xs
xsm
sm
md
lg

“ชลิต”ไม่หวั่น “สมัคร”เช็คบิลเย้ยแค่ให้นโยบายไม่ใช่ผู้นำสูงสุดของกองทัพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ.และรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงการทำงานของ คมช. ที่ผ่านมาว่า คิดว่าดี เพราะสามารถปฏิบัติงานได้ตามเป้าหมาย และตามตารางทุกประการและที่สำคัญคือว่า เราได้รักษาสัจจะที่ได้ให้ไว้กับประชาชน และคนในชาติว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตาม ห้วงเวลา ซึ่งขณะนี้ก็เป็นไปตามนั้นทุกประการ ส่วนใครจะมาเป็นอะไรนั้นเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง ผู้คนจะชื่นชอบหรือมาด้วยอะไรนั้นเป็นเรื่องของระบบ ประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาและตัดสินว่าเป็นอย่างไร
ส่วนข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้คุยกับสมาชิก คมช. หลายคน จะทำให้สมาชิกที่เหลือหวั่นไหวหรือไม่ว่าเหมือนต่างคนต่างกระโดดน้ำหนี พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่มีหรอก คมช. ไม่ได้คิดเช่นนั้น เราก็ยังพูดคุยกันอยู่
“สิ่งที่ คมช.มุ่งหวังตั้งแต่ต้นว่าจะทำอย่างไรให้ระบบของประเทศกลับเข้าสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันก็มีจุดอ่อนเรื่องรัฐธรรมนูญ เราก็ให้มีการแก้ไขมีการลงประชามติ ในอนาคตหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายต่างๆ ก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมและกลุ่มบุคคล ตามห้วงเวลาเป็นหลัก ถ้าเห็นชอบกันและแก้ไขตามระบอบ ก็แก้ไขได้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช. รู้ล่วงหน้าหรือไม่ว่า พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี พูดคุยกับ พ.ต.ท. ทักษิณ มาก่อน พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า คมช. ไม่รู้ ซึ่งเป็นการดำเนินการส่วนตัวของท่าน เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยติดต่อมาที่ท่าน บ้างหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เคยช่วงต้นๆ ของการปฏิวัติ และ หลังจากนั้นเขาไม่มีการติดต่อมาเลย ไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ตรวจสอบหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ติดต่อใครอีกบ้าง เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้แยกสลายกัน พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่มีการแยกสลายหรอก เพราะผู้นำเหล่าทัพ ยังมุ่งมั่นในหน้าที่ความรับผิดชอบ และพยายามที่จะดำรงวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติหน้าที่ของเราในฐานะทหารของชาติ ไม่มีความแตกแยกแน่นอน รับรองได้ว่า คมช. เราไม่หวาดระแวงกัน ไม่แตกแยกกัน
ต่อข้อถามว่ามองอย่างไรที่ พล.อ.สนธิ ได้พูดคุยโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะกระแสที่ออกมาติดลบ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า จะมองอย่างไรก็ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับว่าจะมองทางลบ หรือมองทางบวก หรือมองตรงกลางอีก 1 ปี จะมองเห็น ขณะนี้บางครั้งเรามีโมหะ โทสะ บางกลุ่มอยากจะได้นั่นได้นี่ บางกลุ่มมีความโกรธ แต่ผลการกระทำจะเป็นเครื่องพิสูจน์ คมช. คงไม่ประเมินตัวเอง คนข้างนอกจะเป็นคนประเมิน เราต้องมองภาพว่าเราต้องการความสงบสุข การพัฒนาของประเทศเป็นไปอย่างไร ถ้าเราอยู่ในสิ่งที่ขัดแย้งตลอดเวลา ตั้งแต่สูงสุดจนถึงต่ำสุด ก็ไม่มีความสุข
ส่วนจะมีอะไรหลักประกันได้ว่าจะไม่ถูกเช็คบิล พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า สำหรับคนไทยตนมองภาพในแง่ดี ถ้าคนต่างชาติอาจจะไม่มีความหวังดีกับประเทศ แต่คนไทยต้องหวังดีกับประเทศเสมอ ต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศ ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าเชื่อมั่นในสปิริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่น่าตอบ เพราะเป็นเรื่องที่อาจจะมีผลดี หรือผลไม่ดี
