xs
xsm
sm
md
lg

เอ็มไอเปิดศึกบิสกิตธัญพืช ดันเอ็มโปรชนค่ายเนสท์เล่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจ้นท์ รุกตลาดบิสกิตธัญพืชเด็กแข่งเนสท์เล่ หลังตลาดโตพรวด 15% คู่แข่งน้อยราย ปั้น “เอ็มโปร เบบี้ ช้อยส์” นำเข้าจากสิงคโปร์ หวังโกยแชร์ 50% ในปีแรก กวาด 10 ล้านบาท

นางสาวกฤติรดา ธัญอภิภัทร ผู้จัดการผลิตภัณฑ์บิสกิตธัญพืชยี่ห้อ เอ็มโปร เบบี้ ช้อยส์ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจ้นท์ กรุ๊ป จำกัด หรือเอ็มไอ กล่าวว่า เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอาหารเสริมจากธัญพืชสำหรับเด็กมูลค่า 420 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 15% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งสัดส่วนเป็น อาหารซีเรียล 95% และที่เหลือ 5% เป็นบิสกิตธัญพืช คิดเป็นมูลค่า 10 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันในตลาดมีผู้ประกอบการเพียงรายเดียว คือ เนสท์เล่

ดังนั้นจึงได้วางแผนรุกตลาดบิสกิตธัญพืช โดยการนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ภายใต้แบรนด์ “เอ็มโปร เบบี้ ช้อยส์” รสชาติออริจินัล มีราคาจำหน่าย ถูกกว่าสินค้าในเซกเมนต์เดียวกันของค่ายเนสท์เล่ท์ และในปีนี้กำลังพิจารณาเลือกรสชาติที่ได้รับความนิยมเข้ามาจำหน่ายเพิ่ม อาทิ สตรอเบอรี่ ไก่ ผัก เป็นต้น

สำหรับการทำตลาดของเอ็มโปร เบบี้ ช้อยส์ บริษัทฯใช้งบ 40% ของยอดขาย 10 ล้านบาทในปีแรก โดยเน้นสร้างการรับรู้กลุ่มเป้าหมายตามสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารแม่และเด็ก,บูธโชว์สินค้าตามงานแฟร์ที่เกี่ยวกับเด็ก รวมทั้งการแจกสินค้าตัวอย่างให้กับแม่บ้านตามร้านค้า โรงพยาบาล คลีนิกทั่วประเทศ

“เราเชื่อว่า เอ็มโปร เบบี้ ช้อยส์ จะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อหด เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักคือคุณแม่ยุคใหม่ระดับบีบวก ที่มีกำลังซื้อสูง และยอมจ่ายเงินเพื่อสร้างพัฒนาการของลูกตนเองได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล”

แนวโน้มตลาดมีโอกาสที่ขยายตัวไปได้อีกมาก โดยพบว่าอัตราการเกิดของเด็กสูงถึงปีละ 8 แสนคน ซึ่งสินค้าดังกล่าวเหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6-8 เดือนเพราะเป็นอาหารที่ผลิตจากข้าวเจ้าที่มีรสชาติกลมกล่อม สามารถละลายในปากได้ไม่แข็งจนเกินไป จึงเหมาะเด็กแทนที่พ่อแม่จะใช้จุกนมปลอมหรือขนมขบเคี้ยวที่มีรสหวาน มาช่วยฝึกทักษะเด็กด้านการบดเคี้ยวอาหารและหยิบจับ เพราะไม่ดีต่อสุขภาพของเด็กในอนาคต

ทั้งนี้บริษัท”ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งปีแรก 50% ในตลาดบิสกิตธัญพืชสำหรับเด็ก 10 ล้านบาท ส่วนสัดส่วนรายได้กลุ่มบิสเกตจะเพิ่มจาก 5% เป็น 10% ส่วนที่เหลือกว่า 50% จะเป็นรายได้จากกลุ่มผ้าอ้อมเด็กและผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่เป็นสินค้าหลักในบริษัทฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น