ผู้จัดการรายวัน –เศรษฐกิจแย่ เล-ซี-บอย รื้อแผนธุรกิจใหม่หมด สยายปีกผุดบริษัทลุยตลาดเอเชียโดยเฉพาะ ส่วนไทยวางตำแหน่งฮับด้านกำลังการผลิตของเอเชีย ล่าสุดทุ่ม 80 ล้านบาท เพิ่มโรงงานแห่งที่ 3 รองรับ ด้านยอดขายในประเทศ ปีนี้ขอโต 25% อีกครั้ง หลังอกหักจากปีก่อนทำได้เพียง 5%
นายธนากร เกษตรสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เล-ซี-บอย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเก้าอี้ปรับเอนนอนเพื่อการพักผ่อน ภายใต้แบรนด์ เล-ซี-บอย (La-Z-Boy) จากประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้เป็นผู้ผลิตและนำเข้าผลิตภัณฑ์เก้าอี้ เลซีบอย จากสหรัฐอเมริกา ในปีที่ผ่านมามีรายได้รวมประมาณ 700-800 ล้านบาท มาจากส่งออกในกลุ่มประเทศยุโรปและเอเชีย 90% และตลาดในประเทศ 10%
ทั้งนี้ในปี 2550 ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯได้ปรับการดำเนินธุรกิจใหม่ โดยในเดือนมีนาคมได้จัดตั้งบริษัทขึ้นมาดูแลด้านการตลาดและการขายสำหรับประเทศในเอเชียโดยเฉพาะ ภายใต้ ชื่อ บริษัท เล-ซี-บอย เอเชีย จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทำตลาดในประเทศจีนเป็นประเทศแรกอย่างจริงจังในปีนี้ หลังจากนั้นคาดว่าจะเริ่มเข้าไปทำความรู้จักกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน อีกด้วย รวมถึงเกาหลี ญี่ปุ่น และเวียดนาม ในแผนการดำเนินธุรกิจต่อไป ในลักษณะของการร่วมทุนเป็นพันธมิตรร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศเป็นหลัก
ส่วนบริษัท เล-ซี-บอย (ประเทศไทย) จำกัด จะทำหน้าที่เป็นฐานกำลังการผลิต ตามที่ทาง เล-ซี-บอย อินคอร์ปอเรท บริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา ต้องการให้เป็นฮับในตลาดเอเชียและยุโรปต่อไป ซึ่งจากเดิมปัจจุบันมีโรงงานผลิตอยู่ 2 แห่ง ที่อำเภอ บ้านบึง จังหวัดชลบุรี ปีนี้ทางบริษัทฯได้มีการลงทุนกว่า 80 ล้านบาท สำหรับก่อตั้งโรงงานแห่งที่ 3 ขึ้น ในบริเวณเดียวกัน สำหรับรองรับการทำตลาดในเอเชียโดยเฉพาะ คาดว่าจากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 10,000 ตัว ต่อเดือน จาก 2 โรงงาน หากโรงงานแห่งที่ 3 เริ่มกำลังการผลิตได้ จะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 12,000-15,000 ตัว ต่อเดือน หรือ เฉลี่ยโรงงานละ 5,000 ตัว ต่อเดือน
ทั้งนี้ในแง่การขายและการตลาดในประเทศ บริษัทฯได้มอบหมายให้ทางบริษัท Globiz venture จำกัด เข้ามาดูแล แต่ทั้งนี้การทำตลาดยังคงเป็นไปในนามของ เล-ซี-บอย ไทยแลนด์ โดยในปีนี้ทางบริษัทฯได้เพิ่มงบประมาณด้านการตลาดอีกกว่า 20% จากเดิม 30 ล้านบาทในปีก่อน เพื่อผลักดันรายได้ในประเทศให้มีการเติบโตที่ 25% อีกครั้ง เช่นเดียวกับ 4 ปีที่ผ่านมาของการดำเนินธุรกิจในไทย แต่ในปีก่อน มีการเติบโตลดลงเหลือเพียง 5% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าทุกปี เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญ
นายธนากร กล่าวต่อว่า เป้ารายได้การเติบโตในประเทศ ที่วางไว้ 25% ของปีนี้ ทางบริษัทฯมั่นใจว่าสิ้นปีน่าจะเป็นไปตามเป้า เนื่องจากมองว่าการเมืองเริ่มลงตัว ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคในด้านการใช้จ่าย อีกทั้งบริษัทฯยังได้วางแผนเพิ่มช่องทางจำหน่ายอีก 1 ช่องทาง คือ กลุ่มตลาดโปรเจกต์ อย่าง ด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียม และบ้านจัดสรร คาดว่าสิ้นปีช่องทางขายใหม่นี้ จะมีสัดส่วนการขายเกือบ 50% ของรายได้ จากเดิมที่ผ่านมามีรายได้จาก 2 ช่องทาง คือ โมเดิร์นเทรด 60% และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ 35 ราย อีก 40%
ล่าสุด บริษัทฯได้เปิดตัวเล-ซี-บอย แกลเลอลี่ ขึ้น ที่สาขาสุขุมวิท บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ภายใต้งบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท เพื่อเป็นโชว์รูมสินค้า ให้กับลูกค้า และตัวแทนจำหน่ายทั้งในประเทศ และต่างประเทศในเอเชียที่กำลังเข้าไปทำตลาด ได้เข้ามาสัมผัสสินค้าของเล-ซี-บอย ซึ่งในอนาคต โมเดลโชว์รูมแห่งนี้ จะถูกใช้เป็นต้นแบบ สำหรับโชว์รูมทั่วประเทศ ที่ทางตัวแทนจำหน่ายสนใจลงทุนเปิด รวมถึงการเปิดตัวโชว์รูมในตลาดต่างประเทศเช่นกัน
