"ครม.หมัก"ผวากฎหมาย 7 ชั่วโคตรจะทำตกเก้าอี้ ตั้งคำถามเลขาฯป.ป.ช.กลางวงครม.ถี่หยิบ "สมัคร"โวยเขียนรัฐธรรมนูญด้วยความโกรธแค้น ชิงชัง ส่งผลถึงขั้นทำลายครอบครัว "สิทธิชัย"ถามรมต.ค้ำประกันเงินกู้ผิดไหม ขณะที่พ่อหม้าย"ธีรชัย" ถามหย่ากับเมีย 2 ปี ต้องแจงบัญชีทรัพย์สินภรรยาด้วยหรือไม่
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม. ด้วยอาการหัวเสีย เนื่องจากพบว่า พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ กับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือ "กฎหมาย 7 ชั่วโคตร" ที่อาจจะทำให้รัฐมนตรีทั้งคณะมีปัญหา
"ตอนแรกตั้งใจจะประชุม ครม.สัก 1 ชั่วโมงแต่ก็กลายเป็น 2 ชั่วโมงครึ่ง เพราะว่ามีเรื่องที่ไม่น่าคาดคิดเลย คือเรื่องรัฐธรรมนญที่เขาทำไว้ ซึ่ง ป.ป.ช. มาชี้แจงกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย เป็นปัญหาไม่น่าเชื่อเลยไปเขียนไว้ทำลายครอบครัวเขา ครอบครัวเขาอยู่กันมาดี ๆ ก็เสียหายหมด เขาทำกันมาดีๆ เขาทำไม่ได้เลย หมายความว่า คนเราจะเลือกอาชีพที่ตั้งใจไม่ได้ เพราะอย่างนี้ เพราะความเกลียดแค้น ชิงชัง ไม่ชอบ มันอยู่ในรัฐธรรมนูญหมด แต่ก่อนเป็นระเบียบนั้น ระเบียบนี้ นี่เป็นรัฐธรรมนูญเลย มันเป็นอันตรายมากเลย แล้วเบื้องต้นก็มีปัญหา เลยต้องให้กฤษฎีกาตีความ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อพบว่ามีปัญหาแบบนี้ จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเร็วขึ้นหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เราต้องแก้ไขในส่วนของเราก่อน เพราะมันไม่มีทางอื่น ถ้าเราแก้ทางเราได้ เราก็ต้องแก้ทางนี้ก่อน เพราะถ้าไปแก้ที่รัฐธรรมนูญแล้วยังไม่แน่นอน คือ บางประเด็นอาจเป็นไปได้ ดังนั้นถ้าหากจะแก้ก็ต้องแก้ทีเดียว ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ทีเดียวหมด ซึ่งต้องไปรอตอนจบของรัฐบาล ฉะนั้นตอนนี้เราต้องแบกภาระอันนี้ไปก่อน ต้องหาทางออก เรายังมีเวลาถึงวันที่ 6 มี.ค. คือจะต้องมีการหารือกับ ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิดว่าจะทำได้ หรือไม่ได้ เพราะเรื่องนี้มีปัญหากับ ส.ส. ของเราหลายคน ซึ่งเวลานี้เขาก็มารับตำแหน่งหน้าที่แล้ว เท่ากับเดินทางมาตั้งครึ่ง แล้ว ไอ้ทางที่เขามี เขาเสียหายหมด
"ภรรยาเขาทำงานของเขา มีอาชีพของเขาอยู่ ก็ยังทำไม่ได้เลย กฎหมายนี้คุณก็ลองคิดดูสิ แม้แต่จะไปแบ่งหุ้นแยกหุ้นก็ยังทำไม่ได้ แม้กระทั่งถามว่า ทำเป็นว่าหย่ากันได้มั้ย เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ไม่ได้ เพราะรู้ว่าเจตนา หย่ายังไม่ได้เลย มันประหลาด มันไม่เข้าท่า" นายสมัคร กล่าว และว่า ในครม.มีอยู่ 2-3 คนที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนี้
"บางคนก็ยังถือหุ้นอยู่โดยเฉพาะหุ้นบริษัทปูนซีเมนต์ไทย และถ้าบริษัทปูนซีเมนต์ไปได้สัมปทานรัฐ มันก็ต้องห้ามเหมือนกัน แต่ ยังมีรายใหญ่อีกรายหนึ่งซึ่งเป็นปัญหาสังคมลมโชย อาจจะต้องไปร้องทุกข์กับกรรมการสิทธิมนุษยชน เพราะ การเขียนกฎหมายอย่างนี้มันเสียสิทธิ มันได้อย่างไร" นายสมัคร กล่าว
