พี่น้องตระกูล “ลีนุตพงษ์” แบ่งสมบัติกงสีในกลุ่ม “ยนตรกิจ”ลงตัว “เสี่ยวิทิต” ฉายเดี่ยวได้รถยนต์โฟล์คสวาเกน และตึกที่รองเมืองไป “พงษ์เทพ” ไม่ขอยุ่ง ขณะที่รายอื่นๆ ยังจับมือกันในนามกลุ่มยนตรกิจ ภายใต้การนำของพี่ใหญ่ “สรวิศ” เดินหน้าขาย ออดี้, ซีตรอง, เปอโยต์, เกีย และสโกด้า โดยมีฐานบัญชาการอยู่ที่ตึกสุรวงศ์ แม้โครงสร้างบริหารใหม่จะยังไม่เปิดเผย แต่น่าสังเกตงานยนตรกิจ ออโต้ โชว์ ไร้เงาโฟล์คฯ เข้าร่วม
หลังจากมีข่าวเป็นระยะตลอดปี 2550 ที่ผ่านมาว่า กลุ่มยนตรกิจผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่ของไทย ไม่ว่าจะเป็นโฟล์คสวาเกน, ออดี้, เปอโยต์, ซีตรอง, เกีย และสโกดา เตรียมจะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ จากเดิมที่เป็นระบบกงสีรวมของตระกูล “ลีนุตพงษ์” จะมีการแบ่งแยกธุรกิจให้แต่ละคนไปดูแลกันเอง ไม่ต้องรวมเป็นสมบัติส่วนกลาง หรือในรูปแบบกงสีอีกต่อไป
ล่าสุดแหล่งข่าวจากกลุ่มยนตรกิจเปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า คนในตระกูลลีนุตพงษ์ได้มีความชัดเจนเรื่องของการแบ่งธุรกิจในกลุ่มยนตรกิจแล้ว เหลือเพียงรายละเอียดของการดำเนินงานเท่านั้น คาดว่าอีกไม่นานคงจะสามารถเปิดเผยออกมาได้ โดยการแบ่งธุรกิจครั้งนี้ไม่ได้ถึงกับแยกต่างคนต่างกันไป แต่แบ่งเป็น 2 สายเท่านั้น
“การแบ่งธุรกิจในกลุ่มยนตรกิจสรุปคร่าวๆ ว่า วิทิต ลีนุตพงษ์ จะได้ในส่วนของรถยนต์โฟล์คสวาเกน และตึกที่รองเมือง ขณะที่รถยนต์ยี่ห้อที่เหลือไม่ว่าจะเป็น ออดี้, เปอโยต์, เกีย, ซีตรอง และสโกด้า รวมถึงโรงงานประกอบรถยนต์ ยังจะดำเนินการในนามของกลุ่มยนตรกิจต่อไป ภายใต้การนำของพี่ชายคนโต สรวิศ ลีนุตพงษ์ โดยสายนี้จะได้ตึกที่สุรวงศ์เป็นศูนย์รวมการดำเนินธุรกิจ และตึกกลุ่มยนตรกิจที่วิภาวดีน่าจะยังคงอยู่กับกลุ่มนี้”
ทั้งนี้ เมื่อระบบกงสีได้ยุติลง ทำให้รูปแบบการบริหารเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมจะมีบอร์ดบริหารที่มีทั้งหมด 4 คนดูแลกงสียนตรกิจ ได้แก่ สรวิศ ลีนุตพงษ์, วิทิต ลีนุตพงษ์, พงษ์เทพ ลีนุตพงษ์ และพลกฤษ ลีนุตพงษ์ แต่เมื่อวิทิตแยกตัวนำโฟล์คสวาเกนออกไป และพงษ์เทพก็ไม่สนใจเข้ามายุ่งธุรกิจรถยนต์อีกต่อไป โดยจะนำส่วนแบ่งจากการขายสิทธิ์ในกลุ่มยนตรกิจไปลงทุนธุรกิจด้านอื่นแทน ดังนั้นระบบการบริหารย่อมต้องปรับด้วย ส่วนจะเป็นรูปแบบใดยังไม่สรุปชัดเจน
ส่วนความเคลื่อนไหวของการแบ่งธุรกิจกลุ่มยนตรกิจครั้งนี้ ได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้วในบางส่วน เช่นการย้ายออฟฟิศ อย่างอาคารที่สุรวงศ์เดิมเป็นสำนักงานใหญ่ของเปอโยต์ ต่อไปจะเป็นสำนักงานดำเนินงานของ ออดี้, ซีตรอง และเกีย ขณะที่เปอโยต์แม้จะยังอยู่ในกลุ่มยนตรกิจ แต่ได้มีข้อตกลงขอแยกออกไปบริหารเป็นเอกเทศ ภายใต้การดูแลของ พลกฤษ ลีนุตพงษ์ โดยได้ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่ถนนสุขาภิบาล ส่วนน้องชาย พสุพงศ์ ลีนุตพงษ์ ที่เคยดูแลเปอโยต์จะเป็นเพียงดีลเลอร์เท่านั้น
