จากกรณีที่ นายพิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร หรือ “เจี๊ยบ พิสุทธิ์” อดีตนักร้องเป็นผู้บริหาร บริษัทธิงค์แอนด์ดู จำกัด ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อขอคำชี้แจงการพิจารณาคัดเลือก บริษัท สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ให้ได้งานผลิตสปอตโฆษณาการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ส.ว.ฯ ทั้งที่บริษัทของตนเองผ่านด้านเทคนิค และเสนอราคาต่ำสุด
วานนี้ (27 ม.ค.) นายเรืองโรจน์ จอมสืบ ผอ.สำนักประชาสัมพันธ์ หนึ่งในคณะกรรมการจัดหาโดยวิธีพิเศษ โครงการสื่อโทรทัศน์เพื่อการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ส.ว. กิจกรรมผลิตสปอตโทรทัศน์พร้อมล่ามภาษามือ กล่าวว่า การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งส.ว. คณะกรรมการจัดหาต้องการได้สื่อที่จะ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ อย่างทั่วถึงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาที่จำกัด จึงแจ้งให้บริษัทต่างๆ จำนวน 19 บริษัท มาเสนอผลงาน และเมื่อถึงเวลามี 3 บริษัทเข้ามาเสนองานให้พิจารณา คือ บริษัท สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ,บริษัท วีอาร์ พรีเซนเตชั่น จำกัด และ บริษัท ธิงค์แอนด์ ดู ซึ่งทั้งหมดผ่านด้านเทคนิค โดยบริษัท สปาฯ ก็ได้คะแนนเทคนิคมากที่สุด ถึง 94.7 คะแนน ตามมาด้วย บริษัท วีอาร์ ได้ 85.4 คะแนน และ บริษัท ซิงค์แอนด์ดูได้เพียง 80.4 คะแนน
จากนั้นคณะกรรมการฯได้มีการเปิดซองราคา และนำราคากับคุณภาพของเนื้องานที่แต่ละบริษัทเสนอมาเปรียบเทียบกันโดยการที่คณะกรรมการเชิญ เพราะมีข้อสงสัยว่าบริษัทได้เสนอราคาค่าดำเนินการสูงกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ ซึ่งตามปกติคิดประมาณ 22-23 % คือเป็นราคาค่าดำเนินการ 15 % รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % แต่ปรากฏว่าบริษัทคิดราคาดำเนินการสูงประมาณ 26 % ซึ่งตัวแทนบริษัทยอมรับว่ามีการคำนวณผิดพลาดจริงและขอปรับราคาให้ถูกต้องโดยปรับลดจากเดิมอีก 50,000 บาท ซึ่งการแจ้งให้บริษัททราบดังกล่าว เป็นการแจ้งเพื่อให้ตัวแทนบริษัท ยืนยันราคาเท่านั้น มิใช่เป็นการต่อรองราคาแต่อย่างใด อีกทั้งในขอบเขตการเสนอราคา (TOR) ข้อ 9.1 และข้อ 9.3 ที่ระบุว่า สำนักงาน กกต.ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่พิจารณาจ้างผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดก็ได้ เพื่อประโยชน์ของสำนักงานเป็นสำคัญ
“การที่คณะกรรมการฯ คัดเลือกบริษัท สปาฯ ให้ได้รับงานประชาสัมพันธ์เลือกตั้งส.ว.เป็นการพิจารณาอย่างรอบคอบรักษาผลประโยชน์ของสำนักงานและโอกาสที่ประชาชนจะได้บริโภคสื่อที่มีคุณภาพที่สุด เพราะบริษัทได้เสนองานที่สอดคล้องกับกระแสความสนใจของกลุ่มเป้าหมายคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยนำละครที่กำลังอยู่ในความนิยมของสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง และคู่พระเอกนางเอกของละครทั้ง 3 ช่อง มาเป็นผู้นำเสนอ โดยมีบทสนทนาผูกโยงเข้าสู่เรื่องของการเลือกตั้งส.