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในช่วงที่ นายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช.แจ้งข้อปฏิบัติรัฐมนตรีในการแจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ช่วงเข้า และพ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปีในที่ประชุม ครม. ซึ่งรัฐมนตรีต่างให้ความสนใจ โดยเฉพาะนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รมช.มหาดไทย ได้ตั้งคำถามกับเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า ได้ไปค้ำประกันเงินกู้ให้กับบุคคลอื่นจะต้องชี้แจงกับ ป.ป.ช.ด้วยหรือเปล่า และขัดต่อ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ กับผลประโยชน์ส่วนรวมหรือไม่
แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า รัฐมนตรีต่างให้ความสนใจเรื่องกันมาก มีรัฐมนตรีจำนวนมาก ที่ต่างพยายามสอบถามข้อสงสัย ทั้งในเรื่องการถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ และการแจ้งบัญชีทรัพย์สินทั้งของสามี และภรรยา ซึ่งทางเลขาฯ ป.ป.ช.ไม่สามารถชี้แจงถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 50 นอกจากนี้ในที่ประชุม นายธีรชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ ได้ถามว่า ได้หย่ากับภรรยามา 2 ปีแล้ว ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินของอดีตภริยาด้วยหรือไม่ ขณะที่นายสมัครได้กล่าวติดตลกในครม.ว่า "หากมีปัญหาอย่างนี้สงสัยต้องให้รัฐมนตรีไปหย่ากับภรรยาให้หมด"
ขณะที่นายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ตนมาชี้แจงเรื่องของการถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนสงสัยเรื่องของ พ.ร.บ.7 ชั่วโคตร และได้สอบถาม ทั้งนี้ ตนมองว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวกว้างเกินไป แต่ขั้นตอนสุดท้าย ป.ป.ช. จะเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ความผิด หรือตำแหน่งทางการเมืองว่าจะมีขอบเขตแค่ไหน
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม. ด้วยอาการหัวเสีย เนื่องจากพบว่า พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ กับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือ "กฎหมาย 7 ชั่วโคตร" ที่อาจจะทำให้รัฐมนตรีทั้งคณะมีปัญหา
"ตอนแรกตั้งใจจะประชุม ครม.สัก 1 ชั่วโมงแต่ก็กลายเป็น 2 ชั่วโมงครึ่ง เพราะว่ามีเรื่องที่ไม่น่าคาดคิดเลย คือเรื่องรัฐธรรมนญที่เขาทำไว้ ซึ่ง ป.ป.ช. มาชี้แจงกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย เป็นปัญหาไม่น่าเชื่อเลยไปเขียนไว้ทำลายครอบครัวเขา ครอบครัวเขาอยู่กันมาดี ๆ ก็เสียหายหมด เขาทำกันมาดีๆ เขาทำไม่ได้เลย หมายความว่า คนเราจะเลือกอาชีพที่ตั้งใจไม่ได้ เพราะอย่างนี้ เพราะความเกลียดแค้น ชิงชัง ไม่ชอบ มันอยู่ในรัฐธรรมนูญหมด แต่ก่อนเป็นระเบียบนั้น ระเบียบนี้ นี่เป็นรัฐธรรมนูญเลย มันเป็นอันตรายมากเลย แล้วเบื้องต้นก็มีปัญหา เลยต้องให้กฤษฎีกาตีความ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อพบว่ามีปัญหาแบบนี้ จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเร็วขึ้นหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เราต้องแก้ไขในส่วนของเราก่อน เพราะมันไม่มีทางอื่น ถ้าเราแก้ทางเราได้ เราก็ต้องแก้ทางนี้ก่อน เพราะถ้าไปแก้ที่รัฐธรรมนูญแล้วยังไม่แน่นอน คือ บางประเด็นอาจเป็นไปได้ ดังนั้นถ้าหากจะแก้ก็ต้องแก้ทีเดียว ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ทีเดียวหมด ซึ่งต้องไปรอตอนจบของรัฐบาล ฉะนั้นตอนนี้เราต้องแบกภาระอันนี้ไปก่อน ต้องหาทางออก เรายังมีเวลาถึงวันที่ 6 มี.ค. คือจะต้องมีการหารือกับ ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิดว่าจะทำได้ หรือไม่ได้ เพราะเรื่องนี้มีปัญหากับ ส.ส. ของเราหลายคน ซึ่งเวลานี้เขาก็มารับตำแหน่งหน้าที่แล้ว เท่ากับเดินทางมาตั้งครึ่ง แล้ว ไอ้ทางที่เขามี เขาเสียหายหมด