ขณะที่โฟล์คสวาเกนที่วิทิตได้นำแยกออกไป พร้อมกับไอาคารที่ถนนรองเมือง คงจะต้องดูว่าจะมีการตกลงกันอย่างไรกับทางโฟล์คสวาเกน ประเทศเยอรมนี เพราะมีข่าวว่าทางโฟล์คฯ เอจี จะเข้ามาดำเนินธุรกิจและสร้างโรงงานขนาดใหญ่ในไทย รวมถึงแผนที่วิทิตได้เคยจับมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี เพื่อร่วมกันเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์จากจีนยี่ห้อ “เชอรี่” ที่ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร เนื่องจากเดิมจะมีการประกาศการเป็นพันธมิตรกันในต้นปีนี้ แต่ข่าวคราวล่าสุดก็ยังเงียบอยู่ไม่มีความคืบหน้าชัดเจนนัก
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหารของกลุ่มยนตรกิจ แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยหรือแถลงอย่างเป็นทางการ แต่น่าสังเกตว่าในการจัดงาน “ยนตรกิจ ออโต้ โชว์” ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2551 นี้ ณ สยามพารากอน มีรถยนต์ที่เข้าร่วมงาน ได้แก่ ออดี้, เปอโยต์, เกีย และเปอโยต์ ยกเว้นโฟล์คสวาเกนที่มีข่าวว่าวิทิตได้นำแยกออกไป ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกเพราะเดิมกลุ่มยนตรกิจจัดงานลักษณะนี้แล้ว จะเป็นการจัดรวมทุกยี่ห้อในเครือทั้งหมด
นายวิเชียร ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหาร ยนตรกิจ กรุ๊ป เปิดเผยถึงเรืองนี้ว่า โครงสร้างการบริหารของกลุ่มยนตรกิจ ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะหากพูดออกไปจะคลาดเคลื่อนได้ ต้องรอให้ทางบอร์ดบริหารเป็นผู้เปิดเผยดีกว่า ซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้น่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ
“การจัดงานยนตรกิจ ออโต้ โชว์ ไม่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างบริหารใหม่ เป็นเพียงแต่ยี่ห้อไหนมีความพร้อมช่วงนี้มากกว่า ซึ่งนโยบายของกลุ่มยนตรกิจต่อไป จะพยายามจัดงานหรือกิจกรรมให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มยนตรกิจค่อนข้างเงียบในเรื่องเหล่านี้พอสมควร ดังนั้นต่อไปจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้ครบทุกยี่ห้อถึงจะจัด”
สำหรับการจัดงานยนตรกิจ ออโต้ โชว์ ครั้งนี้ เป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า โดยได้นำรถยนต์ออดี้, เปอโยต์, ซีตรอง และเกีย ที่เป็นรถยนต์ Demo Display และรถผู้บริหาร มาจัดแสดงและขายให้ลูกค้าผู้สนใจ ในราคาส่วนลดพิเศษตั้งแต่ 10-50% อาทิ รถยนต์เกีย คาเรนส์ มูลค่า 9.9 แสนบาท รับส่วนลด 50% เหลือเพียง 4.95 แสนบาท ซีตรอง ซี3 มูลค่า 1.1 ล้านบาท เหลือเพียง 6.59 แสนบาท และเปอโยต์ 807 เอชดีไอ มูลค่า 2.79 ล้านบาท ลดเหลือ 1.95 ล้านบาท เป็นต้น
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการนำรถยนต์ใหม่แต่ละยี่ห้อ เข้ามาจัดแสดงและเปิดขายให้กับลูกค้าผู้สนใจด้วย โดยลูกค้าเลือกซื้อรุ่นใดรุ่นหนึ่งรับสิทธิ์เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด iogio Armani-Samsung มูลค่า 2.36 หมื่นบาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย.