ว. ได้อย่างกลมกลืนแนบเนียน ต่างจากอีก 2 บริษัท ซึ่งบริษัทหนึ่งใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิก ส่วนอีกบริษัทหนึ่งใช้ ละครซีรีส์ พ่อพูดคุยกับลูก โดยใช้ผู้แสดงชุดเดียวกัน 3 คน ถ่ายทำอย่างต่อเนื่อง แต่ขาดจุดเชื่อมระหว่างตอน ทำให้คณะกรรมการฯไม่เชื่อมั่นว่าหากจ้างบริษัทที่เสนอราคาต่ำสุด หรือราคาต่ำรองลงมาจะได้ผลงานที่มีคุณภาพ จริงอยู่ที่ บริษัท สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด เสนอราคาสูงกว่าอีก 2 บริษัท ประมาณ 1 – 2 แสนบาท แต่คุณภาพของชิ้นงานที่จะนำเสนอสู่สายตาประชาชนนั้นมีมูลค่าสูงกว่า 2 แสนบาทมากนัก ทั้งยังต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดถึง 4 แสนบาท รวมทั้งคาดว่าจะสามารถสร้างกระแสให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว. ได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน”
**กกต.ไม่เสนอ3 มี.ค.เป็นวันหยุดชดเชย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.จะไม่เสนอครม.ให้มีมติให้หยุดชดเชยในวันที่ 3 มี.ค. ซึ่งเป็นวันถัดจากวันเลือกตั้ง ส.ว. เนื่องจากในการเลือกตั้งส.ส.ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับผลกระทบและท้วงติง ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการหยุดชดเชย ดังนั้น การที่ กกต.จะออกเป็นมติต้องพิจารณาให้รอบคอบ
"เมื่อครั้งการลงเสียงประชามติ กกต.เห็นว่าควรหยุดชดเชย เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ และเมื่อการเลือกตั้งส.ส.กกต.ก็อยากให้คนมาใช้สิทธิให้มาก จึงได้เสนอให้หยุดชดเชย ทำให้การเลือกตั้งส.ส.ล่วงหน้ามีประชาชนออกมาใช้สิทธิกันเกินคาด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการหยุดยาว เมื่อคนมาใช้สิทธิเกินเป้า ทำให้มีผลต่อการอำนวยความสะดวกในการให้คนมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากขึ้น และเกิดความหวาดระแวงทางการเมืองว่าจะมีการขนคนมาใช้สิทธิ และนำไปสู่การร้องเรียนต่อศาลฏีกา ดังนั้น การที่กกต.จะออกมติให้เป็นวันหยุดชดเชยก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบด้วย" นายสุทธิพล กล่าว
วานนี้ (27 ม.ค.) นายเรืองโรจน์ จอมสืบ ผอ.สำนักประชาสัมพันธ์ หนึ่งในคณะกรรมการจัดหาโดยวิธีพิเศษ โครงการสื่อโทรทัศน์เพื่อการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ส.ว. กิจกรรมผลิตสปอตโทรทัศน์พร้อมล่ามภาษามือ กล่าวว่า การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งส.ว. คณะกรรมการจัดหาต้องการได้สื่อที่จะ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ อย่างทั่วถึงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาที่จำกัด จึงแจ้งให้บริษัทต่างๆ จำนวน 19 บริษัท มาเสนอผลงาน และเมื่อถึงเวลามี 3 บริษัทเข้ามาเสนองานให้พิจารณา คือ บริษัท สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ,บริษัท วีอาร์ พรีเซนเตชั่น จำกัด และ บริษัท ธิงค์แอนด์ ดู ซึ่งทั้งหมดผ่านด้านเทคนิค โดยบริษัท สปาฯ ก็ได้คะแนนเทคนิคมากที่สุด ถึง 94.7 คะแนน ตามมาด้วย บริษัท วีอาร์ ได้ 85.4 คะแนน และ บริษัท ซิงค์แอนด์ดูได้เพียง 80.4 คะแนน
