จากกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) ออกมาระบุว่า คตส. ไม่มีอำนาจยื่นคำฟ้องคดีหวยบนดินเอง เนื่องจากอัยการสูงสุด ยังไม่ได้มีความเห็นแตกต่าง ในกรณีที่ คตส. มีมติว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือบุคคลใดกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ ตามที่ระบุไว้ในประกาศ คปค. ฉบับที่ 30
นอกจากนี้ อสส. ยังระบุว่า คตส.ไม่มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ในการยื่นเรื่องฟ้องร้อง เนื่องจากตาม มาตรา 10 ,11 ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ กำหนดให้การยื่นฟ้อง เป็นการดำเนินการของ ป.ป.ช. และอัยการสูงสุดเท่านั้น
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือหวยบนดิน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จะต้องมีการนำเข้าไปหารือในที่ประชุม คตส. ชุดใหญ่ ว่าเหตุใดอัยการถึงออกมาให้ความเห็นในลักษณะนี้ เพราะการแสดงความเห็นดังกล่าว อาจจะเป็นการเปิดทางให้ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ หยิบยกขึ้นมาใช้เป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลได้ และตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 ข้อ 9 กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ในกรณีที่ คตส. มีความเห็นแตกต่าง ในคดีที่ คตส.ส่งเรื่องไปให้ แต่ คตส. ยืนยันความเห็นเดิม คตส. มีอำนาจดำเนินการให้มีการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลเองได้
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ คตส. ส่งสำนวนสอบสวนคดีนี้ ไปให้อสส. ทางอสส. ก็มีความเห็นว่า สำนวนสอบสวนของคตส. ไม่สมบูรณ์ และมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาความเห็นร่วมกับคณะทำงานของ คตส. ซึ่งภายหลังการประชุม 2 ครั้ง คณะทำงานฝ่ายอสส. ก็ยังยืนยันความเห็นเดิมว่า สำนวนไม่สมบูรณ์ แต่ในส่วนของคตส. ยืนยันว่า สำนวนสมบูรณ์ดีแล้ว
"เรื่องความเห็นที่แตกต่างกันระหว่าง คตส. กับ อัยการ มันข้ามขั้นไปแล้ว เพราะถ้าเขาไม่เห็นต่างจากเรา เขาจะตั้งคณะทำงานฝ่ายอัยการ ขึ้นมาพิจารณาสำนวนรวมกับเราทำไม และเมื่อความเห็นไม่ตรงกัน เรา ก็ทำเรื่องไปขอสำนวนคืนมา เพื่อที่จะได้มายื่นเรื่องฟ้องเอง ซึ่งเขาก็เพิ่งจะคืนสำนวนมาให้ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา ไม่เข้าใจว่า จะเอาสำนวนของเราไปเก็บไว้ทำไม และที่สำคัญ ในการส่งคืนสำนวนกลับมา ก็ส่งคืนมาเฉพาะตัวจริง และในส่วนของสำเนา ไม่ได้ส่งคืนมา ซึ่งทาง คตส. คงจะทำหนังสือขอสำเนากลับคืนมา " นายอุดมกล่าว
เมื่อถามว่า การที่อัยการสูงสุดไม่ได้มีความเห็นแตกต่าง จะทำให้ คตส. มีสิทธิ์ฟ้องร้องคดีเองได้หรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า ทางอัยการได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานแล้ว เมื่อผ่านขั้นตอนนั้นมาแล้ว ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ก็ถือว่าจบ และคตส. ก็จะดำเนินการส่งฟ้องเอง เนื่องจากมีกฎหมายรองรับ ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามอีกว่า คตส. มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ในการยื่นเรื่องฟ้องคดีหรือไม่ นายอุดม กล่าวว่าคตส. มีอำนาจในการใช้กฎหมาย ของ ป.ป.ช. เมื่อป.ป.ช. มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาฯ คตส. ก็มีอำนาจนี้ด้วย
ด้านนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. กล่าว เมื่ออัยการสูงสุดเห็นไม่ตรงกันกับคตส. เราก็มีอำนาจที่จะฟ้องร้องคดีเองได้ แล้วจะเอายังไงอีก ซึ่งในประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 ก็ระบุไว้ชัดเจนถึงอำนาจในเรื่องนี้ ส่วนความเห็นของอัยการที่ออกมาจะเป็นการเปิดทางให้ผู้ถูกกล่าวหา ใช้เป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างไร
"ประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 ให้อำนาจคตส. ฟ้องร้องคดีเอง เมื่ออัยการไม่เห็นด้วย คตส. ก็ต้องฟ้องคดีเอง ซึ่งในส่วนคดีกล้ายาง ก็คงเป็นเหมือนกัน ถ้าอัยการเห็นต่าง เราก็ต้องฟ้องคดีเอง ซึ่งอาจจะรวมถึงคดีอื่นด้วย ที่ต่อไปเราจะต้องฟ้องร้องเองหมด" นายนาม กล่าว
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ คตส. ซึ่งมีตำแหน่งเป็น 1 ในกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คตส. มีอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ในการยื่นเรื่องฟ้องคดีเองได้ เช่นเดียวกับป.ป.ช. เมื่อ ป.ป.ช. มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาฯ คตส. ก็มีอำนาจนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเวลา 17.00 น. วานนี้ (13 ก.พ.) ได้มีการประชุม คตส. ชุดใหญ่นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งในที่สุดที่ประชุมมีมติ ส่งฟ้องคดีหวยบนดินเอง โดยจะดำเนินการภายใน 1-2 สัปดาห์ พร้อมกันนี้ก็จะทำ หนังสือถึงอสส. ให้ส่งสำเนาของสำนวนคดีนี้ กลับคืนมาให้คตส. โดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ อสส. ยังระบุว่า คตส.ไม่มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ในการยื่นเรื่องฟ้องร้อง เนื่องจากตาม มาตรา 10 ,11 ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ กำหนดให้การยื่นฟ้อง เป็นการดำเนินการของ ป.ป.ช. และอัยการสูงสุดเท่านั้น