หลังจากมีข่าวเป็นระยะตลอดปี 2550 ที่ผ่านมาว่า กลุ่มยนตรกิจผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่ของไทย ไม่ว่าจะเป็นโฟล์คสวาเกน, ออดี้, เปอโยต์, ซีตรอง, เกีย และสโกดา เตรียมจะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ จากเดิมที่เป็นระบบกงสีรวมของตระกูล “ลีนุตพงษ์” จะมีการแบ่งแยกธุรกิจให้แต่ละคนไปดูแลกันเอง ไม่ต้องรวมเป็นสมบัติส่วนกลาง หรือในรูปแบบกงสีอีกต่อไป
ล่าสุดแหล่งข่าวจากกลุ่มยนตรกิจเปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า คนในตระกูลลีนุตพงษ์ได้มีความชัดเจนเรื่องของการแบ่งธุรกิจในกลุ่มยนตรกิจแล้ว เหลือเพียงรายละเอียดของการดำเนินงานเท่านั้น คาดว่าอีกไม่นานคงจะสามารถเปิดเผยออกมาได้ โดยการแบ่งธุรกิจครั้งนี้ไม่ได้ถึงกับแยกต่างคนต่างกันไป แต่แบ่งเป็น 2 สายเท่านั้น
“การแบ่งธุรกิจในกลุ่มยนตรกิจสรุปคร่าวๆ ว่า วิทิต ลีนุตพงษ์ จะได้ในส่วนของรถยนต์โฟล์คสวาเกน และตึกที่รองเมือง ขณะที่รถยนต์ยี่ห้อที่เหลือไม่ว่าจะเป็น ออดี้, เปอโยต์, เกีย, ซีตรอง และสโกด้า รวมถึงโรงงานประกอบรถยนต์ ยังจะดำเนินการในนามของกลุ่มยนตรกิจต่อไป ภายใต้การนำของพี่ชายคนโต สรวิศ ลีนุตพงษ์ โดยสายนี้จะได้ตึกที่สุรวงศ์เป็นศูนย์รวมการดำเนินธุรกิจ และตึกกลุ่มยนตรกิจที่วิภาวดีน่าจะยังคงอยู่กับกลุ่มนี้”
ทั้งนี้ เมื่อระบบกงสีได้ยุติลง ทำให้รูปแบบการบริหารเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมจะมีบอร์ดบริหารที่มีทั้งหมด 4 คนดูแลกงสียนตรกิจ ได้แก่ สรวิศ ลีนุตพงษ์, วิทิต ลีนุตพงษ์, พงษ์เทพ ลีนุตพงษ์ และพลกฤษ ลีนุตพงษ์ แต่เมื่อวิทิตแยกตัวนำโฟล์คสวาเกนออกไป และพงษ์เทพก็ไม่สนใจเข้ามายุ่งธุรกิจรถยนต์อีกต่อไป โดยจะนำส่วนแบ่งจากการขายสิทธิ์ในกลุ่มยนตรกิจไปลงทุนธุรกิจด้านอื่นแทน ดังนั้นระบบการบริหารย่อมต้องปรับด้วย ส่วนจะเป็นรูปแบบใดยังไม่สรุปชัดเจน
ส่วนความเคลื่อนไหวของการแบ่งธุรกิจกลุ่มยนตรกิจครั้งนี้ ได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้วในบางส่วน เช่นการย้ายออฟฟิศ อย่างอาคารที่สุรวงศ์เดิมเป็นสำนักงานใหญ่ของเปอโยต์ ต่อไปจะเป็นสำนักงานดำเนินงานของ ออดี้, ซีตรอง และเกีย ขณะที่เปอโยต์แม้จะยังอยู่ในกลุ่มยนตรกิจ แต่ได้มีข้อตกลงขอแยกออกไปบริหารเป็นเอกเทศ ภายใต้การดูแลของ พลกฤษ ลีนุตพงษ์ โดยได้ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่ถนนสุขาภิบาล ส่วนน้องชาย พสุพงศ์ ลีนุตพงษ์ ที่เคยดูแลเปอโยต์จะเป็นเพียงดีลเลอร์เท่านั้น
