"สมัคร" เผยสื่อนอกนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 ก.พ.นี้ ระบุพร้อมประชุมนัดแรกทันทีวันพฤหัสฯ ด้าน "กมล วิระพันธุ์วาณิช" อ้างวืด รมต.เพราะติดกฎเหล็ก กม.ห้ามมีสัมปทานรัฐ ไม่เกี่ยว "เติ้ง" ขอเงิน 20 ล้าน "นพดล" ชูนายกฯจริงใจจึงวิจารณ์ ครม.ขี้เหร่ "บุญรอด" มั่นใจ "สมัคร" เข้าใจกองทัพ ไม่แทรกแซงโผทหาร ระบุหากล้วงลูกมีสิทธิ์ติดคุก พร้อมแนะผู้นำเหล่าทัพต้องเป็นปึกแผ่นเพื่อสกัดการเมืองเข้าไปสร้างปัญหา
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปยังที่ทำการพรรคพลังประชาชน (พปช.) วานนี้ (4 ก.พ.) ถึงการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขึ้นทูลเกล้าฯด้วยตัวเองว่า เคยบอกแล้วว่าเรื่อง ครม.อย่าถาม วันนี้มาที่ทำการพรรคพลังประชาชนเพราะมีหนังสือสำคัญต้องเซ็น
สำหรับการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีนั้น นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรีใหม่เสร็จสิ้นเรียบร้อยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานของสำนักเลขาธิการครม.และ สำนักราชเลขาธิการ
อย่างไรก็ดี นายสมัครได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า ได้นัดหมายคณะรัฐมนตรีทุกคนเตรียมเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฎิญาณในเย็นวันที่ 6 ก.พ. นี้ และคาดว่าจะสามารถ ประชุมครม.นัดพิเศษนัดแรกวันพฤหัสบดีที่ 7 ก.พ.2551
มีรายงานข่าวว่า ที่ผ่านมารายชื่อ ครม.ชุดใหม่ที่ส่งมาตรวจสอบคุณสมบัติการถือครองหุ้นบางคน ยังไม่แล้วเสร็จ โดยมีรายชื่อ 3-4 คนที่ต้องส่งไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณสมบัติและในช่วงบ่ายวันเดียวกันก็ได้ส่งรายชื่อไปตรวจสอบคุณสมบัติเพิ่มเติม ที่กระทรวงพาณิชย์ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปกติการตรวจสอบคุณสมบัติโดยเฉพาะการตรวจสอบเรื่องการถือครองหุ้นของผู้จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองปกติจะไม่ช้า สามารถตรวจสอบได้ภายใน 1 วัน แต่การตรวจสอบคุณสมบัติกลับใช้เวลานานกว่าปกติ
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้กองนิติธรรม สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำการตรวจสอบรายชื่อ ครม.ชุดนี้มา 3 วันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 1 ก.พ.และพบว่าส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาในข้อกฎหมาย แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า จะมีการทูลเกล้าฯเมื่อใด แต่ขณะนี้อาจจะมีการประสานไปยังสำนักราชเลขาธิการแล้ว
