เมื่อเวลา18.30 น. วานนี้ (13 ก.พ.) ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา คนตุลา เครือข่ายญาติวีรชน 6
ตุลา รวมตัวแถลงข่าว เพื่อแสดงท่าทีต่อการให้สัมภาษณ์ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กับสำนัก
ข่าวซีเอ็นเอ็น โดยบิดเบือนข้อมูลประวัติศาสตร์ 6 ตุลา ว่ามีผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียว ในเหตุการณ์ครั้งนั้น
นพ.กุศล ประวิชไพบูลย์ อดีตนักศึกษา ม.มหิดล กล่าวว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ปราบปรามในวันที่
6 ต.ค. ใต้ตึกบัญชีของ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งสิ่งที่ยืนยันจำนวนผู้ตายที่ชัดเจนคือ ตนเห็นตามขั้นบันไดที่ใต้ตึก
บัญชี มีคนตายมากกว่า 1 คนแน่นอน เพราะตนหลบอยู่ในห้องพยาบาล จึงอยากให้คนรุ่นหลังที่เกิดไม่ทัน
เหมือนที่นายสมัครพูด ช่วยกันค้นหาความจริง เพราะจากภาพถ่ายที่มีอยู่มากมาย เป็นสิ่งที่บอกเล่าความจริง
ได้ดีที่สุด
นพ.กุศล กล่าวว่า จากเหตุการณ์ในวันนั้นจนถึงวันนี้ตนได้ประกอบอาชีพแพทย์ และไม่ต้องการ
เถียงกับใคร และนายสมัคร ก็อายุ 70 กว่า ซึ่งเท่ากับมากกว่าตน10 ปี แต่นายสมัคร เป็นผู้นำประเทศ
แล้วออกมาพูดบิดเบือนความจริงแบบนี้ ตนไม่อยากให้มันถูกลืมไว้ข้างหลัง จึงอยากให้มีการไต่สวน เพราะ
สิ่งที่เกิดขึ้น การฆ่ากันแบบนี้ถ้าถามว่าญาติพี่น้องของคนเหล่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่เขาจะรู้สึกอย่างไร
"ประเทศเราสิ่งที่บกพร่องที่สุดคือ การที่เราพยายามปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้น และอยากลืมมัน แต่กรรม
ที่เกิดจากผู้กระทำที่ใครอยู่เบื้องหลัง ที่หลายคนไม่รู้ แต่ผมรู้กำลังจะย้อนกลับมาทำลายตัวเขาเอง"
ด้านนายอุดมศักดิ์ รัตนชัย กล่าวว่าตนขอยืนยันว่าวีรชนของเราที่ถูกยิงตายที่ธรรมศาตร์ไม่ใช่แค่
คนเดียว ที่หน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม มีการเผากันประมาณ 4-5 คน และตนขอประณาม นายสมัครว่า เป็น
คนที่สร้างความแตกแยกให้กับสังคมมาตลอด
"แม้กระทั่งประวัติศาสตร์เขายังกล้าบิดเบือน แล้วเขาจะมาเป็นผู้นำประเทศของเราได้อย่างไร"
นายคงเจต พร้อมนำพล ประธานเครือข่ายกองทุนญาติวีชน 6 ต.ค. 19 กล่าวว่า จะไม่ขอให้นาย
สมัครขอโทษ เพราะเชื่อว่าเขาเป็นคนขอโทษใครไม่เป็น และไม่เคยยอมรับผิดใดๆ เปรียบเหมือนงาที่ไม่เคย
งอกจากปากสุนัข และตนก็ไม่เรียกร้องให้คนเดือนตุลา ที่รับใช้อีกฝั่ง ออกมาพูดเช่นกัน
นอกจากนี้ ในวันอาทิตย์นี้ (17 ก.พ.) จะมีการจัดเสวนาเพื่อค้นหาข้อเท็จจริง กรณี 6
ตุลา อีกครั้ง โดยจะมีญาติวีรชนคนเดือนตุลาที่อึดอัด อยากจะร่วมเสวนาจำนวนมาก
"การที่เขาจะขอโทษหรือไม่ขอโทษ เป็นเรื่องจิตสำนึกของเขา เราไปบังคับไม่ได้ ขึ้นอยู่กับคนอายุ
