เอเอฟพี/เอเจนซี - กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (21) ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการไปยังรัฐบาลเซอร์เบีย และเรียกสถานการณ์ว่า “เหลือทน” หลังกลุ่มผู้ประท้วงชาวเซิร์บบุกเข้าสถานทูตอเมริกาประจำกรุงเบลเกรด และจุดไฟเผา โฆษกระบุ
นิโคลัส เบิร์นส์ เจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ต่อสายตรงถึงนายกรัฐมนตรีเซอร์เบีย โวยิสลาฟ คอสตูนิซา และรัฐมนตรีต่างประเทศ วุค เยเนมิช เพื่อประท้วงการบุกจู่โจมดังกล่าว ฌอน แม็คคอร์มัค โฆษกบอก
เขายังแสดงความไม่พอใจมาตรการรักษาความปลอดภัยของกองกำลังเซอร์เบีย ว่า “ไม่เพียงพอต่อสถานการณ์รุนแรงเช่นนี้” พร้อมระบุ “เป็นสถานการณที่เหลือทน พวกเขาจำเป็นต้องจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้พร้อมต่อเหตุการณ์กะทันหัน เพื่อปกป้องบริเวณสถานทูตและคนของเรา”
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของเซอร์เบียเอง ออกมายอมรับว่า การโจมตีสถานทูตและแหล่งธุรกิจของต่างชาติในเบลเกรดเมื่อวันพฤหัสบดี คือ สิ่งที่รับไม่ได้ พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น
“พวกเขาทำลายภาพลักษณ์ของเซอร์เบียในสายตาชาวต่างชาติ พวกเขาไม่ใช่ตัวแทนความรู้สึกร่วมกันของประชาชนเซอร์เบีย” วุค เยเนมิช ระบุ “รัฐบาลเซอร์เบีย ยืนยันว่า จะไม่ยอมให้ความรุนแรงแบบนี้เกิดขึ้นบนถนนในเบลเกรด หรือที่ไหนในเซอร์เบีย”
ขณะเดียวกัน ทางโฆษกสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงเบลเกรด ออกมาเผยว่า ศพผู้เสียชีวิต 1 รายที่พบในสถานทูต หลังการบุกจู่โจมของกลุ่มผู้ประท้วงไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสถานทูต แต่เรียกร้องให้ตำรวจเซอร์เบียหาสาเหตุของการเสียชีวิตครั้งนี้
ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์พิงค์ทีวี รายงานว่า ศพไม่ทราบชื่อนี้ถูกไฟเผาไหม้ หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงเซอร์เบียบุกเข้าไปและจุดไฟเผาสถานทูตสหรัฐฯ
กลุ่มผู้ประท้วงวัยรุ่นหลายร้อยคนสวมเสื้อกีฬาแบบมีหมวกและผ้าพันคอ ได้พังเข้าไปในตัวตึกของสำนักงานสถานทูต ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเนซามิโลซา โดยพื้นด้านล่างและบริเวณด้านข้างของอาคารถูกไฟไหม้ ขณะที่ตำรวจปราบจลาจลพร้อมรถหุ้มเกราะคอยสนับสนุนใช้แก๊สน้ำตาสลายผู้ก่อเหตุ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการเดินขบวนประท้วงแบบสันติภาพในกรุงเบลเกรด โดยมีผู้ชุมนุมกว่าแสนคนเข้าร่วมต่อต้านการประกาศเอกราชฝ่ายเดียวของของโคโซโว อย่างไรก็ตามมีรายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 90 คน ในจำนวนนั้นเป็นตำรวจ 32 นาย