**"กมล"ติดกับกม.ทำวืด รมต.
รายงานข่าวจากพรรคชาติไทยแจ้งว่า จากการที่พรรคชาติไทยได้โควตารัฐมนตรี 5 ตำแหน่ง โดยนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคได้เสนอชื่อนายกมล วิระพันธุ์วาณิช ส.ส.ลพบุรี ของพรรคให้ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่ล่าสุดปรากฎว่า พรรค พปช.ได้แจ้งมายังนายบรรหารว่า นายกมล ติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติเนื่องจากมีธุรกิจเป็นคู่สัญญากับรัฐ หรือมีสัมปทานของรัฐ นายบรรหาร จึงได้เชิญนายกมล มาหารือ ซึ่งนายกมล เห็นว่าเพื่อยุติปัญหาจะขอถอนตัวนายบรรหาร จึงได้เสนอชื่อนายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม ของพรรค ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรฯแทน
นายกมลให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่เคยทะเยอทะยาน แต่เป็นความกรุณาของนายบรรหาร เมื่อมากรอกข้อมูลเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะไม่ได้เป็นรัฐมนตรี เพราะติดปัญหากฎหมายฮั้ว 7 ชั่วโคตร ที่ตอนออกมาเพราะต้องการมัด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่ตอนนี้ตายทุกคน คงต้องไปขอทานกิน
"บ้านผมทำธุรกิจโรงโม่หินแล้วนำไปขายให้กับรัฐ ฝ่ายกฎหมายพิจารณาแล้ว เกรงว่าจะเข้าข่ายคู่สัญญาสัมปทานของรัฐ เขาแนะนำให้ผมโอนกิจการไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่ลูกหลาน ผมคิดวาถ้าเป็นอย่างนี้ถูกโกงแน่ ที่สำคัญลูกๆ ก็ไม่ยอม ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ได้เป็นก็ไม่ได้เป็น ผมไม่เสียดาย แต่เสียใจอยู่นิดเดียวที่มีข่าวว่าท่านบรรหารเรียกเงิน 20 ล้านจากผมแล้วผมปฎิเสธซึ่งไม่เป็นความจริง ผมไม่เคยพูดรู้แต่ว่ามีพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งปล่อยข่าวดิสเครดิตพรรคชาติไทย ผมยืนยันว่าท่านบรรหารเป็นคนดี"
***พปช.ยก"สมัคร"ปากกับใจตรงกัน
นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรค พปช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการ ครม.ระบุว่ายังไม่ได้นำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะต้องตรวจสอบคุณสมบัติว่า เลขาธิการ ครม.ได้ตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯได้ภายใน 1-2 วัน
ส่วนที่นายสมัคร ยอมรับว่า ครม.ชุดใหม่มีหน้าตาขี้เหร่นั้น นายนพดล กล่าวว่า ยังไม่ทราบโฉมหน้า ครม.แต่เชื่อว่าพรรคพิจารณาสรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ดังนั้น หลังจากโปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ต้องเร่ง ทำหน้าที่อย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตนเองและแสดงให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลเอาใจใส่ต่อประชาชน ส่วนที่นายสมัคร ออกมาระบุเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า เป็นคนที่ปากตรงกับใจ และมีความคิดเห็นอย่างจริงใจ ไม่ใช่ไม่ไว้วางใจใคร ดังนั้นขอให้มองที่การทำงานมากกว่าคำนึงหน้าตาของบุคคล
สำหรับการออกมาให้สัมภาษณ์ของ ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดินถึงความเหมาะสมในการวางตัว ครม.นั้น นายนพดล กล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของนายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน ไม่ได้รุนแรงมาก แต่ตนคิดว่า ส.ส.แต่ละพรรคต้องมุ่งมั่นทำงานเพื่อลบคำสบประมาท และขณะที่ความนิยมในตัวนายกฯคนใหม่จากผลสำรวจที่เริ่มสูงขึ้น ดังนั้น ผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีก็ควรสำนึกตรงจุดนี้ และตั้งใจทำงาน ส่วน พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เป็นการป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายทหารนั้น นายนพดล กล่าวว่า พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ระบุชัดว่า ไม่ต้องการให้การเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยว และเชื่อว่ารัฐบาลก็ไม่ได้มีแนวคิดที่จะปรับแก้กฎหมายฉบับนี้ และส่วนตัวก็ไม่ต้องการให้ ฝ่ายการเมืองเข้าไปยุ่ง เพราะฝ่ายการเมืองพอครบวาระ 3-4 ปีก็ต้องเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้า รมว.กลาโหมจะพิจารณาผู้ที่จะมารับตำแหน่งในฝ่ายทหาร ก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก
***"บุญรอด"เชื่อ"สมัคร"เข้าใจกองทัพ
ด้าน พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รักษาการ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังข้าราชการกระทรวงกลาโหมจัดพิธีเทิดเกียรติให้ในโอกาสที่จะพ้นจากตำแหน่ง รมว.กลาโหมว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ได้ปรับความเข้าใจกับนายสมัคร เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหม ซึ่งท่านเข้าใจดี
พล.อ.บุญรอดกล่าวต่อว่า การพูดคุยไม่ได้ปรับความเข้าใจอย่างเดียว แต่มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งตนตระหนักและรับทราบด้วยความรู้สึกว่าท่านเข้าใจกองทัพเป็นอย่างดี สิ่งที่ตนได้ฝากไว้คือเรื่องกระทรวงกลาโหม และเรื่ององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เพราะท่านต้องเป็นนายกสภาองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ได้ฝากให้ดูเรื่องสิทธิกำลังพลของทหารผ่านศึกและดูแลเรื่องการรักษาพยาบาล ซึ่งขณะนี้รัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว คือ ปรับปรุงโรงพยาบาลใหม่ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
"ในเรื่องกระทรวงกลาโหมนั้นผมได้พูดกับท่านว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง อย่างนโยบายลดกำลังพลนั้นมีเพียงรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย เท่านั้นที่ลดได้ แต่จากนั้นก็ขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วมาถึงสมัยผมก็ลดลงไปได้อีก ซึ่งท่านได้ซักในรายละเอียดและถามว่าจะทำได้อย่างไร ทำโดยเออรี่รีไทร์ใช่หรือไม่ ผมบอกว่าเออรี่รีไทร์ คือส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือการกำหนดขอบเขตว่าเมื่อเกษียณ 100 คนให้แต่งตั้งเข้ามาแค่ 75% ซึ่งจะลดได้ทีละ 25%"
ส่วนปัญหาในอดีตที่มีความกินแหนงแคลงใจกันระหว่าง ผบ.เหล่าทัพ กับรัฐบาลใหม่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่นั้น พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ตอนนี้ตนเชื่อว่านายสมัคร เป็นคนจริงคนหนึ่งและตนก็ชอบคนจริงคือพูดจริงทำจริง และท่านก็บอกแล้วว่าจะไม่เข้าแทรกแซง หรือล้วงลูก และจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทหาร ตนเชื่อว่าที่ท่านเข้ามาเพราะมีภารกิจที่สำคัญของชาติที่จะต้องแก้ไข ส่วนทหาร หากทำหน้าที่ของทหารไปเชื่อว่าในส่วนของความมั่นคงของประเทศชาติและทหารจะไปได้ดีอย่างแน่นอน
***ไม่ทำตามกม.กห.นายกฯมีสิทธิติกคุก
พล.อ.บุญรอด กล่างถึงกรณีที่เกรงกันว่าเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10) ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาได้รับการแต่งตั้งลงตำแหน่งสำคัญๆ ด้วยว่า ต้องรอดู แต่เมื่อมี พ.ร.บ.จัดระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหมแล้วทุกอย่างต้องเป็นไปตามกลไกและกติกาที่ตั้งไว้คือต้องผ่านการพิจารณาตั้งแต่ขั้นจาก ผบ.เหล่าทัพ จนมาถึงคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มี รมว.กลาโหมเป็นประธาน
"ครั้งนี้เป็นกฎหมาย ถ้าใครทำผิดกฎหมายต้องมีการบทโทษ และหากรัฐมนตรีคนไหนทำผิดมีความผิดถึงขั้นปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีได้ และมีสิทธิ์ติดคุก"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.เหล่าทัพจะต้านทานอำนาจของรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ต้องคอยดูต่อไป ทั้งนี้ ผบ.เหล่าทัพต้องมีความเป็นหนึ่ง ทั้งในด้านความคิดและการปฏิบัติ อย่าไปมองว่ารุ่นนั้นจะขึ้นมา เพราะจะต้องว่ากันไปตามขั้นตอน เพราะแต่ละรุ่นมีทั้งคนเก่งและคนไม่เก่ง และหากคนไหนขึ้นมา ด้วยความรู้ความสามารถเขาก็สามารถเข้ามาอยู่ในตำแหน่งใหญ่ๆ ของกองทัพได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วง ผบ.เหล่าทัพหรือไม่ที่ต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า เป็นห่วง และได้พูดกันเรื่องนี้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้การนำทหาร ถอยเข้ากรม กอง และเป็นทหารอาชีพแล้วก็ถือว่าเป็นการปล่อยวาง หรือทำใจว่า พร้อมที่ทำตามหน้าที่ในความรับผิดชอบ ซึ่งตนได้ฝากให้ทุกคนรักษาความเป็นปึกแผ่น และมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ เพราะหากรักษาความเป็นปึกแผ่นได้ก็จะมีผลให้มีพลังต่อต้านภัยความความมั่นคงต่างๆ รวมทั้งเรื่องทั้งปวงที่จะกระทบต่อกองทัพ และไม่มีสิ่งใดจะมากระทบต่อกองทัพได้หากเราเป็นปึกแผ่นและมีพลังในการทำงานเพื่อชาติ
