ศูนย์ข่าวภูเก็ต -“กลุ่มบริษัทนำชัย” ผู้ให้บริการขนส่งวัสดุก่อสร้างทางทะเลในอันดามันทุ่มทุนอีก 50 ล้านบาทต่อเรือบาร์จพร้อมเรือลากจูงเพิ่ม รับธุรกิจขนส่งทางทะเลภูเก็ตเติบโตอย่างต่อเนื่องตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
นายแพทย์ประสิทธิ์ โกยศิริพงศ์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มนำชัยกรุ๊ป ประกอบด้วย บริษัท นำชัยขนส่งทางทะเล จำกัด บริษัท หน่านจ๋าย ขนส่งทางทะเล จำกัด บริษัท ท่าหินนำชัย จำกัด และบริษัท อนุรักษ์ทะเลไทย จำกัด เป็นผู้นำเข้าหินก่อสร้างทุกประเภทและทรายจากจังหวัดกระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และจังหวัดตรัง และให้บริการงานก่อสร้างในทะเลทุกประเภท กล่าวว่า ปัจจุบัน การก่อสร้างในจังหวัดภูเก็ตยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดูได้จากปริมาณหินก่อสร้างทุกประเภทที่ต้องใช้ในภูเก็ตมีมากกว่าเดือนละ 100,000 ตัน
ขณะเดียวกันแหล่งหินในจังหวัดพังงาเหลือน้อยเต็มที จำเป็นจะต้องนำมาจากจังหวัดกระบี่และจังหวัดอื่นๆ ที่ไกลออกไป แต่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา ทำให้ต้นทุนของการบรรทุกหินด้วยรถบรรทุกสูงขึ้น รถบรรทุกหลายบริษัทจำเป็นต้องบรรทุกหินด้วยปริมาณ ที่มากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ เพื่อทำให้ต้นทุนต่อหน่วยไม่สูงจนเกินไป แต่ทำให้ผิวจราจรเสียเร็วขึ้นและเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
การขนส่งทางเรือจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้ เพราะจะไม่มีการทำลายผิวจราจร ไม่มีจราจรติดขัด ลดอุบัติเหตุทางท้องถนน สามารถบรรทุกได้ทีละมากๆ ทำให้ต้นทุนลดลงได้อีกด้วย บริษัทฯ จึงตัดสินใจซื้อเรือบาร์จที่มีระวางบรรทุกใหญ่กว่าเดิม ซึ่งเดิมทีเรือบรรทุกขนาดใหญ่สุดของบริษัทฯ อยู่ที่ 1,700 ตัน เรือลำใหม่ที่มีระวางบรรทุก 3,500 ตัน จะทำให้ต้นทุนการบรรทุกลดลงและสามารถสร้างความสมดุลให้แก่ความต้องการใช้หินของภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันนี้ภูเก็ตใช้หินมากกว่า 100,000 ตันต่อเดือน
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ นอกจากบริษัทฯ ซื้อเรือบาร์จลำดังกล่าวแล้วยังต้องเพิ่มเรือลากจูงและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อีก คิดเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 50 ล้านบาท ทำให้เรามีกองเรือที่มีความสามารถบรรทุกสินค้าตั้งแต่ 500 – 3,500 ตัน
นอกจากนั้น การก่อสร้างตามเกาะบริวารของภูเก็ตและเกาะใกล้เคียงมีจำนวนมากขึ้น บริษัทฯ จะสามารถนำเรือที่มีขนาดเล็กลงไปให้บริการได้ทั่วถึงกว่าเดิม ปัจจุบันโครงการโรงแรมที่ก่อสร้างไปแล้ว ที่กำลังก่อสร้าง เช่น โรงแรม เดอะราชา บนเกาะราชา โรงแรมซิกเซนส์เอราวัณ บนเกาะนาคา รวมทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น โครงการบารามา เบย์ ซึ่งล้วนต้องใช้ขนส่งวัสดุก่อสร้างทุกประเภททางเรือจำนวนมาก