"ภรรยาเขาทำงานของเขา มีอาชีพของเขาอยู่ ก็ยังทำไม่ได้เลย กฎหมายนี้คุณก็ลองคิดดูสิ แม้แต่จะไปแบ่งหุ้นแยกหุ้นก็ยังทำไม่ได้ แม้กระทั่งถามว่า ทำเป็นว่าหย่ากันได้มั้ย เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ไม่ได้ เพราะรู้ว่าเจตนา หย่ายังไม่ได้เลย มันประหลาด มันไม่เข้าท่า" นายสมัคร กล่าว และว่า ในครม.มีอยู่ 2-3 คนที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนี้
"บางคนก็ยังถือหุ้นอยู่โดยเฉพาะหุ้นบริษัทปูนซีเมนต์ไทย และถ้าบริษัทปูนซีเมนต์ไปได้สัมปทานรัฐ มันก็ต้องห้ามเหมือนกัน แต่ ยังมีรายใหญ่อีกรายหนึ่งซึ่งเป็นปัญหาสังคมลมโชย อาจจะต้องไปร้องทุกข์กับกรรมการสิทธิมนุษยชน เพราะ การเขียนกฎหมายอย่างนี้มันเสียสิทธิ มันได้อย่างไร" นายสมัคร กล่าว
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในช่วงที่ นายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช.แจ้งข้อปฏิบัติรัฐมนตรีในการแจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ช่วงเข้า และพ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปีในที่ประชุม ครม. ซึ่งรัฐมนตรีต่างให้ความสนใจ โดยเฉพาะนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รมช.มหาดไทย ได้ตั้งคำถามกับเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า ได้ไปค้ำประกันเงินกู้ให้กับบุคคลอื่นจะต้องชี้แจงกับ ป.ป.ช.ด้วยหรือเปล่า และขัดต่อ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ กับผลประโยชน์ส่วนรวมหรือไม่
แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า รัฐมนตรีต่างให้ความสนใจเรื่องกันมาก มีรัฐมนตรีจำนวนมาก ที่ต่างพยายามสอบถามข้อสงสัย ทั้งในเรื่องการถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ และการแจ้งบัญชีทรัพย์สินทั้งของสามี และภรรยา ซึ่งทางเลขาฯ ป.ป.ช.ไม่สามารถชี้แจงถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 50 นอกจากนี้ในที่ประชุม นายธีรชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ ได้ถามว่า ได้หย่ากับภรรยามา 2 ปีแล้ว ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินของอดีตภริยาด้วยหรือไม่ ขณะที่นายสมัครได้กล่าวติดตลกในครม.ว่า "หากมีปัญหาอย่างนี้สงสัยต้องให้รัฐมนตรีไปหย่ากับภรรยาให้หมด"
ขณะที่นายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ตนมาชี้แจงเรื่องของการถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนสงสัยเรื่องของ พ.ร.บ.7 ชั่วโคตร และได้สอบถาม ทั้งนี้ ตนมองว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวกว้างเกินไป แต่ขั้นตอนสุดท้าย ป.ป.ช. จะเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ความผิด หรือตำแหน่งทางการเมืองว่าจะมีขอบเขตแค่ไหน
