xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องจริง...

เผยแพร่:   โดย: ธรรมคุณ บุญพา

เรื่องจริงเรื่องแรกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ก็คือนึกไม่ถึงว่าคุณสุรวิชช์ วีรวรรณ บรรณาธิการบทความจะเชื้อเชิญให้มาอยู่ในแถวของ “หน้ากระดานเรียงห้า” แทนคุณน้า “คำนูณ สิทธิสมาน” เจ้าของงานเขียนที่ลึก-ลับ เฉียบ-คมและทรงพลัง..

และผมเองก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง จู่ๆ คุณคำนูณ สิทธิสมาน ก็ต้องถอดหัวโขนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออก เพื่อไปสมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) สรรหา โดยที่ก่อนหน้านั้นต้องเลิกจัดรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ทางเอเอสทีวี ทิ้งให้อาจารย์ปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ วิพากษ์เดี่ยว..ก่อนที่ต่อมาจะขอวางปากกาจาก “หน้ากระดานเรียงห้า” อีกรายการ...

นี่..ต้องบอกว่า “น้านูณ” แกเล่นตามกฎ กติกา มารยาทอย่างเคร่งครัด...เซฟตี้คัท ตัดก่อนตายเตือนก่อนวายวอดกันเลยทีเดียว ลองถ้ากรรมการสรรหาไม่เห็นคุณค่าในสิ่งนี้ และไม่ทราบถึงความเป็น สนช.คุณภาพของ “น้านูณ” แล้วล่ะก้อ...ผมไม่รู้จะร้องเพลงอะไรดี..!!??

อนึ่ง ทราบมาว่าตัวเลขคร่าวๆ ของ สนช.ที่บ่ายหน้ามาสมัคร ส.ว.ประเภทสรรหามีประมาณ 34 คน เบื้องต้นทราบว่าลาออกจากตำแหน่ง 20 คน อีก 14 คน เห็นว่าไม่เป็นไร กฎหมายไม่ห้าม...

ถ้าเป็นความเห็นของผม ผมว่าส่วนที่ลาออกมา..ปลอดภัยและเท่กว่าครับ แต่ถึงอย่างไรก็ขอให้โชคดีกันทั่วถ้วน

********

เรื่องของผม เรื่องของคุณคำนูณ สิทธิสมาน ผมว่ายังไม่น่าประหลาดใจเท่ากับเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้ นั่นคือ...การที่คุณสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ผงาดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 25

สาบานว่าไม่ได้อิจฉาตาร้อนแม้แต่นิด แต่สะกิดใจที่ว่าจนแล้วจนรอดคนชื่อ “สมัคร” ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ

ทั้งๆ ที่โดยวิถีทางแล้ว หากไม่เกิดกรณีการยุบพรรคไทยรักไทย และให้ผู้บริหารพรรค 111 คน เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี..คนชื่อสมัคร สุนทรเวช จะต้องกลับไปเลี้ยงแมวอยู่กับบ้านหรือกลับไปจัดรายการ ชิมไป บ่นไปโน่นแล้ว..

แต่ก็เอาเถอะ...คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต เก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 25 ตกเป็นของคนชื่อ “สมัคร สุนทรเวช” เรียบร้อยแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 27 ตกเป็นของ ยงยุทธ ติยะไพรัช หรือ “ยุทธ ตู้เย็น” เรียบร้อยไปแล้ว...

มันเป็นเรื่องจริง ชัดเจนที่เกิดขึ้น แม้ส่วนตัวผมอาจจะรู้สึกเซ็งระเบิด....แต่ก็ไม่เท่ากับความรู้สึกสงสารและเห็นใจผู้หลัก ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองหลายท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 16

ทั้งนี้ทั้งนั้น..สาธุชนย่อมรู้ดีว่าบทบาทของพล.อ.เปรมตลอดมาโดยเฉพาะในช่วง2 -3 ปีที่ผ่านมาได้ตอกย้ำให้สังคมปกป้องสนับสนุนผู้นำ ผู้บริหารบ้านเมืองที่เป็นคนดี คนที่ไม่โกงกิน คนที่จงรักภักดีต่อชาติ ราชบัลลังก์...