ส่วนกรณีที่ นายสมัคร ระบุว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ท่านเชื่อหรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า เชื่อ เพราะการปฏิวัติจะต้องมีเหตุและจากการที่ท่านให้นโยบายอย่างนี้ออกมา ทหารทุกคนสบายใจ ที่นายกฯเข้าใจในบทบาททหารว่าไม่ต้องการให้การเมืองเข้ามาแทรกแซง และไม่ต้องการถอยหลังกลับไปในอดีตที่มีการย้ายข้ามขั้นจนทำให้กองทัพเกิดความแตกแยก ทั้งนี้ หากทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ทุกคนจะยอมรับ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปยังที่ทำการพรรคพลังประชาชน (พปช.) วานนี้ (4 ก.พ.) ถึงการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขึ้นทูลเกล้าฯด้วยตัวเองว่า เคยบอกแล้วว่าเรื่อง ครม.อย่าถาม วันนี้มาที่ทำการพรรคพลังประชาชนเพราะมีหนังสือสำคัญต้องเซ็น
สำหรับการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีนั้น นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรีใหม่เสร็จสิ้นเรียบร้อยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานของสำนักเลขาธิการครม.และ สำนักราชเลขาธิการ
อย่างไรก็ดี นายสมัครได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า ได้นัดหมายคณะรัฐมนตรีทุกคนเตรียมเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฎิญาณในเย็นวันที่ 6 ก.พ. นี้ และคาดว่าจะสามารถ ประชุมครม.นัดพิเศษนัดแรกวันพฤหัสบดีที่ 7 ก.พ.2551
มีรายงานข่าวว่า ที่ผ่านมารายชื่อ ครม.ชุดใหม่ที่ส่งมาตรวจสอบคุณสมบัติการถือครองหุ้นบางคน ยังไม่แล้วเสร็จ โดยมีรายชื่อ 3-4 คนที่ต้องส่งไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณสมบัติและในช่วงบ่ายวันเดียวกันก็ได้ส่งรายชื่อไปตรวจสอบคุณสมบัติเพิ่มเติม ที่กระทรวงพาณิชย์ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปกติการตรวจสอบคุณสมบัติโดยเฉพาะการตรวจสอบเรื่องการถือครองหุ้นของผู้จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองปกติจะไม่ช้า สามารถตรวจสอบได้ภายใน 1 วัน แต่การตรวจสอบคุณสมบัติกลับใช้เวลานานกว่าปกติ
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้กองนิติธรรม สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำการตรวจสอบรายชื่อ ครม.ชุดนี้มา 3 วันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 1 ก.พ.และพบว่าส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาในข้อกฎหมาย แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า จะมีการทูลเกล้าฯเมื่อใด แต่ขณะนี้อาจจะมีการประสานไปยังสำนักราชเลขาธิการแล้ว
**"กมล"ติดกับกม.ทำวืด รมต.
รายงานข่าวจากพรรคชาติไทยแจ้งว่า จากการที่พรรคชาติไทยได้โควตารัฐมนตรี 5 ตำแหน่ง โดยนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคได้เสนอชื่อนายกมล วิระพันธุ์วาณิช ส.ส.ลพบุรี ของพรรคให้ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่ล่าสุดปรากฎว่า พรรค พปช.ได้แจ้งมายังนายบรรหารว่า นายกมล ติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติเนื่องจากมีธุรกิจเป็นคู่สัญญากับรัฐ หรือมีสัมปทานของรัฐ นายบรรหาร จึงได้เชิญนายกมล มาหารือ ซึ่งนายกมล เห็นว่าเพื่อยุติปัญหาจะขอถอนตัวนายบรรหาร จึงได้เสนอชื่อนายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม ของพรรค ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรฯแทน
นายกมลให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่เคยทะเยอทะยาน แต่เป็นความกรุณาของนายบรรหาร เมื่อมากรอกข้อมูลเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะไม่ได้เป็นรัฐมนตรี เพราะติดปัญหากฎหมายฮั้ว 7 ชั่วโคตร ที่ตอนออกมาเพราะต้องการมัด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่ตอนนี้ตายทุกคน คงต้องไปขอทานกิน