70 กว่าว่า เขาจะมีจิตสำนึกแค่ไหนและขึ้นอยู่กับประชาชนว่า เขาจะเลือกเชื่อใคร" นายคงเจต กล่าว
ตุลา รวมตัวแถลงข่าว เพื่อแสดงท่าทีต่อการให้สัมภาษณ์ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กับสำนัก
ข่าวซีเอ็นเอ็น โดยบิดเบือนข้อมูลประวัติศาสตร์ 6 ตุลา ว่ามีผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียว ในเหตุการณ์ครั้งนั้น
นพ.กุศล ประวิชไพบูลย์ อดีตนักศึกษา ม.มหิดล กล่าวว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ปราบปรามในวันที่
6 ต.ค. ใต้ตึกบัญชีของ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งสิ่งที่ยืนยันจำนวนผู้ตายที่ชัดเจนคือ ตนเห็นตามขั้นบันไดที่ใต้ตึก
บัญชี มีคนตายมากกว่า 1 คนแน่นอน เพราะตนหลบอยู่ในห้องพยาบาล จึงอยากให้คนรุ่นหลังที่เกิดไม่ทัน
เหมือนที่นายสมัครพูด ช่วยกันค้นหาความจริง เพราะจากภาพถ่ายที่มีอยู่มากมาย เป็นสิ่งที่บอกเล่าความจริง
ได้ดีที่สุด
นพ.กุศล กล่าวว่า จากเหตุการณ์ในวันนั้นจนถึงวันนี้ตนได้ประกอบอาชีพแพทย์ และไม่ต้องการ
เถียงกับใคร และนายสมัคร ก็อายุ 70 กว่า ซึ่งเท่ากับมากกว่าตน10 ปี แต่นายสมัคร เป็นผู้นำประเทศ
แล้วออกมาพูดบิดเบือนความจริงแบบนี้ ตนไม่อยากให้มันถูกลืมไว้ข้างหลัง จึงอยากให้มีการไต่สวน เพราะ
สิ่งที่เกิดขึ้น การฆ่ากันแบบนี้ถ้าถามว่าญาติพี่น้องของคนเหล่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่เขาจะรู้สึกอย่างไร
"ประเทศเราสิ่งที่บกพร่องที่สุดคือ การที่เราพยายามปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้น และอยากลืมมัน แต่กรรม
ที่เกิดจากผู้กระทำที่ใครอยู่เบื้องหลัง ที่หลายคนไม่รู้ แต่ผมรู้กำลังจะย้อนกลับมาทำลายตัวเขาเอง"
ด้านนายอุดมศักดิ์ รัตนชัย กล่าวว่าตนขอยืนยันว่าวีรชนของเราที่ถูกยิงตายที่ธรรมศาตร์ไม่ใช่แค่
คนเดียว ที่หน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม มีการเผากันประมาณ 4-5 คน และตนขอประณาม นายสมัครว่า เป็น
คนที่สร้างความแตกแยกให้กับสังคมมาตลอด
"แม้กระทั่งประวัติศาสตร์เขายังกล้าบิดเบือน แล้วเขาจะมาเป็นผู้นำประเทศของเราได้อย่างไร"
นายคงเจต พร้อมนำพล ประธานเครือข่ายกองทุนญาติวีชน 6 ต.ค. 19 กล่าวว่า จะไม่ขอให้นาย
สมัครขอโทษ เพราะเชื่อว่าเขาเป็นคนขอโทษใครไม่เป็น และไม่เคยยอมรับผิดใดๆ เปรียบเหมือนงาที่ไม่เคย
งอกจากปากสุนัข และตนก็ไม่เรียกร้องให้คนเดือนตุลา ที่รับใช้อีกฝั่ง ออกมาพูดเช่นกัน
นอกจากนี้ ในวันอาทิตย์นี้ (17 ก.พ.) จะมีการจัดเสวนาเพื่อค้นหาข้อเท็จจริง กรณี 6
ตุลา อีกครั้ง โดยจะมีญาติวีรชนคนเดือนตุลาที่อึดอัด อยากจะร่วมเสวนาจำนวนมาก
"การที่เขาจะขอโทษหรือไม่ขอโทษ เป็นเรื่องจิตสำนึกของเขา เราไปบังคับไม่ได้ ขึ้นอยู่กับคนอายุ
70 กว่าว่า เขาจะมีจิตสำนึกแค่ไหนและขึ้นอยู่กับประชาชนว่า เขาจะเลือกเชื่อใคร" นายคงเจต กล่าว