แต่ปรากฏการณ์พิเศษที่กำลังเกิดขึ้นและดำเนินไปต้องพูดกันตรงๆ ว่านอกเหนือจากสิ่งที่พล.อ.เปรมเรียกร้องและถวิลหาแทบจะไม่เกิดขึ้นแล้ว ยังมีสิ่งที่ทิ่มแทงหัวใจคนอย่าง “ป๋าเปรม” เป็นที่สุด

นั่นคือกรณีที่ ณ บัดนี้คนที่พูดถึง “อีแอบผมขาว” อย่างนายสมัครได้ผงาดขึ้นเป็นประมุขฝ่ายบริหาร

และจากนี้ไปอีกไม่กี่อึดใจ ยังจะมีบุคคลอีกมากหน้าหลายตาขึ้นมาเป็นฝ่ายบริหาร ซึ่งในจำนวนหลายคนดังกล่าว บางคนอยู่ห่างไกลนิยามความเป็น “คนดี” ที่พล.อ.เปรมให้นิยามไว้แบบลิบโลก

ที่น่าเจ็บกระดองใจกว่านั้น...บุคคลมากหน้าหลายตาที่ว่ารวมถึงบรรดาหัวโจกหัวขบวนที่ยกพลถล่มพล.อ.เปรมจนเกิดจลาจลย่อยที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อปีที่แล้วรวมอยู่ด้วย...

ถ้าให้ผมเดาใจ “ป๋าเปรม” ในนาทีนี้...ผมว่าพล.อ.เปรมคงได้แต่อาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพระสยามเทวาธิราชให้ปกป้องคุ้มครองดูแลบ้านเมือง..

เหมือนผม เหมือนท่าน..นั่นล่ะ..

******

สิ่งที่น่าสนใจ น่าจับตามองจากนี้ไปก็คือ...ภายใต้การบริหารของรัฐบาลสมัครจะดำเนินไปในรูปใด ทิศทางใด...และขบวนการประชาชนหรือการเมืองภาคประชาชน จะต้อนรับขับสู้กับรัฐบาลพลังประชาชนอย่างไร แบบไหน..!!??

ซึ่งหากยังมีโอกาสเขียนในคอลัมน์นี้ต่อไป ผมจะได้ลงในรายละเอียดของความเห็นตามกาลอันควร แต่ในชั้นนี้ใคร่ที่จะแทงตรงประเด็นไปเลยว่า รัฐบาลของพลังประชาชนที่มีแกนนำของกลุ่มคนที่เชื่อว่า “ทุนนิยมสามานย์ ดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง” กำกับเวทีอยู่เบื้องหลัง จะเดินหน้าตัวเองด้วยยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน...

1) จะแยกสลายกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณในทุกรูปแบบ ทั้งด้วยวิธีการที่แนบเนียน นุ่มลึกและด้วยวิธีการเข้มข้นรุนแรงตามแต่กรณี..

2) รัฐบาลพลังประชาชนจะยังไม่แก้ไขกฎหมายปลดปล่อย 111 นักการเมืองในทันที แต่จะรอไประยะหนึ่งประมาณ 5 -6 เดือน..

3) หลังการจัดทัพ ปรับแถว ข้าราชการ องค์กรธุรกิจในส่วนที่สำคัญๆ เสร็จสิ้นและปลดปล่อย 111 นักการเมืองแล้วเสร็จซึ่งน่าจะใช้ระยะเวลาครึ่งค่อนปีเป็นอย่างน้อย จะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่อีกครั้งเพื่อกวาดคะแนนเสียงเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากกว่าเลือกตั้งเมื่อ 23 ธ.ค.50 เป็นการกระชับอำนาจใหม่อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี เป็นคนอื่นไปด้วยในตัว

4)ปรัชญา ยุทธศาสตร์ “ทุนนิยมสามานย์ กว่าศักดินาล้าหลัง” จะยังอยู่ในแก่นลึกของคนที่กุมบังเหียนพรรค บางองค์กรบางสถาบันจะถูกทำให้มีความหมายมีคุณค่าในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น...
..ฯลฯ..


เขียนมาถึงบรรทัดนี้ ผมแทบไม่เชื่อว่า...จาก 19 ก.ย.2549 มาถึงวันนี้..แป๊บเดียวโลกจะหมุนกลับมา ณ จุดเดิม จุดที่เริ่มวิกฤตอีกครั้งหนึ่ง..

ผมเชื่อว่าวันนี้ขบวนการประชาชนฉลาดขึ้น เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าสามารถสรุปบทเรียนที่จะฝ่าข้ามวิกฤตครั้งใหม่ได้แล้วหรือยังเท่านั้น

ขอให้ “ธรรม” ได้คุ้มครองผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย โดยไม่มีผลประโยชน์ทุกท่านด้วยเทอญ!!
กำลังโหลดความคิดเห็น