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือหวยบนดิน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จะต้องมีการนำเข้าไปหารือในที่ประชุม คตส. ชุดใหญ่ ว่าเหตุใดอัยการถึงออกมาให้ความเห็นในลักษณะนี้ เพราะการแสดงความเห็นดังกล่าว อาจจะเป็นการเปิดทางให้ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ หยิบยกขึ้นมาใช้เป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลได้ และตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 ข้อ 9 กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ในกรณีที่ คตส. มีความเห็นแตกต่าง ในคดีที่ คตส.ส่งเรื่องไปให้ แต่ คตส. ยืนยันความเห็นเดิม คตส. มีอำนาจดำเนินการให้มีการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลเองได้
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ คตส. ส่งสำนวนสอบสวนคดีนี้ ไปให้อสส. ทางอสส. ก็มีความเห็นว่า สำนวนสอบสวนของคตส. ไม่สมบูรณ์ และมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาความเห็นร่วมกับคณะทำงานของ คตส. ซึ่งภายหลังการประชุม 2 ครั้ง คณะทำงานฝ่ายอสส. ก็ยังยืนยันความเห็นเดิมว่า สำนวนไม่สมบูรณ์ แต่ในส่วนของคตส. ยืนยันว่า สำนวนสมบูรณ์ดีแล้ว
"เรื่องความเห็นที่แตกต่างกันระหว่าง คตส. กับ อัยการ มันข้ามขั้นไปแล้ว เพราะถ้าเขาไม่เห็นต่างจากเรา เขาจะตั้งคณะทำงานฝ่ายอัยการ ขึ้นมาพิจารณาสำนวนรวมกับเราทำไม และเมื่อความเห็นไม่ตรงกัน เรา ก็ทำเรื่องไปขอสำนวนคืนมา เพื่อที่จะได้มายื่นเรื่องฟ้องเอง ซึ่งเขาก็เพิ่งจะคืนสำนวนมาให้ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา ไม่เข้าใจว่า จะเอาสำนวนของเราไปเก็บไว้ทำไม และที่สำคัญ ในการส่งคืนสำนวนกลับมา ก็ส่งคืนมาเฉพาะตัวจริง และในส่วนของสำเนา ไม่ได้ส่งคืนมา ซึ่งทาง คตส. คงจะทำหนังสือขอสำเนากลับคืนมา " นายอุดมกล่าว
เมื่อถามว่า การที่อัยการสูงสุดไม่ได้มีความเห็นแตกต่าง จะทำให้ คตส. มีสิทธิ์ฟ้องร้องคดีเองได้หรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า ทางอัยการได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานแล้ว เมื่อผ่านขั้นตอนนั้นมาแล้ว ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ก็ถือว่าจบ และคตส. ก็จะดำเนินการส่งฟ้องเอง เนื่องจากมีกฎหมายรองรับ ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามอีกว่า คตส. มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ในการยื่นเรื่องฟ้องคดีหรือไม่ นายอุดม กล่าวว่าคตส. มีอำนาจในการใช้กฎหมาย ของ ป.ป.ช. เมื่อป.ป.ช. มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาฯ คตส. ก็มีอำนาจนี้ด้วย
ด้านนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. กล่าว เมื่ออัยการสูงสุดเห็นไม่ตรงกันกับคตส. เราก็มีอำนาจที่จะฟ้องร้องคดีเองได้ แล้วจะเอายังไงอีก ซึ่งในประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 ก็ระบุไว้ชัดเจนถึงอำนาจในเรื่องนี้ ส่วนความเห็นของอัยการที่ออกมาจะเป็นการเปิดทางให้ผู้ถูกกล่าวหา ใช้เป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างไร
"ประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 ให้อำนาจคตส. ฟ้องร้องคดีเอง เมื่ออัยการไม่เห็นด้วย คตส. ก็ต้องฟ้องคดีเอง ซึ่งในส่วนคดีกล้ายาง ก็คงเป็นเหมือนกัน ถ้าอัยการเห็นต่าง เราก็ต้องฟ้องคดีเอง ซึ่งอาจจะรวมถึงคดีอื่นด้วย ที่ต่อไปเราจะต้องฟ้องร้องเองหมด" นายนาม กล่าว
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ คตส. ซึ่งมีตำแหน่งเป็น 1 ในกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คตส. มีอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ในการยื่นเรื่องฟ้องคดีเองได้ เช่นเดียวกับป.ป.ช. เมื่อ ป.ป.ช. มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาฯ คตส. ก็มีอำนาจนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเวลา 17.00 น. วานนี้ (13 ก.พ.) ได้มีการประชุม คตส. ชุดใหญ่นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งในที่สุดที่ประชุมมีมติ ส่งฟ้องคดีหวยบนดินเอง โดยจะดำเนินการภายใน 1-2 สัปดาห์ พร้อมกันนี้ก็จะทำ หนังสือถึงอสส. ให้ส่งสำเนาของสำนวนคดีนี้ กลับคืนมาให้คตส. โดยเร็วที่สุด