รถโดยสารไทย-ลาวปรับให้บริการรับน้ำมันแพง

หนองคาย-ผู้ประกอบการรถโดยสารประจำสะพานมิตรภาพไทย – ลาว จ.หนองคาย ปรับวิธีเดินรถหลังน้ำมันพุ่งไม่หยุด ก่อนออกเดินรถแต่ละเที่ยว ต้องรอให้ผู้โดยสารมีมากพอคุ้มต้นทุนน้ำมัน พร้อมหันมาติดตั้งแก๊สLPG มากขึ้นเพื่อประหยัดต้นทุน

นายยิ้ม กุศล ผู้จัดการบริษัทประสิทธิ์โชคทรานสปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการให้บริการเดินรถโดยสารข้ามสะพานมิตรภาพไทย – ลาว จ.หนองคาย กล่าวว่า หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่มีท่าทีว่าจะลดลง ผู้ประกอบการเดินรถต้องหาวิธีการประคับประคองตัวเองให้สามารถประกอบการได้ โดยรถบัสโดยสารที่มีอยู่ในสังกัดจำนวน 8 คัน ในแต่ละวันรถบัสโดยสารต้องเติมน้ำมันดีเซลวันละ 2,000 บาท/คัน เก็บค่าโดยสารคนละ 15 บาท

ราคาค่าโดยสารดังกล่าวเป็นราคาที่ไม่สามารถปรับขึ้นได้ เนื่องจากจะต้องได้รับความเห็นชอบจากมติที่ประชุมคณะกรรมการความร่วมมือไทย – ลาว และขณะนี้ยังไม่มีการเจรจาพูดคุยกันของทั้งสองฝ่าย ทำให้ผู้ประกอบการเดินรถจะต้องหาวิธีการให้ตัวเองอยู่รอดได้ ด้วยการรอให้มีผู้โดยสารจำนวนมากๆก่อนจึงจะออกรถ

ก่อนหน้านี้จะออกรถบัสทุก ๆ 20-30 นาที เฉลี่ยแล้วเดินรถบัสโดยสารวันละ 30 เที่ยว แต่ตอนนี้ปรับวิธีการทำให้เดินรถอยู่ที่ประมาณวันละ 20-25 เที่ยว

ส่วนรถตู้มีจำนวน 40 คัน ในแต่ละวันจะจัดสรรรถตู้ให้บริการวันละ 4 คัน โดยจะให้บริการเหมาทั้งคันข้ามจาก จ.หนองคาย ไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว อัตราค่าบริการคันละ 200 บาท/คน ซึ่งราคานี้เป็นราคาตั้งแต่น้ำมันดีเซลลิตรละประมาณ 15 บาท แต่เมื่อน้ำมันปรับราคาขึ้นรถตู้ก็หาวิธีประหยัดด้วยการติดตั้งแก๊ส LPG ใส่รถตู้แทน ซึ่งเมื่อติดตั้งแก๊สแล้วก็ทำให้ประหยัดน้ำมันในแต่ละวันได้มาก

ขณะนี้มีรถตู้หันมาติดตั้งแก๊ส LPG แล้วเกือบครึ่ง ส่วนที่เหลือก็ยังไม่กล้าติดตั้งแก๊ส โดยให้เหตุผลว่ากลัวว่าเมื่อติดตั้งแก๊สไปแล้วราคาแก๊สก็จะพุ่งไม่หยุดเหมือนราคาน้ำมัน จึงทำให้ขณะนี้รถตู้ของบริษัทมีทั้งใช้น้ำมันและใช้แก๊ส

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดวิกฤตน้ำมันแพงทำให้รายได้ของรถโดยสารประจำสะพานมิตรภาพไทย – ลาว ลดลง จากเดิมมีรายได้วันละประมาณ 30,000 บาท ขณะนี้รายได้หายไปเหลือวันละประมาณ 20,000 บาท ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวเป็นวิธีการหนึ่งที่ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการประหยัดน้ำมันได้เองโดยไม่ต้องพึ่งรัฐบาล

ในอนาคตก็ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาน้ำมันแพงให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และผู้ประกอบการเดินรถเองมีความต้องการใช้ไบโอดีเซล แต่ยังติดปัญหาว่ายังไม่มีไบโอดีเซลให้บริการในพื้นที่ จ.หนองคาย