ทุกคนต้องเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยในการเลือกคน คนส่วนใหญ่ของประเทศได้เลือกแล้วแสดงว่าเขามองภาพว่าคนนี้น่าจะเป็นผู้นำ และการกระทำทุกอย่างจะสร้างเสริมบารมี ความน่าเชื่อถือของแต่ละคนในระยะเวลาต่อจากนั้น รัฐมนตรีใหม่ๆ ที่คาดว่าจะมาเป็นบางคนเราไม่เคยสัมผัส ไม่รู้จัก แน่นอนว่า ต้องบอกว่าเชื่อถือ แต่ต้องดูอีกกี่เดือนก็จะรู้ว่าเขามีขีดความสามารถเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้ คมช. ผิดหวังอะไรหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่มี บางครั้งเราไม่สามารถมุ่งหวังอะไรได้ 100 % บางทีได้ 50 % ขึ้นไป แต่ต้องเข้าใจว่า มีขีดจำกัดในหลายเรื่อง เมื่อถามว่า เจ็บปวดหรือน้อยใจหรือเปล่าเพราะช่วงแรก คนชื่นชม แต่ตอนนี้คนมองอีกแบบ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า การมองมีหลายมุม แต่เวลาและผลลัพธ์จะเป็นเครื่องพิสูจน์
ถ้าประชาชนหรือสื่อมองว่าไอ้คนกลุ่มนี้ไม่ได้เรื่อง ก็อาจจะไม่ได้เรื่อง ทั้งที่พยายามทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติ เราทำตามกรอบกำหนดที่วางไว้ทุกอย่าง เรามีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง และมีรัฐบาล เป็นสิ่งที่ คมช. ทำตามแผนงานที่วางไว้ แต่ที่ผ่านมา คมช. ทำอะไรลงไปก็มักจะถูกมองในแง่ร้าย ไม่ดี อยากถามสื่อมวลชนว่า มอง คมช.อย่างไร มอง คมช. เป็นซาตานหรืออย่างไร
พล.อ.อ.ชลิต ยืนยันว่า คมช.ตั้งใจและมุ่งหวังว่าเราทำได้ดีที่สุด รวมถึงเราไม่ได้แย่งชิงอำนาจ เราพยายามที่จะให้กลุ่มคนที่มีความรู้ ความสามารถมาปฏิบัติงานเพื่อทำให้ประเทศเดินไปให้ได้ ถ้าเรามุ่งหวังอำนาจ ต่อท่ออำนาจ พวกเราทุกคนก็คงจะเป็นรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเราคิดถูก เมื่อทำไปแล้วต้องถูก เพราะไม่ทำให้เกิดปัญหาแต่ต้น ซึ่งจากนี้ไป คมช. คงต้องนิ่ง ปล่อยให้เป็นเรื่องการเมือง ส่วนการแถลงยุติบทบาท อย่างเป็นทางการนั้น คงไม่จำเป็นต้องแถลง เพราะไม่อยากให้เป็นการส่งสัญญาณหรือกระเพื่อมทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่าห่วงหรือไม่ที่นายสมัครมานั่งตำแหน่ง รมว.กลาโหม พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง ผู้นำสูงสุดของกองทัพคือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ส่วน รมว.กลาโหมเป็นระดับนโยบาย เป็นผู้กำหนดนโยบาย เพื่อให้ทหารปฏิบัติตาม ทั้งนี้ เรามีกฎหมายมีกฎระเบียบอยู่แล้ว หากแต่ละฝ่ายตั้งใจทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของชาติ ไม่น่ามีปัญหา เพราะทหารมีวินัยพร้อมทำงานได้
ต่อข้อถามว่ามองอนาคตรัฐบาลชุดนี้เป็นอย่างไร พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า อายุรัฐบาลจะสี่ปีบวกหนึ่ง สี่ปีหรือก่อนหมดอายุ ขึ้นอยู่กับผลการกระทำและการรักษาผลประโยชน์ หากดูสิงคโปร์ มาเลเซีย ซึ่งประเทศเขาเจริญ เพราะเขาทำเพื่อผลประโยชน์ของชาติ ทั้งนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลของการกระทำ และ ประชาชนเป็นผู้ที่ตัดสิน
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงผลการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก (นขต.ทบ.)ว่า ในที่ประชุมพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย จึงขอให้ทหารทุกคนภูมิใจและตั้งใจทำหน้่าที่ต่อสังคมอย่างเหมาะสม
สำหรับแนวทางการทำงานของกองทัพบกที่จะก้าวเดินต่อไปนี้ กองทัพบกจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นกลไกหนึ่งของรัฐ และเป็นผู้ปฏิบัติตามนโยบายที่ผู้บริหารประเทศกำหนด โดยมุ่งเน้นการทำงานตามภาระหน้าที่ เช่นการเตรียมกำลังให้พร้อม การป้องกันชายแดน การสร้างอุดมการณ์ทางทหาร การมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศ ควบคู่ไปกับการบรรเทาความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของประชาชนในทุกเรื่อง
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงนโยบายของ รมว.กลาโหมคนใหม่ว่าจะส่งผลต่อกองทัพอย่างไร แต่ถ้านโยบายมาจากผู้บริหารประเทศ กองทัพบกก็พร้อมปฏิบัติตาม เพราะกองทัพไม่มีสิทธิ์ที่จะไปชี้นำแต่หากมีปัญหาอะไรที่เกี่ยวกับความมั่นคงและต้่องการให้เราเสนอแนะก็เป็นหน้าที่กองทัพบก ที่ต้องเสนอต่อรัฐบาล ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ยังได้พูดกับกำลังพลว่าภาพสะท้อนของกองทัพบกที่ออกมายังคงได้รับความเชื่อถือจากสังคม และยังคงเป็นสถาบันหลักของประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น