จากนั้นคณะกรรมการฯได้มีการเปิดซองราคา และนำราคากับคุณภาพของเนื้องานที่แต่ละบริษัทเสนอมาเปรียบเทียบกันโดยการที่คณะกรรมการเชิญ เพราะมีข้อสงสัยว่าบริษัทได้เสนอราคาค่าดำเนินการสูงกว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ ซึ่งตามปกติคิดประมาณ 22-23 % คือเป็นราคาค่าดำเนินการ 15 % รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % แต่ปรากฏว่าบริษัทคิดราคาดำเนินการสูงประมาณ 26 % ซึ่งตัวแทนบริษัทยอมรับว่ามีการคำนวณผิดพลาดจริงและขอปรับราคาให้ถูกต้องโดยปรับลดจากเดิมอีก 50,000 บาท ซึ่งการแจ้งให้บริษัททราบดังกล่าว เป็นการแจ้งเพื่อให้ตัวแทนบริษัท ยืนยันราคาเท่านั้น มิใช่เป็นการต่อรองราคาแต่อย่างใด อีกทั้งในขอบเขตการเสนอราคา (TOR) ข้อ 9.1 และข้อ 9.3 ที่ระบุว่า สำนักงาน กกต.ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่พิจารณาจ้างผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดก็ได้ เพื่อประโยชน์ของสำนักงานเป็นสำคัญ
“การที่คณะกรรมการฯ คัดเลือกบริษัท สปาฯ ให้ได้รับงานประชาสัมพันธ์เลือกตั้งส.ว.เป็นการพิจารณาอย่างรอบคอบรักษาผลประโยชน์ของสำนักงานและโอกาสที่ประชาชนจะได้บริโภคสื่อที่มีคุณภาพที่สุด เพราะบริษัทได้เสนองานที่สอดคล้องกับกระแสความสนใจของกลุ่มเป้าหมายคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยนำละครที่กำลังอยู่ในความนิยมของสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง และคู่พระเอกนางเอกของละครทั้ง 3 ช่อง มาเป็นผู้นำเสนอ โดยมีบทสนทนาผูกโยงเข้าสู่เรื่องของการเลือกตั้งส.ว. ได้อย่างกลมกลืนแนบเนียน ต่างจากอีก 2 บริษัท ซึ่งบริษัทหนึ่งใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิก ส่วนอีกบริษัทหนึ่งใช้ ละครซีรีส์ พ่อพูดคุยกับลูก โดยใช้ผู้แสดงชุดเดียวกัน 3 คน ถ่ายทำอย่างต่อเนื่อง แต่ขาดจุดเชื่อมระหว่างตอน ทำให้คณะกรรมการฯไม่เชื่อมั่นว่าหากจ้างบริษัทที่เสนอราคาต่ำสุด หรือราคาต่ำรองลงมาจะได้ผลงานที่มีคุณภาพ จริงอยู่ที่ บริษัท สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด เสนอราคาสูงกว่าอีก 2 บริษัท ประมาณ 1 – 2 แสนบาท แต่คุณภาพของชิ้นงานที่จะนำเสนอสู่สายตาประชาชนนั้นมีมูลค่าสูงกว่า 2 แสนบาทมากนัก ทั้งยังต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดถึง 4 แสนบาท รวมทั้งคาดว่าจะสามารถสร้างกระแสให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว. ได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน”
**กกต.ไม่เสนอ3 มี.ค.เป็นวันหยุดชดเชย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.จะไม่เสนอครม.ให้มีมติให้หยุดชดเชยในวันที่ 3 มี.ค. ซึ่งเป็นวันถัดจากวันเลือกตั้ง ส.ว. เนื่องจากในการเลือกตั้งส.ส.ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับผลกระทบและท้วงติง ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการหยุดชดเชย ดังนั้น การที่ กกต.จะออกเป็นมติต้องพิจารณาให้รอบคอบ
"เมื่อครั้งการลงเสียงประชามติ กกต.เห็นว่าควรหยุดชดเชย เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ และเมื่อการเลือกตั้งส.ส.กกต.ก็อยากให้คนมาใช้สิทธิให้มาก จึงได้เสนอให้หยุดชดเชย ทำให้การเลือกตั้งส.ส.ล่วงหน้ามีประชาชนออกมาใช้สิทธิกันเกินคาด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการหยุดยาว เมื่อคนมาใช้สิทธิเกินเป้า ทำให้มีผลต่อการอำนวยความสะดวกในการให้คนมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากขึ้น และเกิดความหวาดระแวงทางการเมืองว่าจะมีการขนคนมาใช้สิทธิ และนำไปสู่การร้องเรียนต่อศาลฏีกา ดังนั้น การที่กกต.จะออกมติให้เป็นวันหยุดชดเชยก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบด้วย" นายสุทธิพล กล่าว
