันศุกร์(22)ว่า ทูตรัสเซียประจำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต กล่าวเตือน หากสหภาพยุโรปและนาโตรับรองเอกราชของโคโซโวอย่างเป็นทางการ ก็จะทำให้แดนหมีขาวมีสิทธิใช้ "กำลังบังคับ" ได้ในอนาคต