ขณะที่โฟล์คสวาเกนที่วิทิตได้นำแยกออกไป พร้อมกับไอาคารที่ถนนรองเมือง คงจะต้องดูว่าจะมีการตกลงกันอย่างไรกับทางโฟล์คสวาเกน ประเทศเยอรมนี เพราะมีข่าวว่าทางโฟล์คฯ เอจี จะเข้ามาดำเนินธุรกิจและสร้างโรงงานขนาดใหญ่ในไทย รวมถึงแผนที่วิทิตได้เคยจับมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี เพื่อร่วมกันเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์จากจีนยี่ห้อ “เชอรี่” ที่ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร เนื่องจากเดิมจะมีการประกาศการเป็นพันธมิตรกันในต้นปีนี้ แต่ข่าวคราวล่าสุดก็ยังเงียบอยู่ไม่มีความคืบหน้าชัดเจนนัก
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริหารของกลุ่มยนตรกิจ แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยหรือแถลงอย่างเป็นทางการ แต่น่าสังเกตว่าในการจัดงาน “ยนตรกิจ ออโต้ โชว์” ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2551 นี้ ณ สยามพารากอน มีรถยนต์ที่เข้าร่วมงาน ได้แก่ ออดี้, เปอโยต์, เกีย และเปอโยต์ ยกเว้นโฟล์คสวาเกนที่มีข่าวว่าวิทิตได้นำแยกออกไป ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกเพราะเดิมกลุ่มยนตรกิจจัดงานลักษณะนี้แล้ว จะเป็นการจัดรวมทุกยี่ห้อในเครือทั้งหมด
นายวิเชียร ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหาร ยนตรกิจ กรุ๊ป เปิดเผยถึงเรืองนี้ว่า โครงสร้างการบริหารของกลุ่มยนตรกิจ ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะหากพูดออกไปจะคลาดเคลื่อนได้ ต้องรอให้ทางบอร์ดบริหารเป็นผู้เปิดเผยดีกว่า ซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้น่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ
“การจัดงานยนตรกิจ ออโต้ โชว์ ไม่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างบริหารใหม่ เป็นเพียงแต่ยี่ห้อไหนมีความพร้อมช่วงนี้มากกว่า ซึ่งนโยบายของกลุ่มยนตรกิจต่อไป จะพยายามจัดงานหรือกิจกรรมให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มยนตรกิจค่อนข้างเงียบในเรื่องเหล่านี้พอสมควร ดังนั้นต่อไปจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้ครบทุกยี่ห้อถึงจะจัด”
สำหรับการจัดงานยนตรกิจ ออโต้ โชว์ ครั้งนี้ เป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า โดยได้นำรถยนต์ออดี้, เปอโยต์, ซีตรอง และเกีย ที่เป็นรถยนต์ Demo Display และรถผู้บริหาร มาจัดแสดงและขายให้ลูกค้าผู้สนใจ ในราคาส่วนลดพิเศษตั้งแต่ 10-50% อาทิ รถยนต์เกีย คาเรนส์ มูลค่า 9.9 แสนบาท รับส่วนลด 50% เหลือเพียง 4.95 แสนบาท ซีตรอง ซี3 มูลค่า 1.1 ล้านบาท เหลือเพียง 6.59 แสนบาท และเปอโยต์ 807 เอชดีไอ มูลค่า 2.79 ล้านบาท ลดเหลือ 1.95 ล้านบาท เป็นต้น
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการนำรถยนต์ใหม่แต่ละยี่ห้อ เข้ามาจัดแสดงและเปิดขายให้กับลูกค้าผู้สนใจด้วย โดยลูกค้าเลือกซื้อรุ่นใดรุ่นหนึ่งรับสิทธิ์เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด iogio Armani-Samsung มูลค่า 2.36 หมื่นบาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย.