นายธนากร เกษตรสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เล-ซี-บอย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเก้าอี้ปรับเอนนอนเพื่อการพักผ่อน ภายใต้แบรนด์ เล-ซี-บอย (La-Z-Boy) จากประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้เป็นผู้ผลิตและนำเข้าผลิตภัณฑ์เก้าอี้ เลซีบอย จากสหรัฐอเมริกา ในปีที่ผ่านมามีรายได้รวมประมาณ 700-800 ล้านบาท มาจากส่งออกในกลุ่มประเทศยุโรปและเอเชีย 90% และตลาดในประเทศ 10%
ทั้งนี้ในปี 2550 ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯได้ปรับการดำเนินธุรกิจใหม่ โดยในเดือนมีนาคมได้จัดตั้งบริษัทขึ้นมาดูแลด้านการตลาดและการขายสำหรับประเทศในเอเชียโดยเฉพาะ ภายใต้ ชื่อ บริษัท เล-ซี-บอย เอเชีย จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทำตลาดในประเทศจีนเป็นประเทศแรกอย่างจริงจังในปีนี้ หลังจากนั้นคาดว่าจะเริ่มเข้าไปทำความรู้จักกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน อีกด้วย รวมถึงเกาหลี ญี่ปุ่น และเวียดนาม ในแผนการดำเนินธุรกิจต่อไป ในลักษณะของการร่วมทุนเป็นพันธมิตรร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศเป็นหลัก
ส่วนบริษัท เล-ซี-บอย (ประเทศไทย) จำกัด จะทำหน้าที่เป็นฐานกำลังการผลิต ตามที่ทาง เล-ซี-บอย อินคอร์ปอเรท บริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา ต้องการให้เป็นฮับในตลาดเอเชียและยุโรปต่อไป ซึ่งจากเดิมปัจจุบันมีโรงงานผลิตอยู่ 2 แห่ง ที่อำเภอ บ้านบึง จังหวัดชลบุรี ปีนี้ทางบริษัทฯได้มีการลงทุนกว่า 80 ล้านบาท สำหรับก่อตั้งโรงงานแห่งที่ 3 ขึ้น ในบริเวณเดียวกัน สำหรับรองรับการทำตลาดในเอเชียโดยเฉพาะ คาดว่าจากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 10,000 ตัว ต่อเดือน จาก 2 โรงงาน หากโรงงานแห่งที่ 3 เริ่มกำลังการผลิตได้ จะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 12,000-15,000 ตัว ต่อเดือน หรือ เฉลี่ยโรงงานละ 5,000 ตัว ต่อเดือน
ทั้งนี้ในแง่การขายและการตลาดในประเทศ บริษัทฯได้มอบหมายให้ทางบริษัท Globiz venture จำกัด เข้ามาดูแล แต่ทั้งนี้การทำตลาดยังคงเป็นไปในนามของ เล-ซี-บอย ไทยแลนด์ โดยในปีนี้ทางบริษัทฯได้เพิ่มงบประมาณด้านการตลาดอีกกว่า 20% จากเดิม 30 ล้านบาทในปีก่อน เพื่อผลักดันรายได้ในประเทศให้มีการเติบโตที่ 25% อีกครั้ง เช่นเดียวกับ 4 ปีที่ผ่านมาของการดำเนินธุรกิจในไทย แต่ในปีก่อน มีการเติบโตลดลงเหลือเพียง 5% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าทุกปี เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญ
นายธนากร กล่าวต่อว่า เป้ารายได้การเติบโตในประเทศ ที่วางไว้ 25% ของปีนี้ ทางบริษัทฯมั่นใจว่าสิ้นปีน่าจะเป็นไปตามเป้า เนื่องจากมองว่าการเมืองเริ่มลงตัว ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคในด้านการใช้จ่าย อีกทั้งบริษัทฯยังได้วางแผนเพิ่มช่องทางจำหน่ายอีก 1 ช่องทาง คือ กลุ่มตลาดโปรเจกต์ อย่าง ด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียม และบ้านจัดสรร คาดว่าสิ้นปีช่องทางขายใหม่นี้ จะมีสัดส่วนการขายเกือบ 50% ของรายได้ จากเดิมที่ผ่านมามีรายได้จาก 2 ช่องทาง คือ โมเดิร์นเทรด 60% และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ 35 ราย อีก 40%
ล่าสุด บริษัทฯได้เปิดตัวเล-ซี-บอย แกลเลอลี่ ขึ้น ที่สาขาสุขุมวิท บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ภายใต้งบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท เพื่อเป็นโชว์รูมสินค้า ให้กับลูกค้า และตัวแทนจำหน่ายทั้งในประเทศ และต่างประเทศในเอเชียที่กำลังเข้าไปทำตลาด ได้เข้ามาสัมผัสสินค้าของเล-ซี-บอย ซึ่งในอนาคต โมเดลโชว์รูมแห่งนี้ จะถูกใช้เป็นต้นแบบ สำหรับโชว์รูมทั่วประเทศ ที่ทางตัวแทนจำหน่ายสนใจลงทุนเปิด รวมถึงการเปิดตัวโชว์รูมในตลาดต่างประเทศเช่นกัน