** จะปล่อยให้ผ่านเลยไปเห็นทีจะไม่ได้หลังจากได้เกิดร่องรอยอาการ “ขัดใจ” กันเล็กๆระหว่าง “หุ่นเชิด” กับ “คนเชิด” หรือ “หมัก”กับ “แม้ว” เรื่องเปลี่ยนโผ ครม. “ขี้เหร่” 12 เก้าอี้ไปแล้ว มาวันนี้ยังมีเรื่องเด็กในบ้านที่ทำท่าจะทะเลาะตบตีกันเพื่อ “แย่งเอาใจนาย” ตามมาอีก
** ระหว่าง “เลี้ยบ” แม่บ้านคนเก่า กับ “มิ่ง” ขวัญใจคนใหม่ ต้องการเป็นหัวหน้าขุนพลเศรษฐกิจชิงบทบาทเด่น จนล่าสุดเมื่อเห็นท่าไม่ดีไม่มีใครยอมใครก็ต้องตัดบทให้"ลุงหมัก"ฝืนสังขารรวบเข้ามาไว้ในมือแล้วค่อยแบ่งหน้าที่ไปทำเป็น “จ็อบๆ” เพื่อยุติปัญหา
** แม้ว่ากรณีหลังจะว่าไปแล้วไม่มีผลสั่นไหวกับรัฐบาล เนื่องจากแต่ละคนล้วนเป็นเด็กนายใหญ่-นายหญิง สามารถจบกันไปดื้อๆ เหมือนมวยคั่นรายการ แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า รายการแบบนี้จะเกิดขึ้นเป็นระยะในยุครัฐบาลนอมินี
** อีกเรื่องที่น่าจับตาไม่น้อยกับคำประกาศของ “หมักนอมินี” ให้ได้ยินไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่าจะสร้างรถไฟฟ้าระบบขนส่งมวลชนจำนวน 9 เส้นทาง พร้อมทั้งผลักดันส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าบีทีเอสในรอบทิศทางทั่วกทม.อีกร่วมๆ 100 กิโลเมตร ขณะเดียวกันยังเปิดเกมรุกคืบออกต่างจังหวัดทั่วประเทศ ด้วยการสร้างรถไฟรางคู่ รวมถึงขุดอุโมงค์ผันน้ำจากแม่น้ำโขงมาฟื้นฟูความชุ่มฉ่ำในภาคอีสานเสียอีก
** เป็น “อภิมหา” เมกะโปรเจกต์มูลค่าการลงทุนรวมกันแล้วน่าจะเหยียบล้านล้านบาท ได้ทั้งคะแนนเสียง และความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งไทย-เทศ เพียงแค่พ่นน้ำลายผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงบรรดาหุ้นของกลุ่มก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ต่างขึ้นกันยกแผง ว่ากันเฉพาะเรื่องจิตวิทยาล้วนๆ ไม่ต้องมองถึงความเป็นจริง หรือยังไม่ต้องคิดกันว่าเกมนี้มันพ่วง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เก็งกำไรที่ดิน จิปาถะตามมาเป็นพรวน
** ถ้าโฟกัสเอาเฉพาะเรื่องแรกคือเรื่องรถไฟฟ้าก่อน รับรองว่าไม่ว่าใครถ้าลองประกาศสร้างก็จะได้ใจคนกรุงเทพฯไปทันที
** ดังนั้นการประกาศนำร่องสร้างรถไฟฟ้าให้เสร็จภายใน 3 ปี หรือภายในรัฐบาลชุดนี้ มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากต้องการมัดใจคนกรุง รื้อฟื้นคะแนนเสียงที่หายไปให้กลับคืนมา แถมโครงการ “อภิมหาโปรเจกต์” ดังกล่าวยังหวังโปรโมตภาวะเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคัก อานิสงส์ยังแผ่ไปถึงบรรดา “เครือข่าย” ได้กลับมาเก็งกำไรรวยกันอื้อซ่าเสียอีก ยิงนัดเดียวได้ตั้งหลายตัว คุ้มเกินคุ้ม
** นาทีนี้ถึงบอกว่าเกมแรกเปิดฉากมาก็ไม่ธรรมดา ยิ่งถ้าทำได้ “เนียน” จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ขณะเดียวกันในฟากตรงกันข้ามอย่างประชาธิปัตย์ที่ส่ง “หล่อเล็ก” อย่าง อภิรักษ์ โกษะโยธิน นั่งบริหารอยู่ที่เสาชิงช้าจนมาเกือบครบ 4 ปี ต่อยอดรถไฟฟ้าได้สองสายรวมกันเพียงแค่ 