นายแพทย์ประสิทธิ์ กล่าวว่า แนวโน้มของการก่อสร้างตามเกาะต่างๆ มีมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูง เนื่องจากต้องมีการอำนวยความสะดวกที่มากกว่าบนเกาะภูเก็ตและการก่อสร้างบนเกาะเล็กๆ รอบภูเก็ตมักเป็นวิลลาชั้นเดียว เป็นโครงการที่ไม่มีอาคารหนาแน่น เนื่องจากผู้ลงทุนรู้ถึงข้อจำกัดหลายเรื่องเช่น ปริมาณน้ำอุปโภคบริโภคที่มีไม่มาก การจำกัดปริมาณขยะไม่ให้มีมาก รวมทั้งข้อจำกัดที่ต้องปั่นไฟใช้เอง ทำให้ผู้ลงทุนระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้ โครงการเหล่านี้จึงมักเป็นโครงการคุณภาพสูง ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของวงการการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตที่เราอยากเห็นนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง
อนึ่งบริษัท นำชัยขนส่งทางทะเล จำกัด มีประสบการณ์ด้านการขนส่งทางทะเลมากว่า 60 ปี จึงมีศักยภาพในการรองรับงานขนส่งทางทะเลทุกประเภท รวมทั้งงานบริการทางทะเลอื่นๆ เช่น การทิ้งปะการังเทียม การวางสายเคเบิลไฟฟ้าไปยังเกาะต่างๆ สนับสนุนการก่อสร้างในทะเล การบริการน้ำ อุปโภคบริโภคไปยังเรือโดยสารขนาดใหญ่ เช่น เรือรบ หรือไปยังการก่อสร้างตามเกาะ
ปัจจุบัน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้ถือหุ้นในบริษัท นำชัยขนส่งทางทะเล จำกัด ร้อยละ 28 และมีบริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด หรือในชื่อที่คนทั่วไปคุ้นเคยว่าบริษัท ซีแพค ซึ่งเป็นบริษัท ในเครือปูนซิเมนต์ไทยที่มีส่วนแบ่งตลาดของซีเมนต์ผสมเสร็จ ( ready mixed concrete) ในภูเก็ตมากกว่าร้อยละ 50 เป็นคู่ค้าที่สำคัญของบริษัท นำชัยขนส่งทางทะเล จำกัด
นายแพทย์ประสิทธิ์ โกยศิริพงศ์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มนำชัยกรุ๊ป ประกอบด้วย บริษัท นำชัยขนส่งทางทะเล จำกัด บริษัท หน่านจ๋าย ขนส่งทางทะเล จำกัด บริษัท ท่าหินนำชัย จำกัด และบริษัท อนุรักษ์ทะเลไทย จำกัด เป็นผู้นำเข้าหินก่อสร้างทุกประเภทและทรายจากจังหวัดกระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และจังหวัดตรัง และให้บริการงานก่อสร้างในทะเลทุกประเภท กล่าวว่า ปัจจุบัน การก่อสร้างในจังหวัดภูเก็ตยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดูได้จากปริมาณหินก่อสร้างทุกประเภทที่ต้องใช้ในภูเก็ตมีมากกว่าเดือนละ 100,000 ตัน
ขณะเดียวกันแหล่งหินในจังหวัดพังงาเหลือน้อยเต็มที จำเป็นจะต้องนำมาจากจังหวัดกระบี่และจังหวัดอื่นๆ ที่ไกลออกไป แต่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา ทำให้ต้นทุนของการบรรทุกหินด้วยรถบรรทุกสูงขึ้น รถบรรทุกหลายบริษัทจำเป็นต้องบรรทุกหินด้วยปริมาณ ที่มากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ เพื่อทำให้ต้นทุนต่อหน่วยไม่สูงจนเกินไป แต่ทำให้ผิวจราจรเสียเร็วขึ้นและเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