"บ้านผมทำธุรกิจโรงโม่หินแล้วนำไปขายให้กับรัฐ ฝ่ายกฎหมายพิจารณาแล้ว เกรงว่าจะเข้าข่ายคู่สัญญาสัมปทานของรัฐ เขาแนะนำให้ผมโอนกิจการไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่ลูกหลาน ผมคิดวาถ้าเป็นอย่างนี้ถูกโกงแน่ ที่สำคัญลูกๆ ก็ไม่ยอม ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ได้เป็นก็ไม่ได้เป็น ผมไม่เสียดาย แต่เสียใจอยู่นิดเดียวที่มีข่าวว่าท่านบรรหารเรียกเงิน 20 ล้านจากผมแล้วผมปฎิเสธซึ่งไม่เป็นความจริง ผมไม่เคยพูดรู้แต่ว่ามีพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งปล่อยข่าวดิสเครดิตพรรคชาติไทย ผมยืนยันว่าท่านบรรหารเป็นคนดี"
***พปช.ยก"สมัคร"ปากกับใจตรงกัน
นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรค พปช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการ ครม.ระบุว่ายังไม่ได้นำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะต้องตรวจสอบคุณสมบัติว่า เลขาธิการ ครม.ได้ตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯได้ภายใน 1-2 วัน
ส่วนที่นายสมัคร ยอมรับว่า ครม.ชุดใหม่มีหน้าตาขี้เหร่นั้น นายนพดล กล่าวว่า ยังไม่ทราบโฉมหน้า ครม.แต่เชื่อว่าพรรคพิจารณาสรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ดังนั้น หลังจากโปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ต้องเร่ง ทำหน้าที่อย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตนเองและแสดงให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลเอาใจใส่ต่อประชาชน ส่วนที่นายสมัคร ออกมาระบุเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า เป็นคนที่ปากตรงกับใจ และมีความคิดเห็นอย่างจริงใจ ไม่ใช่ไม่ไว้วางใจใคร ดังนั้นขอให้มองที่การทำงานมากกว่าคำนึงหน้าตาของบุคคล
สำหรับการออกมาให้สัมภาษณ์ของ ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดินถึงความเหมาะสมในการวางตัว ครม.นั้น นายนพดล กล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของนายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน ไม่ได้รุนแรงมาก แต่ตนคิดว่า ส.ส.แต่ละพรรคต้องมุ่งมั่นทำงานเพื่อลบคำสบประมาท และขณะที่ความนิยมในตัวนายกฯคนใหม่จากผลสำรวจที่เริ่มสูงขึ้น ดังนั้น ผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีก็ควรสำนึกตรงจุดนี้ และตั้งใจทำงาน ส่วน พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เป็นการป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายทหารนั้น นายนพดล กล่าวว่า พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ระบุชัดว่า ไม่ต้องการให้การเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยว และเชื่อว่ารัฐบาลก็ไม่ได้มีแนวคิดที่จะปรับแก้กฎหมายฉบับนี้ และส่วนตัวก็ไม่ต้องการให้ ฝ่ายการเมืองเข้าไปยุ่ง เพราะฝ่ายการเมืองพอครบวาระ 3-4 ปีก็ต้องเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้า รมว.กลาโหมจะพิจารณาผู้ที่จะมารับตำแหน่งในฝ่ายทหาร ก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก
***"บุญรอด"เชื่อ"สมัคร"เข้าใจกองทัพ
ด้าน พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รักษาการ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังข้าราชการกระทรวงกลาโหมจัดพิธีเทิดเกียรติให้ในโอกาสที่จะพ้นจากตำแหน่ง รมว.กลาโหมว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ได้ปรับความเข้าใจกับนายสมัคร เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหม ซึ่งท่านเข้าใจดี
พล.อ.บุญรอดกล่าวต่อว่า การพูดคุยไม่ได้ปรับความเข้าใจอย่างเดียว แต่มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งตนตระหนักและรับทราบด้วยความรู้สึกว่าท่านเข้าใจกองทัพเป็นอย่างดี สิ่งที่ตนได้ฝากไว้คือเรื่องกระทรวงกลาโหม และเรื่ององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เพราะท่านต้องเป็นนายกสภาองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ได้ฝากให้ดูเรื่องสิทธิกำลังพลของทหารผ่านศึกและดูแลเรื่องการรักษาพยาบาล ซึ่งขณะนี้รัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว คือ ปรับปรุงโรงพยาบาลใหม่ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