6-7 กิโลเมตร และยังไม่รู้ว่าอนาคตจะใช้บริการวันไหนหลัง “พลังแม้ว” เข้ามา ดังนั้นถ้าเกิดภาพเปรียบเทียบแบบนี้ก็ยุ่งเหมือนกัน
** ระหว่าง “เลี้ยบ” แม่บ้านคนเก่า กับ “มิ่ง” ขวัญใจคนใหม่ ต้องการเป็นหัวหน้าขุนพลเศรษฐกิจชิงบทบาทเด่น จนล่าสุดเมื่อเห็นท่าไม่ดีไม่มีใครยอมใครก็ต้องตัดบทให้"ลุงหมัก"ฝืนสังขารรวบเข้ามาไว้ในมือแล้วค่อยแบ่งหน้าที่ไปทำเป็น “จ็อบๆ” เพื่อยุติปัญหา
** แม้ว่ากรณีหลังจะว่าไปแล้วไม่มีผลสั่นไหวกับรัฐบาล เนื่องจากแต่ละคนล้วนเป็นเด็กนายใหญ่-นายหญิง สามารถจบกันไปดื้อๆ เหมือนมวยคั่นรายการ แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า รายการแบบนี้จะเกิดขึ้นเป็นระยะในยุครัฐบาลนอมินี
** อีกเรื่องที่น่าจับตาไม่น้อยกับคำประกาศของ “หมักนอมินี” ให้ได้ยินไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่าจะสร้างรถไฟฟ้าระบบขนส่งมวลชนจำนวน 9 เส้นทาง พร้อมทั้งผลักดันส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าบีทีเอสในรอบทิศทางทั่วกทม.อีกร่วมๆ 100 กิโลเมตร ขณะเดียวกันยังเปิดเกมรุกคืบออกต่างจังหวัดทั่วประเทศ ด้วยการสร้างรถไฟรางคู่ รวมถึงขุดอุโมงค์ผันน้ำจากแม่น้ำโขงมาฟื้นฟูความชุ่มฉ่ำในภาคอีสานเสียอีก
** เป็น “อภิมหา” เมกะโปรเจกต์มูลค่าการลงทุนรวมกันแล้วน่าจะเหยียบล้านล้านบาท ได้ทั้งคะแนนเสียง และความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งไทย-เทศ เพียงแค่พ่นน้ำลายผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงบรรดาหุ้นของกลุ่มก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ต่างขึ้นกันยกแผง ว่ากันเฉพาะเรื่องจิตวิทยาล้วนๆ ไม่ต้องมองถึงความเป็นจริง หรือยังไม่ต้องคิดกันว่าเกมนี้มันพ่วง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เก็งกำไรที่ดิน จิปาถะตามมาเป็นพรวน
** ถ้าโฟกัสเอาเฉพาะเรื่องแรกคือเรื่องรถไฟฟ้าก่อน รับรองว่าไม่ว่าใครถ้าลองประกาศสร้างก็จะได้ใจคนกรุงเทพฯไปทันที
** ดังนั้นการประกาศนำร่องสร้างรถไฟฟ้าให้เสร็จภายใน 3 ปี หรือภายในรัฐบาลชุดนี้ มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากต้องการมัดใจคนกรุง รื้อฟื้นคะแนนเสียงที่หายไปให้กลับคืนมา แถมโครงการ “อภิมหาโปรเจกต์” ดังกล่าวยังหวังโปรโมตภาวะเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคัก อานิสงส์ยังแผ่ไปถึงบรรดา “เครือข่าย” ได้กลับมาเก็งกำไรรวยกันอื้อซ่าเสียอีก ยิงนัดเดียวได้ตั้งหลายตัว คุ้มเกินคุ้ม
** นาทีนี้ถึงบอกว่าเกมแรกเปิดฉากมาก็ไม่ธรรมดา ยิ่งถ้าทำได้ “เนียน” จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ขณะเดียวกันในฟากตรงกันข้ามอย่างประชาธิปัตย์ที่ส่ง “หล่อเล็ก” อย่าง อภิรักษ์ โกษะโยธิน นั่งบริหารอยู่ที่เสาชิงช้าจนมาเกือบครบ 4 ปี ต่อยอดรถไฟฟ้าได้สองสายรวมกันเพียงแค่ 6-7 กิโลเมตร และยังไม่รู้ว่าอนาคตจะใช้บริการวันไหนหลัง “พลังแม้ว” เข้ามา ดังนั้นถ้าเกิดภาพเปรียบเทียบแบบนี้ก็ยุ่งเหมือนกัน