การขนส่งทางเรือจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้ เพราะจะไม่มีการทำลายผิวจราจร ไม่มีจราจรติดขัด ลดอุบัติเหตุทางท้องถนน สามารถบรรทุกได้ทีละมากๆ ทำให้ต้นทุนลดลงได้อีกด้วย บริษัทฯ จึงตัดสินใจซื้อเรือบาร์จที่มีระวางบรรทุกใหญ่กว่าเดิม ซึ่งเดิมทีเรือบรรทุกขนาดใหญ่สุดของบริษัทฯ อยู่ที่ 1,700 ตัน เรือลำใหม่ที่มีระวางบรรทุก 3,500 ตัน จะทำให้ต้นทุนการบรรทุกลดลงและสามารถสร้างความสมดุลให้แก่ความต้องการใช้หินของภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันนี้ภูเก็ตใช้หินมากกว่า 100,000 ตันต่อเดือน
สำหรับการลงทุนครั้งนี้ นอกจากบริษัทฯ ซื้อเรือบาร์จลำดังกล่าวแล้วยังต้องเพิ่มเรือลากจูงและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อีก คิดเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 50 ล้านบาท ทำให้เรามีกองเรือที่มีความสามารถบรรทุกสินค้าตั้งแต่ 500 – 3,500 ตัน
นอกจากนั้น การก่อสร้างตามเกาะบริวารของภูเก็ตและเกาะใกล้เคียงมีจำนวนมากขึ้น บริษัทฯ จะสามารถนำเรือที่มีขนาดเล็กลงไปให้บริการได้ทั่วถึงกว่าเดิม ปัจจุบันโครงการโรงแรมที่ก่อสร้างไปแล้ว ที่กำลังก่อสร้าง เช่น โรงแรม เดอะราชา บนเกาะราชา โรงแรมซิกเซนส์เอราวัณ บนเกาะนาคา รวมทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น โครงการบารามา เบย์ ซึ่งล้วนต้องใช้ขนส่งวัสดุก่อสร้างทุกประเภททางเรือจำนวนมาก
นายแพทย์ประสิทธิ์ กล่าวว่า แนวโน้มของการก่อสร้างตามเกาะต่างๆ มีมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูง เนื่องจากต้องมีการอำนวยความสะดวกที่มากกว่าบนเกาะภูเก็ตและการก่อสร้างบนเกาะเล็กๆ รอบภูเก็ตมักเป็นวิลลาชั้นเดียว เป็นโครงการที่ไม่มีอาคารหนาแน่น เนื่องจากผู้ลงทุนรู้ถึงข้อจำกัดหลายเรื่องเช่น ปริมาณน้ำอุปโภคบริโภคที่มีไม่มาก การจำกัดปริมาณขยะไม่ให้มีมาก รวมทั้งข้อจำกัดที่ต้องปั่นไฟใช้เอง ทำให้ผู้ลงทุนระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้ โครงการเหล่านี้จึงมักเป็นโครงการคุณภาพสูง ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของวงการการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตที่เราอยากเห็นนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง
อนึ่งบริษัท นำชัยขนส่งทางทะเล จำกัด มีประสบการณ์ด้านการขนส่งทางทะเลมากว่า 60 ปี จึงมีศักยภาพในการรองรับงานขนส่งทางทะเลทุกประเภท รวมทั้งงานบริการทางทะเลอื่นๆ เช่น การทิ้งปะการังเทียม การวางสายเคเบิลไฟฟ้าไปยังเกาะต่างๆ สนับสนุนการก่อสร้างในทะเล การบริการน้ำ อุปโภคบริโภคไปยังเรือโดยสารขนาดใหญ่ เช่น เรือรบ หรือไปยังการก่อสร้างตามเกาะ
ปัจจุบัน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้ถือหุ้นในบริษัท นำชัยขนส่งทางทะเล จำกัด ร้อยละ 28 และมีบริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด หรือในชื่อที่คนทั่วไปคุ้นเคยว่าบริษัท ซีแพค ซึ่งเป็นบริษัท ในเครือปูนซิเมนต์ไทยที่มีส่วนแบ่งตลาดของซีเมนต์ผสมเสร็จ ( ready mixed concrete) ในภูเก็ตมากกว่าร้อยละ 50 เป็นคู่ค้าที่สำคัญของบริษัท นำชัยขนส่งทางทะเล จำกัด