"ในเรื่องกระทรวงกลาโหมนั้นผมได้พูดกับท่านว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง อย่างนโยบายลดกำลังพลนั้นมีเพียงรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย เท่านั้นที่ลดได้ แต่จากนั้นก็ขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วมาถึงสมัยผมก็ลดลงไปได้อีก ซึ่งท่านได้ซักในรายละเอียดและถามว่าจะทำได้อย่างไร ทำโดยเออรี่รีไทร์ใช่หรือไม่ ผมบอกว่าเออรี่รีไทร์ คือส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือการกำหนดขอบเขตว่าเมื่อเกษียณ 100 คนให้แต่งตั้งเข้ามาแค่ 75% ซึ่งจะลดได้ทีละ 25%"
ส่วนปัญหาในอดีตที่มีความกินแหนงแคลงใจกันระหว่าง ผบ.เหล่าทัพ กับรัฐบาลใหม่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่นั้น พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ตอนนี้ตนเชื่อว่านายสมัคร เป็นคนจริงคนหนึ่งและตนก็ชอบคนจริงคือพูดจริงทำจริง และท่านก็บอกแล้วว่าจะไม่เข้าแทรกแซง หรือล้วงลูก และจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทหาร ตนเชื่อว่าที่ท่านเข้ามาเพราะมีภารกิจที่สำคัญของชาติที่จะต้องแก้ไข ส่วนทหาร หากทำหน้าที่ของทหารไปเชื่อว่าในส่วนของความมั่นคงของประเทศชาติและทหารจะไปได้ดีอย่างแน่นอน
***ไม่ทำตามกม.กห.นายกฯมีสิทธิติกคุก
พล.อ.บุญรอด กล่างถึงกรณีที่เกรงกันว่าเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10) ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาได้รับการแต่งตั้งลงตำแหน่งสำคัญๆ ด้วยว่า ต้องรอดู แต่เมื่อมี พ.ร.บ.จัดระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหมแล้วทุกอย่างต้องเป็นไปตามกลไกและกติกาที่ตั้งไว้คือต้องผ่านการพิจารณาตั้งแต่ขั้นจาก ผบ.เหล่าทัพ จนมาถึงคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มี รมว.กลาโหมเป็นประธาน
"ครั้งนี้เป็นกฎหมาย ถ้าใครทำผิดกฎหมายต้องมีการบทโทษ และหากรัฐมนตรีคนไหนทำผิดมีความผิดถึงขั้นปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีได้ และมีสิทธิ์ติดคุก"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.เหล่าทัพจะต้านทานอำนาจของรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ต้องคอยดูต่อไป ทั้งนี้ ผบ.เหล่าทัพต้องมีความเป็นหนึ่ง ทั้งในด้านความคิดและการปฏิบัติ อย่าไปมองว่ารุ่นนั้นจะขึ้นมา เพราะจะต้องว่ากันไปตามขั้นตอน เพราะแต่ละรุ่นมีทั้งคนเก่งและคนไม่เก่ง และหากคนไหนขึ้นมา ด้วยความรู้ความสามารถเขาก็สามารถเข้ามาอยู่ในตำแหน่งใหญ่ๆ ของกองทัพได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วง ผบ.เหล่าทัพหรือไม่ที่ต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า เป็นห่วง และได้พูดกันเรื่องนี้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้การนำทหาร ถอยเข้ากรม กอง และเป็นทหารอาชีพแล้วก็ถือว่าเป็นการปล่อยวาง หรือทำใจว่า พร้อมที่ทำตามหน้าที่ในความรับผิดชอบ ซึ่งตนได้ฝากให้ทุกคนรักษาความเป็นปึกแผ่น และมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ เพราะหากรักษาความเป็นปึกแผ่นได้ก็จะมีผลให้มีพลังต่อต้านภัยความความมั่นคงต่างๆ รวมทั้งเรื่องทั้งปวงที่จะกระทบต่อกองทัพ และไม่มีสิ่งใดจะมากระทบต่อกองทัพได้หากเราเป็นปึกแผ่นและมีพลังในการทำงานเพื่อชาติ
ส่วนกรณีที่ นายสมัคร ระบุว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ท่านเชื่อหรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า เชื่อ เพราะการปฏิวัติจะต้องมีเหตุและจากการที่ท่านให้นโยบายอย่างนี้ออกมา ทหารทุกคนสบายใจ ที่นายกฯเข้าใจในบทบาททหารว่าไม่ต้องการให้การเมืองเข้ามาแทรกแซง และไม่ต้องการถอยหลังกลับไปในอดีตที่มีการย้ายข้ามขั้นจนทำให้กองทัพเกิดความแตกแยก ทั้งนี้ หากทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ทุกคนจะยอมรับ